
เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก เฟซบุ๊ก Kit Kat
อึ้ง! ชาวสิงห์บุรีร้องพบพลาสติกผสมในขนมคิทแคท เหมือนที่พบในต่างประเทศ มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค จี้ เนสท์เล่ เรียกเก็บคืนสินค้าทั้งหมด ด้านเนสท์เล่แจงแค่ตัวนำฉีก สัมผัสอาหารได้ ไม่มีอันตราย คนละกรณีกับที่เรียกเก็บคืนสินค้าในต่างประเทศ
จากกรณีที่บริษัทเนสท์เล่ ในประเทศอังกฤษ เยอรมนี สวิตเซอร์แลนด์ มอลตา แคนาดา ออสเตรเลีย อินโดนีเซีย สิงคโปร์ และมาเลเซีย ได้สั่งเก็บขนมเวเฟอร์คิทแคท 6 ชนิด หลังจากพบว่ามีพลาสติกผสมอยู่ในเนื้อช็อกโกแลตที่เคลือบขนม พร้อมกับให้ผู้บริโภคสามารถนำสินค้ามาเปลี่ยนคืนเป็นเงินเต็มจำนวนได้ภายใต้ข้อแม้ว่าหีบห่อของสินค้ายังอยู่ในสภาพสมบูรณ์ไม่มีรอยฉีกขาดนั้น
ในส่วนของประเทศไทยเอง เมื่อวันที่ 2 เมษายน นายอิฐบูรณ์ อ้นวงษา หัวหน้าศูนย์พิทักษ์สิทธิผู้บริโภค ก็ได้ออกมาแถลงข่าวที่มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค เรียกร้องให้ บริษัท เนสท์เล่ (ไทย) จำกัด เรียกเก็บขนมคิทแคทออกจากชั้นวางเช่นเดียวกับในหลายประเทศ เนื่องจากเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา มีประชาชนร้องเรียนเข้ามาว่า พบพลาสติกผสมอยู่ในเนื้อช็อกโกแลตยี่ห้อ คิทแคท ชั้งกี้ ที่ซื้อมาจากห้างเทสโก้ โลตัส สาขาสิงห์บุรี จากการตรวจสอบคาดว่าอาจเกิดจากการออกแบบซองที่ผิดพลาด ทำให้พลาสติกด้านในซองหลุดลอกออกมาได้ อีกทั้งประเทศไทยเป็นเมืองร้อน พลาสติกก็จะยิ่งหลุดลอกได้ง่ายขึ้น สิ่งนี้แสดงให้เห็นว่าอาจจะมีความเสี่ยงแบบเดียวกันกระจายอยู่ในทุกที่ ที่มีการจำหน่ายสินค้าชนิดนี้
ทั้งนี้ นายอิฐบูรณ์ ย้ำว่า ผู้ผลิตต้องรับผิดชอบในเรื่องนี้ และต้องใช้มาตรฐานเดียวกันในการดำเนินการ ไม่ใช่รอให้เกิดเรื่องเหมือนกับในต่างประเทศแล้วค่อยมาแก้ไขด้วยการคืนเงิน สิ่งที่ควรทำคือเรียกเก็บสินค้าที่จำหน่ายในประเทศไทยทั้งหมดคืนมา เพราะจากข้อมูลพบว่า ขนมคิทแคทที่จำหน่ายในประเทศไทยทั้งหมดนำเข้ามาจากประเทศมาเลเซีย เมื่อประเทศมาเลเซียได้เรียกคืนสินค้าในประเทศแล้ว ประเทศไทยก็ต้องยิ่งควรทำเช่นกัน
นอกจากนี้ หัวหน้าศูนย์พิทักษ์สิทธิผู้บริโภค ยังเรียกร้องให้สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคสั่งให้บริษัทเนสท์เล่ เรียกเก็บสินค้าที่จำหน่ายในประเทศด้วย และจะทำหนังสือถึงสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ให้ข้อเสนอแนะในการเพิ่มเติมให้มีการเรียกคืนผลิตภัณฑ์ระบุไว้ใน พ.ร.บ. อาหาร ซึ่งขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างการปรับปรุงและอยู่ในกระบวนการพิจารณาโดยกฤษฎีกาด้วย
อย่างไรก็ตาม หากผู้บริโภครายใดพบปัญหาเดียวกันนี้ สามารถแจ้งความไว้เป็นหลักฐานเพื่อดำเนินคดีได้
ขณะที่ตัวแทนบริษัทเนสท์เล่ (ไทย) จำกัด ได้เข้ามาชี้แจงเรื่องนี้ต่อ นางสาวสารี อ๋องสมหวัง เลขาธิการมูลนิธิเพื่อผู้บริโภค เมื่อวันที่ 3 เมษายนว่า พลาสติกดังกล่าวไม่มีอันตรายใด ๆ เพราะเป็นตัวนำฉีกเพื่อให้ผู้บริโภคสามารถฉีกผลิตภัณฑ์ได้ง่าย โดยพลาสติกดังกล่าวผ่านการรับรองจาก FDA (UK) แล้วว่าสามารถสัมผัสอาหารได้ ไม่ใช่การปนเปื้อนเศษพลาสติกในเนื้อขนมเหมือนกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในประเทศอังกฤษ
เมื่อได้ฟังคำชี้แจงแล้ว นางสาวสารี ก็ได้แนะนำให้บริษัทเนสท์เล่เปลี่ยนรูปแบบแพ็กเกจบรรจุภัณฑ์ให้ปลอดภัยยิ่งขึ้น โดยอาจจะนำตัวนำฉีกออกมาไว้ด้านนอกไม่ให้สัมผัสกับอาหาร พร้อมกับตรวจสอบด้วยว่า สินค้าที่นำเข้ามาจำหน่ายในประเทศไทยมีการปัญหาเหมือนกับในต่างประเทศด้วยหรือไม่
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก








