แรง! สมจิตต์ จวก ยิ่งลักษณ์ ขาดธรรมาภิบาล ไร้ความละอายต่อบาป



 


เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม

ขอขอบคุณภาพประกอบจาก เฟซบุ๊ก สมจิตต์ นวเครือสุนทร
 
            สมจิตต์ จวก รัฐบาลยิ่งลักษณ์ เป็นพวกขาดธรรมาภิบาล ไร้ความละอายต่อบาป พร้อมยก 10 ตัวอย่างประกอบ ไม่ต่างอะไรจากรัฐบาลทักษิณ

            เมื่อวานนี้ (17 มกราคม) เฟซบุ๊ก สมจิตต์ นวเครือสุนทร ของนางสาวสมจิตต์ นวเครือสุนทร ผู้สื่อข่าวของสถานีโทรทัศน์กองทัพบกช่อง 7 มีการเขียนข้อความ จวกรัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ว่าเป็นพวกขาดธรรมาภิบาล ไร้ความละอายต่อบาป พร้อมกับยก 10 ตัวอย่างประกอบ ดังนี้

พี่น้องพอกัน ขาดธรรมาภิบาลไร้ความละอายต่อบาป

            ในขณะที่ละคร "เหนือเมฆ" ซึ่งมีเนื้อหาสะท้อนให้ประชาชนศรัทธาและกล้าที่จะทำความดีถูกถอดกลางอากาศอย่างเป็นปริศนาในยุครัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร จนเกิดปรากฏการณ์ทวงคืนเหนือเมฆ 2 ตามมาในหลากหลายรูปแบบ เรากลับได้เห็นนักโทษได้ออกทีวีรัฐใช้ข้ออ้างเทิดพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมาฟอกตัวทางการเมืองให้กับตัวเอง ผ่านรายการชกมวยถ้วยพระราชทานปลอม โดยที่ทุกหน่วยงานช่วยกันการันตีว่าทำได้ ไม่กระทบความมั่นคงใด ๆ ทั้งสิ้น แต่ "เหนือเมฆ2" ที่สอนให้คนเชื่อมั่นว่าความดีจะชนะทุกสิ่ง ถูกถอดออกไม่ให้นำเสนอเพราะมีเนื้อหาเป็นภัยคุกคามต่อการปกครองของประเทศ จนสื่อต่างประเทศอย่าง อัลจาซีร่า ถึงกับวิจารณ์ว่าเป็นการตัดสินใจแบบเผด็จการไม่ใช่นักประชาธิปไตย

            จะว่าไปก็ไม่ใช่เรื่องแปลกที่คุณงามความดีจะไม่ใช่สิ่งที่น่าพิสมัยสำหรับรัฐบาลชุดนี้ เพราะตลอดการบริหารปีเศษที่ผ่านมาก็สะท้อนชัดว่า "ขาดธรรมาภิบาลไร้ความละอายต่อบาป" ไม่แตกต่างอะไรจากยุคที่ระบอบทักษิณเรืองอำนาจ โดยในที่นี้ขอยกตัวอย่าง 10 เรื่องความเหมือนระหว่างพี่น้องตระกูลชินวัตร เกี่ยวกับพฤติกรรมขาดธรรมาภิบาลไร้ความละอายต่อบาป ดังนี้


1. ละเมิดสิทธิมนุษยชนไม่เคารพสิทธิประชาชน

            ยุคทักษิณ : ปราบปรามประชาชนมือเปล่าด้วยความรุนแรง เช่น กรณีตากใบ และโรงแยกก๊าซจะนะ

            ยุคยิ่งลักษณ์ : ปราบปรามประชาชนมือเปล่าด้วยความรุนแรงจาก กรณีการชุมนุมของกลุ่มเสธ.อ้าย  ด้วยการยิงแก๊สน้ำตาหมดอายุ และทำร้ายสื่อมวลชนหลายคนอย่างไร้เหตุผล

 
2. กฎหมู่อยู่เหนือกฎหมาย พรรคพวกมาก่อนหลักการ

            ยุคทักษิณ : ใช้มวลชนกดดันองค์กรอิสระ เตรียมจัดม็อบหนุนชนม็อบต้านรัฐบาล เล่นพรรคเล่นพวกไม่สนกติกา สร้างความแตกแยก

            ยุคยิ่งลักษณ์ : ใช้มวลชนกดดันองค์กรอิสระ พร้อมจัดม็อบหนุนชนม็อบต้านรัฐบาล เล่นพรรคเล่นพวกไม่สนกติกา สร้างความแตกแยก


3. ทำลายองค์กรอิสระ กวาดล้างอำนาจตุลาการ

            ยุคทักษิณ : แทรกแซงองค์กรอิสระตั้งแต่กระบวนการสรรหาด้วยการบล็อคโหวต โดยสามารถควบคุม กกต.และ ปปช.ได้ในยุคหนึ่งก่อนที่จะถูกรัฐประหารในวันที่ 19 ก.ย. 49

            ยุคยิ่งลักษณ์ : เตรียมรื้อ รธน.ยุบองค์กรอิสระ ปรับโครงสร้างตุลาการ รวบอำนาจมาไว้ที่ฝ่ายบริหาร อ้างว่าต้องยึดโยงกับประชาชนผ่านเสียงข้างมากในสภา

 
4. เมินแก้ทุจริต คิดนโยบายเพื่อโกง

            ยุคทักษิณ : เป็นยุคแรกของการคอร์รัปชั่นเชิงนโยบายที่แพร่ขยายอย่างรวดเร็ว จากการกำหนดนโยบายเอื้อประโยชน์ให้กับธุรกิจของตัวเอง อาทิ การแปลงสัญญาสัมปทานเป็นภาษีสรรพสามิตร

            ยุคยิ่งลักษณ์ : สานต่อการคอร์รัปชั่นเชิงนโยบาย ออกแบบนโยบายเปิดช่องทุจริต เช่น โครงการรับจำนำข้าว โดยไม่สนใจความเสียหายต่อชาติบ้านเมือง


5. ไม่เคารพสภา ไร้หัวใจประชาธิปไตย


            ยุคทักษิณ : เห็นประชาธิปไตยเป็นเพียงเครื่องมือในการเข้าสู่อำนาจ ตลอดการบริหารประเทศเข้าสภาเพียงแค่ 12 ครั้ง ไม่เคยตอบกระทู้ฝ่ายค้าน ไม่เคยถูกอภิปรายไม่ไว้วางใจ เพราะรวบรวมเสียงไว้อย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาดด้วยการควบรวมพรรคเล็ก

            ยุคยิ่งลักษณ์ : ไม่มีความเข้าใจต่อระบอบประชาธิปไตยแต่ชอบอ้างระบบรัฐสภา ทั้งที่ไม่เคยให้ความเคารพต่อกระบวนการตรวจสอบ หนีการตอบกระทู้ในสภา ใช้สภาเป็นกลไกออกกฎหมายมุ่งล้างความผิดให้พี่ชายนักโทษ โดยไม่สนว่าจะขัดหลักนิติรัฐ นิติธรรม

 
6. เอาประชาชนเป็นข้ออ้างแต่ทุกอย่างทำเพื่อตัวเอง

            ยุคทักษิณ : ออกโครงการประชานิยมมากมายที่สร้างภาระให้กับประเทศสร้างหนี้ให้กับประชาชน เพื่อคะแนนนิยมทางการเมือง โดยใช้เงินภาษีประชาชนมาซื้ออำนาจให้กับตัวเอง

            ยุคยิ่งลักษณ์ : สานต่อโครงการประชานิยมพาชาติล่มสลาย ไม่สนผลกระทบต่อชาติ มุ่งแต่คะแนนนิยมทางการเมือง

 
7. สร้างเครือข่ายการเมืองหนุนรัฐตำรวจสยายปีกเครือญาติ

            ยุคทักษิณ : ตั้งตำรวจเป็นใหญ่ในหลายหน่วยงานเพื่อเป็นมือเป็นไม้ อาทิ พล.ต.ต.สุรสิทธิ์ สังขพงศ์ ไปเป็นผู้อำนวยการกองสลากกินแบ่งรัฐบาล ตั้ง พล.อ.ชัยสิทธิ์ ชินวัตร เป็น ผบ.ทบ.

            ยุคยิ่งลักษณ์ :  ตั้งตำรวจเป็นใหญ่ในหลายหน่วยงานเพื่อเป็นมือเป็นไม้ อาทิ พล.ต.ต.อรรถกฤษณ์ ธารีฉัตร อดีตนายตำรวจติดตาม ทักษิณ เป็น ผอ.กองสลากกินแบ่งรัฐบาล ตั้ง พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงษ์ เป็น ผบ.ตร. เด้งขรก.ดีอย่าง ถวิล เปลี่ยนศรี อดีตเลขา สมช.ไปตบฝุ่น

 
8. อุ้มคนทุจริตไม่คิดวางระบบปราบโกง

            ยุคทักษิณ : ปรับ ครม.หนีการอภิปรายไม่ไว้วางใจของฝ่ายค้าน ไม่มีการปรับเปลี่ยนรัฐมนตรีที่ถูกครหาว่ามีปัญหาเรื่องการทุจริต

            ยุคยิ่งลักษณ์ :  อุ้มคนทุจริตร่วมกันโกหกสีขาวเดินหน้าโครงการรับจำนำข้าวทั้งที่ประเทศชาติเสียหาย เกิดการทุจริตทุกขั้นตอน ไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย ป.ป.ช.เรื่องการเสนอราคากลาง

 
9. ไม่รู้จักจริยธรรม สนใจแต่วัตถุนิยม

            ยุคทักษิณ : ประดิษฐ์วาทกรรม "บกพร่องโดยสุจริต" หลังถูกตรวจพบ "ซุกหุ้น" ก่อนจะวิ่งเต้นจนชนะคดีในศาลรัฐธรรมนูญ กระทั่งหลีกเลี่ยงการเสียภาษีจากการซื้อขายหุ้นชินคอร์ปซึ่งนายสุวรรณ วลัยเสถียร อดีต รมช.พาณิชย์ที่ปรึกษาด้านภาษียอมรับว่า "ได้รับมอบหมายแค่เรื่องกฎหมายไม่ได้ดูเรื่องจริยธรรม"

            ยุคยิ่งลักษณ์ : ถูกผู้ตรวจการแผ่นดินท้วงติงถึงการแต่งตั้งนางนลินี ทวีสิน และณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ เป็น รมต.ว่าไม่ได้คำนึงถึงจริยธรรมอย่างเพียงพอ นอกจากไม่เคารพแล้วยังส่งลิ่วล้อออกมาโจมตีผู้ตรวจการแผ่นดินด้วย

 
10. โกหกรายวันใช้สื่อตบตาประชาชน

            ยุคทักษิณ : พูดจากลับไปกลับมาเชื่อถือไม่ได้ โดยเฉพาะเรื่องการวางมือทางการเมืองที่เคยประกาศเว้นวรรคให้ พล.ต.อ.ชิดชัย วรรณสถิตย์ รักษาการนายกฯ แต่เปลี่ยนใจกลับมาทำหน้าที่เอง ครอบงำสื่อปิดหู ปิดตาประชาชน สร้างภาพเศรษฐกิจเฟื่องฟูซุกหนี้ไว้ใต้พรม

            ยุคยิ่งลักษณ์ : โกหกรายวันไม่ต่างจากพี่ชาย ปากอ้างเคารพรัฐสภาแต่ไม่เคยเข้าสภา ไร้ความรู้ขาดความสนใจในการบริหารประเทศไม่รู้แม้กระทั่งน้ำมันเบนซินขึ้นราคา อ้างไม่ทำเพื่อพี่ชายแต่ใช้กลไกสภาเดินเครื่องเต็มที่ ลอยตัวหนีปัญหาทำเศรษฐกิจชาติซบ ส่งออกโคม่า หนี้เริ่มวิกฤตทั้งหนี้ประเทศและหนี้ประชาชน

             บ้านเมืองดิ่งเหวถ้าประเทศได้รัฐบาลที่ไม่ศรัทธาในความดี ไม่ละอายต่อการทำชั่ว









เรื่องน่าสนใจอื่นๆ
เรื่องที่คุณอาจสนใจ
แรง! สมจิตต์ จวก ยิ่งลักษณ์ ขาดธรรมาภิบาล ไร้ความละอายต่อบาป โพสต์เมื่อ 18 มกราคม 2556 เวลา 11:51:02 5,800 อ่าน
TOP
x close