หมอวิสุทธิ์ บุญเกษมสันติ กับชีวิตในเรือนจำ จากรายการคนค้นฅน

 หมอวิสุทธิ์ บุญเกษมสันติ

 หมอวิสุทธิ์ บุญเกษมสันติ

 หมอวิสุทธิ์ บุญเกษมสันติ

 หมอวิสุทธิ์ บุญเกษมสันติ

เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก รายการคนค้นฅน

          หมอวิสุทธิ์ บุญเกษมสันติ เผยชีวิตเบื้องหลังกำแพงเรือนจำ กับชีวิตใหม่หลังก้าวผ่านคำว่านักโทษประหาร สู่การเรียนรู้ชีวิต จากโรงเรียนแห่งใหม่ที่ถูกเรียกว่าเรือนจำ 
      
         เมื่อย้อนกลับไปเมื่อ 12 ปีก่อน (พ.ศ. 2544) หลายคนยังคงจำได้ถึงคดีอาชญากรรมในตำนาน ที่สร้างความสั่นสะเทือนให้กับวงการแพทย์ ในคดีฆ่าหั่นศพ พญ.ผัสพร บุญเกษมสันติ อดีตสูตินรีแพทย์ ซึ่งมือสังหารก็ไม่ใช่ใครอื่นนอกจาก นพ.วิสุทธิ์ บุญเกษมสันติ หรือ หมอวิสุทธิ์ บุญเกษมสันติ อดีตสูตินรีแพทย์ ผู้เชี่ยวชาญด้านการทำกิ๊ฟมือหนึ่งของประเทศ ซึ่งเป็นคู่ชีวิตของเธอ โดยหลังจากที่คดีดังกล่าวได้เข้าสู่กระบวนการยุติธรรมตามลำดับชั้นมาเป็นเวลาหลายปี ในที่สุด นพ.วิสุทธิ์ ก็ถูกส่งตัวเข้าคุมขังในเรือนจำกลางบางขวาง ในฐานะนักโทษประหาร ด้วยความผิดฐานหน่วงเหนี่ยวกักขังผู้ตายให้ปราศจากเสรีภาพในร่างกาย และฆ่าผู้อื่นตายโดยไตร่ตรองไว้ก่อน
 
          และเป็นเวลานานถึง 9 ปีแห่งการจองจำ จากสูตินรีแพทย์ฝีมือดีระดับเอเชีย สู่นักโทษประหาร จนกระทั่งปัจจุบันหมอวิสุทธิ์ได้กลายมาเป็นนักโทษชั้นเยี่ยม และเป็นเจ้าหน้าที่ช่วยเหลือแพทย์อยู่ในแดนพยาบาล เรือนจำกลางบางขวาง โดยมีหน้าที่ดูแลและรักษาเพื่อนผู้ ต้องขังคนต่าง ๆ ในที่สุดทางรายการคนค้นฅน ที่ออกอากาศเมื่อวันที่ 22 มิถุนายนที่ผ่านมา ก็ได้จะพาทุก ๆ คนไปสัมผัสกับเรื่องราวหลังเรือนจำของหมอวิสุทธิ์ ซึ่งได้เรียนรู้และได้มีโอกาสในการทบทวนความผิดพลาดที่ผ่านมาในชีวิตในตอน โลกหลังกำแพง...ของ หมอวิสุทธิ์ บุญเกษมสันติ
 
          แม้ว่าสภาพภายในแดนพยาบาลของเรือนจำบางขวาง จะดูปลอดโปร่งไม่เหมือนสภาพของคุกในความคิดของใครหลายคน แต่เมื่อขึ้นชื่อว่าเป็นคุกก็ย่อมไม่เคยมีอิสรภาพ โดย หมอวิสุทธิ์ บุญเกษมสันติ ได้ย้อนความทรงจำให้เราได้ฟังถึงช่วงเวลาที่เลวร้ายที่สุดของการใช้ชีวิตเรือนจำ ในช่วงที่เพิ่งถูกพาเข้ามายังเรือนจำแห่งนี้ในฐานะนักโทษประหาร ว่าในตอนนั้นเขาจะต้องถูกจับใส่ตรวนล่ามโซ่ ซึ่งเป็นสิ่งที่ให้สภาพจิตใจแย่ลงมาก เพราะรู้สึกเหมือนตัวเองกลายเป็นสัตว์ร้ายที่ต้องถูกใส่ตรวน ไม่ใช่คน ทุกสิ่งที่เคยเป็นและเคยมีในอดีตล้วนสูญสิ้นไปหมด แม้ว่าจะมีลมหายใจแต่ก็เหมือนกับคนที่ตายไปแล้ว

 
          แต่ถึงอย่างนั้น ด้วยกำลังใจจากคนรอบข้าง ทั้งจากเพื่อนฝูงที่แวะเวียนเข้ามาเยี่ยมให้กำลังใจ และจากเพื่อนร่วมแดนประหาร ก็ทำให้ หมอวิสุทธิ์ บุญเกษมสันติ ผ่านพ้นช่วงเวลาที่เลวร้ายมาได้ และไม่เคยคิดอยากจะฆ่าตัวตายเลย สิ่งที่คิดมีเพียงแค่จะฟันฝ่าเรื่องราวต่าง ๆ ต่อไปอย่างไรเท่านั้น
 
