
เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
รมว.พลังงาน ถกหาสาเหตุน้ำมันรั่วกลางทะเลระยอง สั่ง กลุ่ม ปตท. เร่งทำแผนส่งเสริมการท่องเที่ยวเกาะเสม็ดในระยะยาว ด้าน อดีตผู้บริหาร ปตท. ชื่นชมพีทีทีจีซีแก้ปัญหาน้ำมั่นรั่วได้เร็ว แนะฟื้นฟูระบบนิเวศในระยะยาว
เมื่อวันที่ 13 สิงหาคม 2556 นายพงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า ตนได้สั่งการให้กลุ่ม ปตท. และบริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือพีทีทีจีซี เร่งจัดทำแผนส่งเสริมการท่องเที่ยวเกาะเสม็ดในระยะยาว หลังจากเป็นต้นเหตุของคราบน้ำมันรั่วที่อ่าวพร้าว เนื่องจากปัญหาครั้งนี้ได้ส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยวและการประกอบอาชีพของประชาชนในพื้นที่ ทั้งนี้ พีทีทีจีซีได้จ่ายเงินชดเชยแก่ผู้ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุน้ำมันรั่วอ่าวพร้าวไปแล้ว จำนวน 400 ราย รวมทั้งสิ้น 12 ล้านบาท
ขณะเดียวกัน นายพงษ์ศักดิ์ ยังระบุด้วยว่า ในวันที่ 14 สิงหาคม 2556 นี้ จะมีการประชุมคณะทำงานตรวจสอบความเสียหาย โดยเน้นตรวจสอบว่าอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นมาจากความผิดพลาดของระบบอุปกรณ์ หรือความประมาทของเจ้าหน้าที่ โดยประธานคณะกรรมการตรวจสอบ คือ คุณหญิงทองทิพ รัตนะรัต และตนเองจะเข้าร่วมการประชุมด้วย แต่ตนยังไม่แน่ใจว่าจะสามารถสรุปสาเหตุของอุบัติเหตุทั้งหมดได้หรือไม่ เนื่องจากไม่ต้องการกดดันคณะทำงาน และอยากให้อิสระกับการตรวจสอบเหตุน้ำมันรั่วครั้งนี้
ในส่วนของแนวทางแก้ไขปัญหาต่าง ๆ นั้น รมว.พลังงาน ระบุว่า ตนได้หารือแนวทางแก้ไขปัญหาร่วมกับนายวิเชษฐ์ เกษมทองศรี รมว.กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ให้พิจารณาผ่อนปรนกฎระเบียบอุทยานแห่งชาติแหลมหญ้า-หมู่เกาะเสม็ด เพื่อดำเนินการปรับปรุงสาธารณูปโภค ถนน และท่าเรือ บนเกาะให้มีความสะดวกต่อการเดินทางมากขึ้น
ด้าน นายอภิสิทธิ์ รุจิเกียรติกำจร ประธานซีออยล์ อดีตผู้บริหาร ปตท. กล่าวว่า กรณีการตรวจสอบเหตุน้ำมันรั่วครั้งนี้ จะต้องตรวจสอบอายุการใช้งาน และมาตรฐานเนื้อของวัสดุอุปกรณ์ของท่อรับน้ำมันที่เกิดอุบัติเหตุขึ้นว่ามีข้อบกพร่องหรือไม่ ทั้งนี้ ควรสืบหาว่าท่อแตกเกิดจากอุบัติเหตุหรือการกระทำของบุคคล
นอกจากนี้ นายอภิสิทธิ์ มองว่า กลุ่ม ปตท.และพีทีทีจีซี มีประสิทธิภาพในการจัดการปัญหาอย่างรวดเร็ว โดยใช้เวลาเพียง 3-4 วัน จัดการปริมาณน้ำมัน 50,000 ลิตร หรือประมาณ 300 บาร์เรลที่รั่วลงทะเลจังหวัดระยองได้ ซึ่งน้ำมันรั่วที่อ่าวพร้าวไม่สามารถเปรียบเทียบกับเหตุน้ำมันรั่วอ่าวเม็กซิโกจำนวน 5 ล้านบาร์เรล โดยอุบัติเหตุดังกล่าวต้องใช้ระยะเวลาแก้ไขปัญหาไม่ต่ำกว่า 3 เดือน
อย่างไรก็ตาม ประธานซีออยล์ ระบุว่า ยังต้องใช้เวลาอีกยาวนานในการฟื้นฟูสภาพแวดล้อมให้กลับสู่ภาวะปกติ และต้องมีการติดตามระบบนิเวศน์อ่าวพร้าวอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งกลุ่ม ปตท.และพีทีทีจีซี ยังจะต้องเร่งสร้างความเชื่อมั่นกับประชาชนว่า เหตุการณ์นี้จะไม่ส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศในระยะยาว
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก







