วันประชาธิปไตย
ก่อนจะกล่าวถึงวันประชาธิปไตย คงต้องเท้าความย้อนไปเมื่อวันที่ 14 ตุลาคม 2516 เมื่อเกิดเหตุการณ์ทางการเมืองครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ไทย โดยเหตุการณ์ในครั้งนั้นได้รับการขนานนามว่า "วันมหาวิปโยค" เนื่องจากมีนักเรียน นิสิต นักศึกษา และประชาชน ทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด นับแสนคน เดินขบวนต่อสู้เรียกร้องประชาธิปไตยและคัดค้านอำนาจเผด็จการของรัฐบาลคณาธิปไตย สมัยพันเอก ณรงค์ กิตติขจร, จอมพล ถนอม กิตติขจร และจอมพล ประภาส จารุเสถียร
โดยในครั้งนั้นได้มีการเคลื่อนไหวขับไล่กลุ่มเผด็จการทรราชออกจากอำนาจที่ยึดครองมาหลายสมัย
รวมทั้งมีการเรียกร้องให้ปลดปล่อยนิสิต นักศึกษา อาจารย์ และนักการเมือง
13 คน ที่ถูกจับกุมฐานเรียกร้องรัฐธรรมนูญ แต่กลับถูกรัฐบาลตั้งข้อหากระทำผิดกฎหมาย ทำลายความมั่นคงของรัฐ เป็นกบฏภายในราชอาณาจักรและมีการกระทำอันเป็นคอมมิวนิสต์
จากนั้นรัฐบาลได้ออกปราบปรามผู้ชุมนุมในวันที่ 14 ตุลาคม 2516
โดยทหารและตำรวจได้ใช้อาวุธ รถถัง เฮลิคอปเตอร์ และแก๊สน้ำตา
ยิงใส่ผู้ชุมนุม จนมีผู้เสียชีวิตเป็นจำนวนมาก
เหตุการณ์ดังกล่าวได้ลุกลามใหญ่โต เมื่อประชาชนที่โกรธแค้นต่างร่วมมือกันต่อสู้ และบางส่วนได้เผาทำลายอาคารสถานที่และยานพาหนะของทางราชการ แต่ด้วยพระบารมีของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ทรงแก้ปัญหา เหตุการณ์จึงสงบ โดยจอมพล ถนอม และจอมพล ประภาส ได้ลาออกจากตำแหน่ง ก่อนเดินทางออกนอกประเทศ
อนุสรณ์สถาน 14 ตุลา
ทั้งนี้ ในปัจจุบันได้มีการก่อสร้างอนุสรณ์สถาน 14 ตุลา ขึ้น บริเวณสี่แยกคอกวัว ถนนราชดำเนินกลาง เพื่อรำลึกถึงเหตุการณ์ดังกล่าว โดยใช้เวลาก่อสร้างนานถึง 28 ปี พร้อมทั้งก่อตั้งมูลนิธิ 14 ตุลา ขึ้นด้วย ต่อมารัฐสภาซึ่งประกอบด้วยสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภา ได้ลงมติเห็นชอบให้วันที่ 14 ตุลาคม ของทุกปี เป็น "วันประชาธิปไตย" ในโอกาสครบรอบเหตุการณ์ 30 ปี อันเป็นการรำลึกถึงพลังบริสุทธิ์ของคนหนุ่มสาวที่เสียสละชีวิตเพื่อประชาธิปไตย
นอกจากนี้มติของรัฐสภายังเห็นชอบให้มีการนำเหตุการณ์ 14 ตุลาคม 2516 บรรจุในหลักสูตรการศึกษา เพื่อให้คนรุ่นหลังได้ทราบถึงเหตุการณ์สำคัญของชาติ ซึ่งถือว่ากรณีดังกล่าวเป็นการเมืองภาคประชาชนที่มีผลต่อการพัฒนาการเมืองจนมีระบบรัฐสภาต่อเนื่องมาจนถึงทุกวันนี้
จากข้อมูลดังกล่าวในข้างต้นจะเห็นว่า วันประชาธิปไตย ถือเป็นวันสำคัญทางการเมือง ที่นอกจากจะทำให้ประชาชนคนรุ่นหลังได้ทราบถึงเส้นทางสายการเมืองในอดีตของประเทศไทยว่ากว่าจะมีระบอบประชาธิปไตยที่ใช้ปกครองบ้านเมืองอย่างสงบและเป็นแบบแผนดังเช่นทุกวันนี้ คนรุ่นก่อนได้เสียสละกันมากน้อยเพียงใด ดังนั้น ทุกคนควรปฏิบัติตนในฐานะพลเมืองตามระบอบประชาธิปไตย ด้วยการไม่นอนหลับทับสิทธิ์ และไม่ซื้อสิทธิ์ขายเสียงกันนะคะ
ขอบคุณข้อมูลจาก : สำนักงานสภาพัฒนาการเมือง สถาบันพระปกเกล้า