
เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ย้อนอดีตการเมืองไทยในรอบ 81 ปี กับข้อมูลการยุบสภาของนายกรัฐมนตรีในช่วงเวลาต่าง ๆ จำนวน 13 ครั้ง ก่อนที่ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร จะประกาศยุบสภา ครั้งที่ 14 ในวันที่ 9 ธันวาคม 2556
สืบเนื่องจากในช่วงเช้าของวันนี้ (9 ธันวาคม 2556) วันเดียวกับที่ผู้ชุมนุมกลุ่ม กปปส. เดินขบวน 9 สายล้อมทำเนียบรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ได้ประกาศยุบสภา เพื่อแก้ปัญหาทางการเมืองตามกลไกรัฐธรรมนูญ ซึ่งจะนำไปสู่การเลือกตั้ง ส.ส. ทั่วประเทศใหม่ โดยนายกฯ ระบุว่า เพื่อแก้ปัญหาความขัดแย้ง และเป็นการคืนอำนาจให้พี่น้องประชาชนเป็นผู้ตัดสินใจกับการเลือกตั้งครั้งใหม่ที่จะมาถึง หลังพรรคฝ่ายค้านเล่นการเมืองนอกสภา และยืนกรานจะจัดตั้งสภาประชาชน ซึ่งทางรัฐบาลไม่อาจรับข้อเสนอดังกล่าวได้
ทั้งนี้ หากมองย้อนกลับไปในอดีต นับตั้งแต่ประเทศไทยเปลี่ยนแปลงการปกครองมาเป็นระบอบประชาธิปไตยจนถึงปัจจุบัน พบว่า เป็นเวลายาวนานกว่า 81 ปีแล้ว แต่ในช่วงที่ผ่านมามีนายกรัฐมนตรีตัดสินใจประกาศยุบสภาก่อนหน้า น.ส.ยิ่งลักษณ์ เพียง 13 ครั้ง
ซึ่งในกลุ่มรายงานการประชุม สำนักรายงานการประชุมและชวเลข สภาผู้แทนราษฎร ได้รวบรวมข้อมูลการยุบสภาทั้ง 13 ครั้งไว้ และได้เผยแพร่ในเว็บไซต์ของรัฐสภา http://msbis.parliament.go.th ซึ่งแต่ละครั้งก็มีเหตุและปัจจัยที่ต่างกันออกไป ทางสำนักข่าวอิศรา จึงได้ทำการสรุปประเด็นสำคัญของการยุบสภาในแต่ละครั้งเพื่อให้เข้าใจได้ง่ายขึ้น ดังนี้
โดยครั้งแรก พล.อ.พระยาพหลพลพยุหเสนา ได้ยื่นขอลาออกจากตำแหน่งนายกฯ แต่ผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ขณะนั้นไม่ยอมรับใบลาออก โดยให้เหตุผลว่า สถานการณ์โลกมีความปั่นป่วน ประกอบกับคณะรัฐมนตรีต้องเตรียมรับเสด็จพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดลที่จะเสร็จกลับสู่พระนคร ซึ่งเห็นว่ารัฐบาลควรจะอยู่บริหารราชการแผ่นดินต่อไป แต่ท้ายที่สุด พล.อ.พระยาพหลพลพยุหเสนา ก็ตัดสินใจประกาศยุบสภา

การยุบสภา ครั้งที่ 5
19 มีนาคม พ.ศ. 2526 พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ นายกรัฐมนตรี ประกาศยุบสภา ภายหลังเกิดความเห็นที่แตกต่างกันเรื่องระบบการเลือกตั้ง ที่รัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2521 กำหนดให้ใช้ระบบเลือกตั้งแบบรวมเขตเบอร์เดียว โดยคณะรัฐมนตรี (ครม.) เสนอให้ขยายเวลาการใช้บทเฉพาะกาล ที่ให้ใช้ระบบเลือกตั้งแบบผสมทั้งรวมเขตและแบ่งเขตออกไปก่อน แต่สภาผู้แทนราษฎรไม่ให้ความเห็นชอบ แม้ยื่นเรื่องเสนอไปถึง 4 ครั้ง ท้ายที่สุด พล.อ.เปรม จึงตัดสินใจประกาศยุบสภา

พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์
การยุบสภา ครั้งที่ 8
29 มิถุนายน พ.ศ. 2535 นายอานันท์ ปันยารชุน นายกรัฐมนตรี ประกาศยุบสภา ภายหลังจากเหตุการณ์ความไม่สงบที่เกิดขึ้นจากการชุมนุมขับไล่ พล.อ.สุจินดา คราประยูร ให้ลาออกจากการเป็นนายกรัฐมนตรี หรือที่เรียกว่าเหตุการณ์ เดือนพฤษภาทมิฬ พ.ศ. 2535 ได้กลับเข้าสู่ภาวะปกติแล้ว



นายบรรหาร ศิลปอาชา

พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร
ภาพประกอบโดย PHILIPPE LOPEZ / AFP
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก

ย้อนอดีตการเมืองไทยในรอบ 81 ปี กับข้อมูลการยุบสภาของนายกรัฐมนตรีในช่วงเวลาต่าง ๆ จำนวน 13 ครั้ง ก่อนที่ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร จะประกาศยุบสภา ครั้งที่ 14 ในวันที่ 9 ธันวาคม 2556
สืบเนื่องจากในช่วงเช้าของวันนี้ (9 ธันวาคม 2556) วันเดียวกับที่ผู้ชุมนุมกลุ่ม กปปส. เดินขบวน 9 สายล้อมทำเนียบรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ได้ประกาศยุบสภา เพื่อแก้ปัญหาทางการเมืองตามกลไกรัฐธรรมนูญ ซึ่งจะนำไปสู่การเลือกตั้ง ส.ส. ทั่วประเทศใหม่ โดยนายกฯ ระบุว่า เพื่อแก้ปัญหาความขัดแย้ง และเป็นการคืนอำนาจให้พี่น้องประชาชนเป็นผู้ตัดสินใจกับการเลือกตั้งครั้งใหม่ที่จะมาถึง หลังพรรคฝ่ายค้านเล่นการเมืองนอกสภา และยืนกรานจะจัดตั้งสภาประชาชน ซึ่งทางรัฐบาลไม่อาจรับข้อเสนอดังกล่าวได้
ทั้งนี้ หากมองย้อนกลับไปในอดีต นับตั้งแต่ประเทศไทยเปลี่ยนแปลงการปกครองมาเป็นระบอบประชาธิปไตยจนถึงปัจจุบัน พบว่า เป็นเวลายาวนานกว่า 81 ปีแล้ว แต่ในช่วงที่ผ่านมามีนายกรัฐมนตรีตัดสินใจประกาศยุบสภาก่อนหน้า น.ส.ยิ่งลักษณ์ เพียง 13 ครั้ง
ซึ่งในกลุ่มรายงานการประชุม สำนักรายงานการประชุมและชวเลข สภาผู้แทนราษฎร ได้รวบรวมข้อมูลการยุบสภาทั้ง 13 ครั้งไว้ และได้เผยแพร่ในเว็บไซต์ของรัฐสภา http://msbis.parliament.go.th ซึ่งแต่ละครั้งก็มีเหตุและปัจจัยที่ต่างกันออกไป ทางสำนักข่าวอิศรา จึงได้ทำการสรุปประเด็นสำคัญของการยุบสภาในแต่ละครั้งเพื่อให้เข้าใจได้ง่ายขึ้น ดังนี้