          และสิ่งที่มีส่วนสร้างกำลังใจให้ได้มากที่สุดในช่วง 2-3 ปีหลังนี้ ก็คือการที่ หมอวิสุทธิ์ บุญเกษมสันติ ได้เข้าร่วมเขียนสารคดี เรื่องเล่าจากแดนประหาร ซึ่งทำให้ตัวเขาได้ทบทวนถึงเรื่องที่ผ่านมา ทบทวนชีวิตตนเองอย่างจริงจัง และทำความเข้าใจต่อชีวิตของตนเองให้ถ่องแท้ที่สุด จนเขาได้รู้จักกับตัวเองมากมากขึ้น โดย หมอวิสุทธิ์ บุญเกษมสันติ ได้เล่าว่า เมื่อได้ลองทบทวนตัวเองอย่างจริงจัง ก็ทำให้เขาได้รู้ว่าชีวิตก่อนหน้านี้ ตัวของเขาเป็นคนที่ประมาท ปล่อยให้ความโลภและความโกรธเข้าครอบงำจนไร้อิสระ ปล่อยให้อิทธิพลของลาภยศ คำสรรเสริญ เข้ามามีอำนาจเหนือตนเอง
 
          และนั่นทำให้ในตอนที่ถูกจำคุก เขาได้แต่คิดว่าตัวเองสูญเสียอะไรไปบ้าง โดยไม่เคยคิดว่าจะได้รับอะไร แต่ในตอนนี้หลังจากที่ได้ทบทวนตัวเอง แม้ว่าจะต้องเสียสิ่งต่าง ๆ ไปมากมาย แต่เขากลับรู้สึกว่าตอนนี้เขา ได้เรียนรู้ตัวเองมากขึ้น ได้มองโลกในอีกมุมมองหนึ่ง มีการเจริญเติบโตของจิตวิญญาณ และมีความสุขจากการให้ เข้าใจคำว่าจิตอาสามากขึ้น

 
          นอกจากนี้ หมอวิสุทธิ์ บุญเกษมสันติ ยังได้เผยถึงสิ่งที่ได้เรียนรู้จากรูปภาพที่เขาได้วาดในเรือนจำว่า ตัวของเขานั้นก็เปรียบเหมือนธุลีเล็ก ๆ ในโลกใบใหญ่ ไม่ได้ยิ่งใหญ่หรือสลักสำคัญอะไร หากเราหาความสุขได้จากการที่ตัวเองเป็นเพียงฝุ่นผง ความสุขนั้นก็จะอยู่กับเราอย่างยั่งยืน เมื่อก่อนเป็นคนมีอัตตา คิดว่าควบคุมทุกอย่างได้ ทำให้โกรธง่าย แต่ตอนนี้ตัวเองเป็นเพียงฝุ่นเล็ก ๆ ก็ไม่จำเป็นต้องโกรธใครแล้ว
 
          และหากจะมองย้อนไปถึงเรื่องของ พญ.ผัสพร ในอดีต หมอวิสุทธิ์ บุญเกษมสันติ ก็เผยว่าเมื่อมองย้อนกลับไป เขาไม่ได้ตำหนิตัวเอง และกลับรู้สึกว่าเข้าใจความคิดอ่าน ของภรรยามากขึ้น ตัวเองไม่ติดใจอะไรแล้ว ไม่โกรธแค้นขุ่นเคือง รู้สึกให้อภัยภรรยา ให้อภัยแก่ตัวเอง และก็อยากให้ภรรยาอภัยให้เช่นกัน
 
          ทั้งนี้ สำหรับการที่ หมอวิสุทธิ์ บุญเกษมสันติ อนุญาตให้ทางรายการเข้ามาถ่ายทำเกี่ยวกับตัวเขาได้ หลังจากที่ไม่เคยออกมาพูดอะไรนานเป็นสิบปีนั้น หมอวิสุทธิ์ เผยว่า เกิดจากการที่เขาคิดว่า คนเราจะมีคนรู้จักหรือไม่นั้นขึ้นอยู่ กับการดูแลตนเอง ตราบใดที่เราทำตัวเป็นประโยชน์ ไร้อัตตา เราก็ไม่ทุกข์ร้อน การที่มัวแต่ห่วงว่าจะเสียหน้า หรือเสียชื่อเสียงหรือไม่ ล้วนแล้วแต่เป็นอัตตา และรายการนี้ก็เป็นรายการที่มอบประโยชน์แก่ผู้อื่น
 
          สำหรับอุทาหรณ์ที่ หมอวิสุทธิ์ บุญเกษมสันติ ได้เรียนรู้จากโรงเรียนชีวิตแห่งนี้ก็คือ มนุษย์เราควรจะต้องระมัดระวังในการใช้ชีวิต ไม่ประมาท ต้องรู้สึกฝึกจิตตั้งแต่อายุน้อย ไม่จำเป็นต้องรอให้อายุมากแล้วจึงเข้าวัด ควรฝึกจิตอย่างประมาทให้กิเลส ความโลภ โกรธ หลง ครอบงำจิตใจ เพราะเมื่อไหร่ที่เราถูกครอบงำ เราก็จะทำผิดพลาดได้






เรื่องที่คุณอาจสนใจ
หมอวิสุทธิ์ บุญเกษมสันติ กับชีวิตในเรือนจำ จากรายการคนค้นฅน โพสต์เมื่อ 23 มิถุนายน 2556 เวลา 15:00:12 261,778 อ่าน
TOP
x close