การประท้วงขับไล่ประธานาธิบดีของเกาหลีใต้ ส่อแววลุกลาม พบมีผู้ชุมนุมกว่า 80,000 คน มากที่สุดในรอบ 7 ปี จนตำรวจต้องใช้รถบัสขวาง ฉีดแก๊สน้ำตาไล่ผู้ชุมนุม
เมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายน 2558 เว็บไซต์ aljazeera รายงานว่า ได้เกิดเหตุประชาชนออกมาประท้วงเพื่อขับไล่ประธานาธิบดีปาร์คกึนเฮ ของเกาหลีใต้ จนตำรวจต้องใช้แก๊สน้ำตาและฉีดน้ำใส่ผู้ชุมนุมที่ประท้วงขับไล่รัฐบาล
ทั้งนี้ คาดว่ามีผู้คนประมาณ 80,000 คน ที่มาร่วมชุมนุมกันในย่านใจกลางเมือง เมื่อช่วงบ่ายของวันที่ 14 พฤศจิกายน ไปจนถึงช่วงเย็น พร้อมกับเดินขบวนไปทั่วกรุงโซล ซึ่งเชื่อว่า นี่คือการประท้วงที่ใหญ่ที่สุดของเกาหลีใต้ในรอบ 7 ปี
การเดินขบวนครั้งนี้ นำโดยกลุ่มแรงงาน ประชาชน และชาวนา เพื่อต่อต้านประธานาธิบดีปาร์คกึนเฮ จากพรรคอนุรักษ์นิยม เกี่ยวกับการปฏิรูปนโยบายด้านแรงงานที่จะเอื้อประโยชน์ต่อนักธุรกิจ ร่วมถึงการต่อต้านการตัดสินใจที่จะให้โรงเรียนมัธยมต้นและมัธยมปลาย ใช้หนังสือประวัติศาสตร์ที่รัฐบาลเป็นผู้ตรวจสอบและพิมพ์เนื้อหาอีกด้วย
ด้านกลุ่มผู้ประท้วง ได้สวมหน้ากาก พร้อมกับถือป้ายและร้องตะโกยว่า "ปาร์คกึนเฮ ออกไป" และ "ไม่มีการปลดพนักงาน" พร้อมกับเดินขบวนไปตามย่านใจกลางเมืองสำคัญ ก่อนปะทะกับตำรวจที่นำรถบัสมาจอดขวางผู้ชุมนุม
ผู้ชุมนุมบางส่วนได้พยายามที่จะเคลื่อนรถบัสโดยการใช้เชือกผูกไว้กับล้อและลาก และตำรวจที่อยู่ในเครื่องแบบครบชุด ได้ยิงแก๊สน้ำตาใส่ผู้ชุมนุม พร้อมกับที่ตำรวจส่วนหนึ่ง ได้ฉีดน้ำใส่ผู้ชุมนุมเมื่อผู้ชุมนุมเข้ามาใกล้
ทั้งนี้ กลุ่มแรงงานได้ออกมาเดินขบวนต่อต้านรัฐบาล จากการที่รัฐบาลต้องการที่จะเปลี่ยนกฎหมายแรงงาน ที่สามารถให้อิสระกับบริษัทในการปลดพนักงานออก ซึ่งผู้ออกกฎหมายมองว่า นี่อาจจะเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญในการเปิดช่องทางหางานให้กับคนอายุน้อย นอกจากนี้ นักวิจารณ์ยังกล่าวว่า ตำราเรียนประวัติศาสตร์ที่จะจัดพิมพ์โดยรัฐบาลนั้น อาจจะเสริมแรงขับเคลื่อนทางการเมืองและอาจจะเป็นความพยายามที่จะล้างความผิดสำหรับการปกครองแบบเผด็จการก่อนที่จะมีการเปลี่ยนผ่านไปสู่การปกครองแบบประชาธิปไตยของเกาหลีใต้ในปี 1980
อย่างไรก็ตามขณะเกิดเหตุประท้วงดังกล่าว ประธานาธิบดีปาร์คกึนเฮ อยู่ระหว่างเดินทางไปประชุมที่ต่างประเทศ
ภาพจาก JUNG YEON-JE / AFP