11 กันยายน พ.ศ. 2481 พล.อ.พระยาพหลพลพยุหเสนา นายกรัฐมนตรี ประกาศยุบสภา ภายหลังรัฐบาลแพ้การลงมติในสภาผู้แทนราษฎร จากกรณีที่ นายถวิล อุดล ส.ส.ร้อยเอ็ดและคณะ เสนอให้มีการแก้ไขข้อบังคับการประชุมและการปรึกษาของสภาฯ เกี่ยวกับการเสนอร่าง พ.ร.บ.งบประมาณ เพื่อพิจารณารับหลักการขั้นต้นในสภาฯ ซึ่งผู้เสนอต้องการให้มีการแสดงบัญชีรายละเอียดแสดงหลักเกณฑ์การคำนวณภาษีอากร สถิติต่าง ๆ และรายละเอียดอื่นอีกหลายประเด็นการยุบสภา ครั้งที่ 1
โดยครั้งแรก พล.อ.พระยาพหลพลพยุหเสนา ได้ยื่นขอลาออกจากตำแหน่งนายกฯ แต่ผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ขณะนั้นไม่ยอมรับใบลาออก โดยให้เหตุผลว่า สถานการณ์โลกมีความปั่นป่วน ประกอบกับคณะรัฐมนตรีต้องเตรียมรับเสด็จพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดลที่จะเสร็จกลับสู่พระนคร ซึ่งเห็นว่ารัฐบาลควรจะอยู่บริหารราชการแผ่นดินต่อไป แต่ท้ายที่สุด พล.อ.พระยาพหลพลพยุหเสนา ก็ตัดสินใจประกาศยุบสภา
15 ตุลาคม พ.ศ. 2488 ม.ร.ว.เสนีย์ ปราโมช นายกรัฐมนตรี ประกาศยุบสภา เพื่อให้ประชาชนได้เลือกตั้งสภาผู้แทนราษฎรชุดใหม่ ภายหลังสภาฯ ชุดเดิมได้รับการต่อวาระการดำรงตำแหน่ง มาถึง 2 ครั้ง ครั้งละ 2 ปี จนมีวาระดำรงตำแหน่งรวม 8 ปี ในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2การยุบสภา ครั้งที่ 2
16 ธันวาคม พ.ศ. 2516 นายสัญญา ธรรมศักดิ์ นายกรัฐมนตรี ประกาศยุบสภา ภายหลังสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติที่แต่งตั้งไว้ตั้งแต่สมัย จอมพลถนอม กิตติขจร นายกรัฐมนตรีคนก่อน ได้ทยอยลาออกจากตำแหน่ง จนเหลือสมาชิกเพียง 11 คน ซึ่งไม่เพียงพอที่จะเป็นองค์ประชุมได้ นายสัญญาจึงประกาศยุบสภานิติบัญญัติแห่งชาติการยุบสภา ครั้งที่ 3
12 มกราคม พ.ศ. 2519 ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช นายกรัฐมนตรี ประกาศยุบสภา ภายหลังเกิดอุปสรรคในการบริหารราชการแผ่นดิน เนื่องจากรัฐบาลขณะนั้นเกิดจากการรวมเสียงจากพรรคการเมืองหลายพรรคเข้ามาร่วมกันจัดตั้งรัฐบาลการยุบสภา ครั้งที่ 4

ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก วิกิพีเดีย
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก วิกิพีเดีย
การยุบสภา ครั้งที่ 519 มีนาคม พ.ศ. 2526 พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ นายกรัฐมนตรี ประกาศยุบสภา ภายหลังเกิดความเห็นที่แตกต่างกันเรื่องระบบการเลือกตั้ง ที่รัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2521 กำหนดให้ใช้ระบบเลือกตั้งแบบรวมเขตเบอร์เดียว โดยคณะรัฐมนตรี (ครม.) เสนอให้ขยายเวลาการใช้บทเฉพาะกาล ที่ให้ใช้ระบบเลือกตั้งแบบผสมทั้งรวมเขตและแบ่งเขตออกไปก่อน แต่สภาผู้แทนราษฎรไม่ให้ความเห็นชอบ แม้ยื่นเรื่องเสนอไปถึง 4 ครั้ง ท้ายที่สุด พล.อ.เปรม จึงตัดสินใจประกาศยุบสภา
1 พฤษภาคม พ.ศ. 2529 พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ นายกรัฐมนตรี ประกาศยุบสภา ภายหลังรัฐบาลได้ออก พ.ร.ก.แก้ไข พ.ร.บ.การขนส่งทางบก พ.ศ. 2522 แต่เมื่อนำเข้าสู่การพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎร ปรากฏว่า รัฐบาลลงมติแพ้ถึง 3 ครั้ง ท้ายสุด พล.อ.เปรม เห็นว่า การที่สภาฯ ไม่อนุมัติ พ.ร.ก.ดังกล่าว เนื่องจากความแตกแยกภายในพรรคร่วมรัฐบาล ซึ่งจะเป็นอุปสรรคต่อการบริหารราชการแผ่นดิน จึงตัดสินใจประกาศยุบสภาการยุบสภา ครั้งที่ 6
29 เมษายน พ.ศ. 2530 พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ นายกรัฐมนตรี ประกาศยุบสภา ภายหลัง ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งเป็นพรรคร่วมรัฐบาลจำนวนหนึ่ง ลงมติไม่รับร่าง พ.ร.บ.ลิขสิทธิ์ ที่ ครม.เป็นผู้เสนอ ซึ่งผลการลงมติดังกล่าวทำให้รัฐมนตรีสังกัดพรรคประชาธิปัตย์จำนวน 16 คน ยื่นใบลาออกจากตำแหน่งเพื่อเปิดโอกาสให้มีการปรับ ครม. แต่ พล.อ.เปรม เห็นว่า พรรคการเมืองต่าง ๆ ไม่มีเอกภาพ ซึ่งจะก่อให้เกิดปัญหาในการบริหารราชการและพัฒนาประเทศตามมา จึงตัดสินใจประกาศยุบสภาการยุบสภา ครั้งที่ 7

พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์
การยุบสภา ครั้งที่ 8 29 มิถุนายน พ.ศ. 2535 นายอานันท์ ปันยารชุน นายกรัฐมนตรี ประกาศยุบสภา ภายหลังจากเหตุการณ์ความไม่สงบที่เกิดขึ้นจากการชุมนุมขับไล่ พล.อ.สุจินดา คราประยูร ให้ลาออกจากการเป็นนายกรัฐมนตรี หรือที่เรียกว่าเหตุการณ์ เดือนพฤษภาทมิฬ พ.ศ. 2535 ได้กลับเข้าสู่ภาวะปกติแล้ว

19 พฤษภาคม พ.ศ. 2538 นายชวน หลีกภัย นายกรัฐมนตรี ประกาศยุบสภา หลังมีการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีทั้งคณะ ระหว่างวันที่ 17 - 19 พฤษภาคม พ.ศ. 2538 โดยประเด็นสำคัญอยู่ที่การออกเอกสารสิทธิที่ดินทำกิน (สปก.4-01) โดยเมื่อการอภิปรายสิ้นสุดลง พรรคพลังธรรมซึ่งเป็นพรรคร่วมรัฐบาลได้มีมติงดออกเสียงในการลงคะแนน และรัฐมนตรีของพรรคพลังธรรมทุกคนจะลาออกจากตำแหน่ง นายชวน จึงเห็นว่า ความแตกแยกระหว่างพรรคร่วมรัฐบาลที่เกิดขึ้น จะทำให้รัฐบาลขาดเสถียรภาพในการบริหารการเมืองอย่างมีเอกภาพ จึงตัดสินใจประกาศยุบสภาการยุบสภา ครั้งที่ 9

นายชวน หลีกภัย
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก เฟซบุ๊ก ชวน หลีกภัย - ปชป (Official Fanpage)
27 กันยายน พ.ศ. 2539 นายบรรหาร ศิลปอาชา นายกรัฐมนตรี ประกาศยุบสภา ภายหลังมีการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ระหว่างวันที่ 18 - 20 กันยายน พ.ศ. 2539 โดยฝ่ายค้านเน้นอภิปรายที่ตัว นายบรรหาร เมื่อการอภิปรายสิ้นสุดลง ที่ประชุมพรรคร่วมรัฐบาลมีมติร่วมกันว่า จะขอให้นายบรรหารลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ซึ่งนายบรรหารก็รับปากว่า จะลาออกภายใน 7 วัน โดยระหว่างนั้นจะพิจารณาบุคคลที่เหมาะสมขึ้นมาเป็นนายกรัฐมนตรีแทน แต่ภายหลังก็ตัดใจประกาศยุบสภาแทนการยุบสภา ครั้งที่ 10

นายบรรหาร ศิลปอาชา
9 พฤษภาคม พ.ศ. 2543 นายชวน หลีกภัย นายกรัฐมนตรี ประกาศยุบสภา ภายหลังเข้ามาปฏิบัติภารกิจสำคัญ ๆ หลายประการจนแล้วเสร็จ โดยเฉพาะการแก้ไขปัญหาจากวิกฤตเศรษฐกิจฟองสบู่เมื่อ พ.ศ. 2540 ซึ่งทำให้ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ต้องลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ประกอบกับรัฐสภาให้ความเห็นชอบกฎหมายว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.และ ส.ว.แล้วการยุบสภา ครั้งที่ 11
24 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2549 พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ประกาศยุบสภา ภายหลังจากการชุมนุมเรียกร้องทางการเมืองขยายวงกว้าง และส่อเค้าว่า จะมีการเผชิญหน้ากันอย่างรุนแรงของฝ่ายที่มีความคิดเห็นแตกต่างกัน แม้รัฐบาลจะพยายามแก้ไขปัญหา ด้วยการเปิดให้มีการอภิปรายทั่วไป โดยไม่มีการลงมติในที่ประชุมรัฐสภา แต่ก็ไม่อาจแก้ไขปัญหาได้ เมื่อสภาพดังกล่าวอาจส่งผลเสียต่อเศรษฐกิจประเทศ พ.ต.ท.ทักษิณจึงตัดสินใจประกาศยุบสภาการยุบสภา ครั้งที่ 12

พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร
ภาพประกอบโดย PHILIPPE LOPEZ / AFP
5 พฤษภาคม พ.ศ. 2554 นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ประกาศยุบสภา หลังจากเข้ามาคลี่คลายปัญหาทางเศรษฐกิจและความแตกแยกในสังคม ประกอบกับรัฐสภาได้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญให้เหมาะสมและสอดคล้องกับสถานการณ์ของบ้านเมืองที่เปลี่ยนแปลงไป นายอภิสิทธิ์ จึงตัดสินใจคืนอำนาจการตัดสินใจทางการเมืองให้แก่ประชาชน ด้วยการประกาศยุบสภาการยุบสภา ครั้งที่ 13
9 ธันวาคม พ.ศ. 2556 น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ประกาศยุบสภา หลังจากกลุ่มผู้ชุมนุมจากหลายภาคส่วน ร่วมกันเดินขบวนกดดันเจ้าหน้าที่รัฐตามสถานที่ราชการต่าง ๆ โดยสถานการณ์การชุมนุมยังคงส่อเค้าว่าจะยืดเยื้อและทวีความรุนแรงมากขึ้น แม้รัฐบาลพยายามแก้ไขปัญหาด้วยการเปิดโอกาสให้ตัวแทนกลุ่มผู้ชุมนุมเข้าเจรจาเพื่อหาทางออกร่วมกัน แต่ก็ไม่เป็นผล ดังนั้น น.ส.ยิ่งลักษณ์ จึงตัดสินใจประกาศยุบสภาในที่สุดการยุบสภา ครั้งที่ 14
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก












