
สุเทพ เทือกสุบรรณ

สุเทพ เทือกสุบรรณ
เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก เฟซบุ๊ก Suthep Thaugsuban (สุเทพ เทือกสุบรรณ)
ประวัติ สุเทพ เทือกสุบรรณ หรือ เทพเทือก อดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ และแกนนำผู้ชุมนุมค้าน พ.ร.บ.นิรโทษกรรม
หากกล่าวถึงสถานการณ์บ้านเมืองอันระอุในขณะนี้ บุคคลที่ได้รับความสนใจมากที่สุดคนหนึ่ง คงหนีไม่พ้นชื่อของ สุเทพ เทือกสุบรรณ อดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะแกนนำกลุ่มผู้ชุมนุมคัดค้าน พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ณ อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย เป็นแน่แท้
โดยในการขึ้นปราศรัยบนเวทีราชดำเนินนั้น นายสุเทพ ได้งัดวาทะเด็ด ๆ ออกมาประกาศกร้าวบนเวทีอยู่หลายครั้ง แต่ที่ฮือฮาที่สุดเห็นจะเป็นวาทะเมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน 2556 ที่เจ้าตัวได้พูดเอาไว้ว่า "สิ่งหนึ่งที่ผมไม่เคยทำ คือ ทุจริตคอร์รัปชั่น ตลอดชีวิตนักการเมือง" รวมถึงการประกาศว่า จะผูกคอตาย หากไม่สามารถล้มล้างรัฐบาลได้ภายในเดือนพฤศจิกายน 2556 นี้ คำพูดเหล่านี้ยิ่งทำให้ประชาชนให้ความสนใจนายสุเทพมากขึ้น ด้วยเหตุนี้ กระปุกดอทคอม จึงขอนำประวัติของผู้คร่ำหวอดทางการเมืองมาอย่างยาวนานคนนี้ มาแนะนำให้ได้รู้จักกันอีกครั้ง...

สุเทพ เทือกสุบรรณ
ประวัติสุเทพ เทือกสุบรรณสุเทพ เทือกสุบรรณ เกิดเมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม พ.ศ. 2492 มีบิดาชื่อ นายจรัส เทือกสุบรรณ กำนันตำบลท่าสะท้อน อ.พุนพิน จ.สุราษฎร์ธานี และนางละม้าย เทือกสุบรรณ มีพี่น้องทั้งหมด 7 คน โดยนายสุเทพ จบการศึกษาระดับปริญญาตรีจาก คณะศิลปศาสตร์ สาขารัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ก่อนที่จะสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาโทคณะรัฐศาสตร์ จากมหาวิทยาลัย Middle Tennesse State ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อ พ.ศ. 2518
ภายหลังจากการจบการศึกษาระดับปริญญาโท นายสุเทพตัดสินใจเข้าสู่วงการการเมืองระดับท้องถิ่น ด้วยการลงสมัครรับเลือกตั้งกำนันตำบลท่าสะท้อนต่อจากบิดา และสามารถเอาชนะการเลือกตั้งได้สำเร็จ เป็นกำนันดีกรีปริญญาโท ตั้งแต่อายุ 26 ปีเท่านั้น
สุเทพ เทือกสุบรรณ กับเส้นทางการเมืองต่อมา นายสุเทพขยับไปสู่การเมืองระดับประเทศ ด้วยการลงสมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จ.สุราษฎร์ธานี เมื่อปี พ.ศ. 2522 ซึ่งนายสุเทพก็สามารถชนะใจประชาชน ได้รับเลือกเป็น ส.ส. ตั้งแต่บัดนั้น จนถึงวันนี้นายสุเทพก็ได้รับเลือกเป็น ส.ส. พรรคประชาธิปัตย์ ติดต่อกันมากกว่า 10 สมัยแล้ว
ส่วนการดำรงตำแหน่งในคณะรัฐมนตรีเป็นครั้งแรกของนายสุเทพ เกิดขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2529 ในยุครัฐบาล พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ โดยนายสุเทพ ดำรงตำแหน่งเป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และได้ดำรงตำแหน่งนี้อีกครั้งใน พ.ศ. 2535 ยุครัฐบาลชวน หลีกภัย สมัยแรก นอกจากนี้ นายสุเทพ ยังดำรงตำแหน่งเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ในปี พ.ศ. 2540 ยุครัฐบาลชวน หลีกภัย สมัยที่สอง
สุเทพ เทือกสุบรรณ ทรัพย์สิน เรื่อง สปก.4-01ถ้าใครติดตามแวดวงการเมืองมาพอสมควร คงจะจดจำเรื่อง "สปก.4-01" ได้เป็นอย่างดี จนดูเหมือนเป็นข้อครหาที่ติดตัวนายสุเทพไปเสียแล้ว เพราะมักจะถูกฝ่ายตรงข้ามหยิบยกขึ้นมาโจมตีในทางการเมืองอยู่เสมอ
โดยเรื่องนี้เกิดขึ้นในช่วงที่ นายสุเทพ ดำรงตำแหน่ง รมช.เกษตรฯ สมัยที่สอง ครั้งนั้น นายสุเทพถูกนายบรรหาร ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทย ซึ่งเป็นพรรคฝ่ายค้านในขณะนั้น เปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจเรื่อง การทุจริตแจกที่ดินทำกินแก่เกษตรกร (สปก.4-01) จนทำให้นายชวน ต้องตัดสินใจยุบสภาก่อนที่จะมีการลงมติ และหลังจากการยุบสภาครั้งนั้น นายบรรหาร ก็ได้เป็นนายกรัฐมนตรี ส่วนพรรคประชาธิปัตย์ ก็กลับไปเป็นฝ่ายค้าน อย่างไรก็ตาม เรื่อง สปก.4-01 นี้ นายสุเทพไม่เคยถูกฟ้องร้องถึงชั้นศาลแต่อย่างใด แม้ว่าจะถูกเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจก็ตาม

สุเทพ เทือกสุบรรณ - อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ
สุเทพ เทือกสุบรรณ กับบทบาทในพรรคประชาธิปัตย์นายสุเทพเริ่มมีบทบาทสำคัญใน พ.ศ. 2542 ด้วยการดำรงตำแหน่งเป็นรองหัวหน้าพรรค ก่อนที่ใน พ.ศ. 2546 จะได้เป็นกรรมการสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ และเป็นเลขาธิการพรรค ในปี พ.ศ. 2548 ซึ่งเป็นช่วงที่พรรคประชาธิปัตย์ มีการปรับโครงสร้างพรรคใหม่ ใช้บุคคลรุ่นใหม่ เช่น นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ, นายกรณ์ จาติกวณิช เป็นต้น เพื่อสู้กับพรรคคู่แข่งอย่างพรรคไทยรักไทยของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่สามารถจัดตั้งรัฐบาลพรรคเดียวได้เป็นพรรคแรก โดยที่ผลงานของนายสุเทพในช่วงแรกของการเป็นเลขาธิการพรรคนั้น เป็นผู้ที่รวบรวมข้อมูลยื่นฟ้องพรรคไทยรักไทย และทำให้พรรคไทยรักไทย ถูกวินิจฉัยให้ยุบพรรค พร้อมกับตัดสิทธิ์ทางการเมืองกรรมการบริหารพรรค 111 คน เป็นระยะเวลา 5 ปี
สุเทพ เทือกสุบรรณ บทบาทการจัดตั้งรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะภายหลังการเลือกตั้งใหญ่ พ.ศ. 2551 ประเทศไทยมีการเปลี่ยนนายกรัฐมนตรี ถึง 2 ครั้งในรอบไม่กี่เดือน ได้แก่ นายสมัคร สุนทรเวช และนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ จากพรรคพลังประชาชน โดยเมื่อพรรคพลังประชาชนถูกตัดสินยุบพรรคในเดือนธันวาคม 2551 ทำให้การเมืองไทยเกิดภาวะสุญญากาศ นายสุเทพ ก็เป็นผู้ประสานงานดึงพรรคร่วมรัฐบาลของพรรคพลังประชาชนอย่างพรรคชาติไทยพัฒนาและพรรคภูมิใจไทยมาร่วมรัฐบาลกับพรรคประชาธิปัตย์เป็นผลสำเร็จ โดยที่นายสุเทพ ก็ดำรงตำแหน่งเป็นรองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง
ทั้งนี้ ระหว่างที่พรรคประชาธิปัตย์ เป็นรัฐบาล นายสุเทพก็ลาออกจากการเป็น ส.ส. ปี พ.ศ. 2552 เนื่องจากติดปัญหาการถือครองหุ้น แต่ยังคงเป็นรองนายกรัฐมนตรีเช่นเดิม กระทั่งในปี พ.ศ. 2553 นายสุเทพก็ได้ลาออกจากรองนายกรัฐมนตรี เพื่อไปสมัครเลือกตั้งซ่อม ส.ส.สุราษฎร์ธานี แทนตำแหน่งที่ว่างลง ซึ่งเรื่องดังกล่าว หลายฝ่ายวิเคราะห์กันว่า ช่วงนั้นพรรคประชาธิปัตย์กำลังอยู่ในขั้นตอนที่ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณายุบพรรค นายสุเทพจึงต้องเป็น ส.ส. เพื่อที่เป็นนายกรัฐมนตรีสำรอง หากพรรคประชาธิปัตย์ถูกยุบจริง แต่ผลสุดท้ายคือ ศาลรัฐธรรมนูญยกคำร้อง ทำให้พรรคประชาธิปัตย์ รอดจากการถูกยุบพรรคมาได้
สุเทพ เทือกสุบรรณ ตำแหน่งผู้อำนวยการ ศอฉ. และการชุมนุมของ นปช.ในช่วงปี 2553 ที่กลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ออกมาชุมนุมกันกลางกรุงเทพมหานครเพื่อขับไล่รัฐบาลนายอภิสิทธ์ เวชชาชีวะ ในตอนนั้น นายสุเทพ ซึ่งดำรงตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง ได้ตั้งศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) ขึ้น เพื่อรับมือการชุมนุมของกลุ่ม นปช. พร้อมกับนั่งดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการ ศอฉ. ก่อนที่ภายหลังเจ้าหน้าที่จะสามารถกระชับพื้นที่ผู้ชุมนุมที่สี่แยกราชประสงค์ได้สำเร็จ เมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม 2553 ซึ่งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นส่งผลให้มีคนบาดเจ็บล้มตายเป็นจำนวนมาก
แม้สถานการณ์การชุมนุมจะสงบลง แต่ดูเหมือนว่าสถานการณ์ทางการเมืองจะยิ่งร้อนแรงขึ้น เมื่อนายสุเทพถูกฝ่ายตรงข้ามโจมตีด้วยถ้อยคำที่ว่า "สั่งฆ่าประชาชน" แต่นายสุเทพก็ตระเวนชี้แจงตามเวทีการปราศรัยต่าง ๆ ว่าเกิดอะไรขึ้นในเหตุการณ์ช่วงนั้น กระทั่งเมื่อเดือนมิถุนายน 2556 นายสุเทพ พร้อมด้วยนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ถูกกรมสอบสวนคดีพิเศษสั่งฟ้องในคดีร่วมกันก่อให้ผู้อื่นฆ่าและพยายามฆ่าคนตายโดยเจตนาเล็งเห็นผล ซึ่งทั้งสองคนได้ปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา และขอต่อสู้ในกระบวนการยุติธรรมต่อไป

สุเทพ เทือกสุบรรณ
สุเทพ เทือกสุบรรณ ลาออกจาก ส.ส. เป็นแกนนำคัดค้าน พ.ร.บ.นิรโทษกรรมภายหลังจากที่รัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ ยุบสภาใน พ.ศ. 2554 และมีการเลือกตั้งใหม่ ผลปรากฏว่า พรรคเพื่อไทย เป็นฝ่ายได้จัดตั้งรัฐบาล ผลักพรรคประชาธิปัตย์ให้ไปเป็นฝ่ายค้าน ซึ่งพรรคเพื่อไทยก็ได้บริหารประเทศไปได้ 2 ปี (พ.ศ. 2556) แต่สถานการณ์ทางการเมืองก็เริ่มร้อนระอุขึ้นเรื่อย ๆ จากกลุ่มที่ต่อต้านรัฐบาล เนื่องจากไม่พอใจกับนโยบายการบริหารของรัฐบาล ที่ใช้ประชานิยมเต็มรูปแบบทำให้เกิดภาวะขาดทุนทางการคลัง เช่น โครงการรับจำนำข้าว, โครงการรถคันแรก, โครงการรถไฟความเร็วสูง กู้เงิน 2.2 ล้านล้านบาท
อย่างไรก็ตาม ฟางเส้นสุดท้ายของกลุ่มต่อต้านรัฐบาลครั้งนี้เกิดขึ้นเมื่อรัฐบาลได้แก้ไขเนื้อหา พ.ร.บ.นิรโทษกรรม จากที่นิรโทษกรรมแก่ประชาชน กลายเป็นนิรโทษกรรมแกนนำ และ พ.ต.ท.ทักษิณ ในคดีทุจริตต่าง ๆ ส่งผลให้นายสุเทพ ได้ประกาศจัดการชุมนุมขึ้น ณ สถานีรถไฟสามเสน เมื่อวันที่ 31 ตุลาคม 2556 และในคืนนั้นเอง สภาผู้แทนราษฎรก็สามารถลงมติ พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ฉบับดังกล่าว วาระ 2 และ 3 ภายในคืนเดียว เสร็จสิ้นทุกขั้นตอนภายในเวลา 04.30 น. ของวันที่ 1 พฤศจิกายน 2556
ต่อมาวันที่ 4 พฤศจิกายน 2556 นายสุเทพ ในฐานะแกนนำผู้ชุมนุม ได้ประกาศย้ายสถานที่ชุมนุมจากสถานีรถไฟสามเสน มาที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย พร้อมกับเดินหน้าคัดค้าน พ.ร.บ.นิรโทษกรรม อย่างเต็มที่ นอกจากนี้ ในวันที่ 11 พฤศจิกายน 2556 นายสุเทพ พร้อมกับ 8 ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ได้ยื่นใบลาออกจากตำแหน่ง ส.ส. และประกาศมาตรการอารยะขัดขืน เพื่อกดดันรัฐบาล เช่น การหยุดงาน การยุดเรียน การเลื่อนจ่ายภาษี เป็นต้น
วันที่ 15 พฤศจิกายน 2556 นายสุเทพ ได้ประกาศยกระดับการชุมนุมขึ้น จากคัดค้าน พ.ร.บ.นิรโทษกรรม เป็นต่อต้านระบอบทักษิณ ได้แก่ การล่ารายชื่อถอดถอน ส.ส. 310 คน ที่ลงมติให้ผ่าน พ.ร.บ.นิรโทษกรรม, การต่อต้านสินค้าในเครือทักษิณ และการชวนข้าราชการหยุดงานทั้งประเทศ เป็นต้น อีกทั้งยังได้ประกาศรวมพล 1 ล้านคน ล้างระบอบทักษิณ และปฏิรูปประเทศไทย ในวันที่ 24 พฤศจิกายนนี้

สุเทพ เทือกสุบรรณ
ฉายาของสุเทพ เทือกสุบรรณนายสุเทพ มีฉายาที่ค่อนข้างคุ้นหูประชาชนอยู่ก็คือ เทพเทือก ซึ่งมาจากการนำตัวสุดท้ายของชื่อ "สุเทพ" และตัวแรกของนามสกุล "เทือกสุบรรณ" มารวมกันนั่นเอง นอกจากนี้ บางครั้งก็ยังมีคนเรียกนายสุเทพว่า "กำนันสุเทพ" อีกด้วย เนื่องจากติดมาจากช่วงที่นายสุเทพเป็นกำนันสมัยลงเล่นการเมืองท้องถิ่น
ส่วนฉายาของนายสุเทพ ตอนดำรงตำแหน่งเป็นรองนายกรัฐมนตรี ก็ได้รับฉายาจากผู้สื่อข่าวสายทำเนียบรัฐบาล ดังนี้
ปี 2552 ได้รับฉายาว่า แม่นมอมทุกข์ เนื่องจากเป็นผู้สนับสนุนนายอภิสิทธิ์ให้เป็นนายกรัฐมนตรี แต่นายอภิสิทธิ์กลับบริหารประเทศได้ไม่ดีตามความคาดหวัง มัวแต่ไปเอาใจพรรคร่วมรัฐบาล สร้างความหนักอกหนักใจแก่นายสุเทพเป็นอย่างยิ่ง
ปี 2553 ได้รับฉายา ทศกัณฑ์กรำศึก เนื่องจากทำศึกหลายด้าน ทั้งหน้าที่เป็นแม่บ้านพรรค, คดีครอบครองที่ดินเขาแพง รวมถึงคดีถือหุ้น แต่สุดท้ายนายสุเทพก็รอดมาได้ดุจดั่งทศกัณฑ์ที่ทำศึกรอบด้าน
ประวัติสุเทพ เทือกสุบรรณ ลูกและภรรยานายสุเทพ แต่งงานกับภรรยาคนแรก คือ นางจุฑาภรณ์ เทือกสุบรรณ มีบุตรด้วยกัน 3 คน ได้แก่ นายแทน เทือกสุบรรณ (กรรมการบริษัท ศรีสุบรรณฟาร์ม), นางสาวน้ำตาล เทือกสุบรรณ และนางสาวน้ำทิพย์ เทือกสุบรรณ อย่างไรก็ตาม เมื่อนางจุฑาภรณ์ เสียชีวิตลง ทำให้นายสุเทพต้องเป็นพ่อหม้าย
ต่อมา นายสุเทพได้แต่งงานกับนางศรีสกุล พร้อมพันธุ์ น้องสาวของนายนิพนธ์ พร้อมพันธุ์ และเป็นอดีตภรรยาของนายพรเทพ เตชะไพบูลย์ อดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์อีกด้วย
วาทะเด็ดของสุเทพ เทือกสุบรรณนอกจาก 2 ประโยคเด็ดที่นายสุเทพ กล่าวในที่ชุมนุมว่า "หากล้มรัฐบาลไม่ได้ จะผูกคอตาย" และ "สิ่งหนึ่งที่ผมไม่เคยทำ คือ ทุจริตคอร์รัปชั่น ตลอดชีวิตนักการเมือง" แล้ว ในช่วงการเลือกตั้งใหญ่ พ.ศ. 2554 นายสุเทพเคยประกาศไว้ก่อนการเลือกตั้งด้วยว่า "หากพรรคประชาธิปัตย์แพ้การเลือกตั้ง ผมจะยอมมุดดิน" ซึ่งผลการเลือกตั้งครั้งนั้น พรรคประชาธิปัตย์ก็แพ้ให้แก่พรรคเพื่อไทย

สุเทพ เทือกสุบรรณ
ตำแหน่งทางการเมืองทั้งหมดของสุเทพ เทือกสุบรรณ
พ.ศ. 2524 - เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์
พ.ศ. 2524-2526 - เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
พ.ศ. 2526-2529 - เลขานุการรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี
พ.ศ. 2529-2531 - รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
พ.ศ. 2535-2537 - รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
พ.ศ. 2540-2543 - รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม
พ.ศ. 2551-2554 - รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคงทั้งหมดนี้ก็คือประวัติของนายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะแกนนำผู้ชุมนุมค้าน พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ซึ่งสถานการณ์ทางการเมืองของประเทศไทยจะเป็นอย่างไร การชุมนุมจะออกมาเป็นรูปแบบใด คาดว่าไม่เกินเดือนพฤศจิกายนคงจะรู้คำตอบ
ขอขอบคุณข้อมูลจาก









