เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก ครอบครัวข่าว 3 , เฟซบุ๊ก Yingluck Shinawatra
มติเอกฉันท์ ป.ป.ช. ชี้ ยิ่งลักษณ์ปล่อยกู้คู่สมรส ไม่เข้าข่ายแจ้งทรัพย์สินเป็นเท็จ หรือปกปิดข้อมูล แต่มีมติรับทราบเรื่องไว้พิจารณาต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (4 เมษายน) คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ฝ่ายสืบสวนสอบสวน ได้นัดประชุมพิจารณา กรณีที่ นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ปล่อยเงินกู้ 30 ล้านบาท ให้บริษัท แอ็ด อินเด็กซ์ ของนายอนุสรณ์ อมรฉัตร สามีนอกสมรส ก่อนดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ว่า ข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร และมีข้อมูลหลักฐานเพียงพอที่จะชี้ว่ามีมูลความผิดหรือไม่ โดยนัดจะแถลงผลการสอบสวนในวันเดียวกันนี้ เวลา 14.00 น.
ทั้งนี้ มีรายงานด้วยว่า หากที่ประชุม ป.ป.ช. เห็นว่า นางสาวยิ่งลักษณ์มีมูลความผิดจริง ก็จะจัดตั้งอนุกรรมการขึ้นมาไต่สวนต่อไป แต่หากเห็นว่าไม่มีมูลความผิด การสืบสวนคดีนี้ก็จะยุติไป
ต่อมาเมื่อเวลาประมาณ 14.30 น. ป.ป.ช. ได้แถลงผลการสอบสวนว่า ทางที่ประชุม ป.ป.ช. ได้มีมติเป็นเอกฉันท์ ว่า กรณีที่นางสาวยิ่งลักษณ์ปล่อยกู้ 30 ล้านบาทให้กับคู่สมรสนั้น ไม่เข้าข่ายแจ้งทรัพย์สินเป็นเท็จ หรือปกปิดข้อมูล โดยทาง ป.ป.ช. เชื่อว่า เงิน 30 ล้านบาทที่ให้บริษัทแอ็ด อินเด็กซ์ กู้นั้นมีอยู่จริง แต่ไม่พบพฤติการณ์จงใจปกปิด หรือแสดงบัญชีทรัพย์สินหนี้สินเป็นเท็จแต่อย่างใด
อย่างไรก็ตาม ทาง ป.ป.ช. ได้มีมติรับทราบเรื่องนี้ไว้ และเก็บข้อมูลไว้พิจารณาต่อไป พร้อมกับยืนยันว่า คณะกรรมการทำงานโดยไม่ถูกกดดันจากฝ่ายใด

สำหรับคดีปล่อยเงินกู้ 30 ล้านบาทนั้น ต้องย้อนกลับไปเมื่อปี 2549 นางสาวยิ่งลักษณ์ ได้แจ้งบัญชีว่า ได้ให้บริษัท แอ๊ด อินเด็กซ์ ของนายอนุสรณ์ อมรฉัตร คู่สมรส กู้ยืมเงิน 30 ล้าน เป็นตั๋วสัญญาใช้เงิน 3 ฉบับ คือ วันที่ 6 ตุลาคม 2549 ปล่อยกู้ 20 ล้านบาท, วันที่ 9 มีนาคม 2550 ปล่อยกู้ 5 ล้านบาท และวันที่ 13 มีนาคม 2550 ปล่อยกู้ 5 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม ข้อมูลดังกล่าวที่ นางสาวยิ่งลักษณ์ แจ้งต่อ ป.ป.ช. นั้น ขัดแย้งกับข้อมูลการกู้ยืมเงินของบริษัท แอ๊ด อินเด็กซ์ นั่นคือ ในบัญชีของบริษัทเมื่อปี 2549 กลับไม่มีรายงานการกู้เงินจากบุคคลอื่น ทั้งที่นางสาวยิ่งลักษณ์แจ้งว่าได้ปล่อยกู้ให้เมื่อวันที่ 6 ตุลาคม 2549 เป็นเงิน 20 ล้าน ขณะที่เมื่อตรวจสอบบัญชีในปี 2550 ก็พบบันทึกการเงินบริษัทใส่เงินกู้ 30 ล้านบาท ในงบการเงินปี 2550 ทั้งที่ในปี 2549 ไม่มี
นอกจากนี้ บริษัทได้ชี้แจงอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ยืมจากบุคคลอื่นในแต่ละปีแตกต่างกัน โดยในปี 2550 ทางบริษัทแจ้งอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ 2.05-3.75% แต่อัตราดอกเบี้ยที่ระบุในตั๋วสัญญาใช้เงินที่ นางสาวยิ่งลักษณ์ แจ้งต่อ ป.ป.ช. คิดดอกเบี้ยตามประกาศอัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำ 1 ปี ของสถาบันการเงิน
สิ่งเหล่านี้จึงเป็นข้อพิรุธที่ทาง ป.ป.ช. ได้ตรวจสอบว่าจะเป็นนิติกรรมอำพรางหรือไม่ เพราะอาจไม่มีการปล่อยเงินกู้จริง และหากตรวจสอบแล้วว่า นางสาวยิ่งลักษณ์ กระทำความผิดแจ้งบัญชีทรัพย์สินอันเป็นเท็จจริง เรื่องนี้จะถูกส่งให้ศาลฎีกาแผนกคดีอาญานักการเมืองพิจารณา และหากศาลรับเรื่องไว้ จะทำให้ นางสาวยิ่งลักษณ์ ต้องหยุดการปฏิบัติหน้าที่ในฐานะนายกรัฐมนตรีทันที
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก







