โค้ชแหง่น ยอดโค้ช ยอดคน หัวใจเพชร



โค้ชแหง่น ปริญญา เหล็กดี


โค้ชแหง่น ปริญญา เหล็กดี

โค้ชแหง่น ปริญญา เหล็กดี


เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก หนังสือ ฅ คน   


          เชื่อว่าทุกคนล้วนมีความฝันในวัยเยาว์ และปรารถนาที่จะทำความฝันนั้นให้เป็นจริงเมื่อเติบใหญ่ขึ้น เช่นเดียวกับ "ปริญญา เหล็กดี" ชายหนุ่มจากอำเภอเขมราฐ จังหวัดอุบลราชธานี ที่มีใจรักและชอบเล่นฟุตบอลอย่างที่สุด แต่แล้ววันหนึ่งโชคชะตากลับเล่นตลก ทำให้ความหวังของ ปริญญา เหล็กดี พังทลาย โชคดีที่วันนี้ ปริญญา ลุกขึ้นมาสู้ต่อโดยฝากความฝันของเขาไว้กับเด็ก ๆ ชาวอุบล ที่ทุกคนต่างเรียกเขาว่า "โค้ชแหง่น"

          โค้ชแหง่น หรือ ปริญญา เหล็กดี ชายวัยกลางคนผู้นี้เดิมเคยเป็นปลัด อบต.ที่มีอนาคตไกล ตั้งแต่เด็ก ๆ โค้ชแหง่น เป็นคนที่ชอบเล่นฟุตบอลเป็นชีวิตจิตใจ จึงได้หมั่นฟิตซ้อม เอาจริงเอาจังมาโดยตลอด จนได้เป็นตัวแทนของจังหวัดลงแข่งในบอลถ้วยรายการต่าง ๆ ตั้งแต่ยังเป็นวัยรุ่น เมื่อฝีเท้าเข้าขั้น โค้ชแหง่น ก็ได้เดินทางเข้าเมืองหลวง เพื่อจะไปคัดตัวกับทีมโรงเรียนจ่าอากาศ หวังจะได้เป็นนักฟุตบอลของสโมสรทหารอากาศ และก้าวต่อไปยังทีมชาติ แต่ โค้ชแหง่น ก็พลาดหวังครั้งนั้น และแบกความผิดหวังกลับมายังบ้านเกิดของเขา

          โชคชะตาก็ยังคงเล่นตลกกับ "โค้ชแหง่น" อีกครั้ง เมื่อเขาต้องมาสูญเสียอวัยวะที่สำคัญที่สุดในชีวิตนักฟุตบอล ซึ่งก็คือ "ขา" ที่ใช้การไม่ได้ หลังจากเขาประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ ทำให้ "โค้ชแหง่น" ต้องใช้ชีวิตอยู่บนรถเข็น 2 ล้อตลอดชีวิต ช่วงเวลาที่น่าลำบากนั้น "โค้ชแหง่น" เริ่มท้อแท้ หมดหวัง เป็นทุกข์อย่างแสนสาหัส แต่เขาก็ผ่านบททดสอบที่เลวร้ายที่สุดมาได้ ด้วยสิ่งที่เขารักที่สุดอย่าง "ฟุตบอล" นั่นเอง

          "ช่วงนั้นทุกข์มาก ถือว่าเป็นช่วงที่ยากลำบากมากที่สุดในชีวิตของเรา ก็พยายามหาทางที่จะกลับมาเดินให้ได้อีกครั้ง มีหมอบ้าน หมอผีที่ไหนที่เขาว่าดีก็ไปรักษา ต้องข้ามแม่น้ำโขงไปฝั่งลาวก็ไป หมดเงินไปร่วม 600,000-700,000 บาท จมปลักสิ้นหวังกับชีวิตอยู่อย่างนั้น 3 ปีเต็ม จนวันหนึ่งเพื่อนที่เป็นโค้ชฟุตบอลมาตามให้ไปแก้เกมให้หน่อย ปรากฏว่าเราแก้เกมจนทีมกลับมาชนะได้ ทำให้เรารู้ว่าชีวิตยังมีความหมาย สามารถทำอะไรที่เป็นประโยชน์ได้อีก" โค้ชแหง่น เล่าถึงความยากลำบากให้ฟัง

          และหลังจาก "โค้ชแหง่น" เริ่มเข้าใจว่า คนพิการก็ไม่ได้ไร้ค่าเสมอไป เพราะยังสามารถสร้างชีวิตผู้อื่นให้มีค่าได้ "โค้ชแหง่น" จึงตัดสินใจผันตัวมาเป็น "โค้ช" สอนฟุตบอลให้กับเด็ก ๆ เยาวชนในอำเภอเขมราฐ เพื่อหวังให้เยาวชนของชาติหลีกหนีจากยาเสพติด โดยไม่ได้หวังสิ่งใดตอบแทน

          ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา "โค้ชแหง่น" ทุ่มเททั้งแรงกายและแรงใจถ่ายทอดเทคนิคฟุตบอลต่าง ๆ ที่เขาได้เคยเรียนรู้มาให้กับลูกศิษย์หลาย ๆ รุ่น จนตั้งเป็นศูนย์ฝึกอบรมลูกหนังในอำเภอ นามว่า อาณาจักร ป.ซิตี้ โดยมีเงินส่วนตัวที่ "โค้ชแหง่น" ได้มาจากการขายของ และที่ได้ไปตระเวนขอสปอนเซอร์ มาสนับสนุนทีมฟุตบอล ในการพาไปแข่งขันยังจังหวัดต่าง ๆ แน่นอนว่า เงินรางวัลที่ได้จากชัยชนะที่เข้าร่วมแข่งขัน ไม่เพียงพอต่อค่าใช้จ่ายในการพาเด็ก ๆ ไปลงสนาม แต่ "โค้ชแหง่น" ก็ไม่เคยปริปาก หรือเรียกร้องทรัพย์สินจากผู้ปกครองแม้แต่บาทเดียว เพราะทั้งหมดทำไปด้วยใจรักอย่างแท้จริง และมีญาติ ๆ ผู้ปกครองของเด็ก ๆ มาร่วมด้วยช่วยกัน

          "ในเมื่อความฝันของเรามันไม่มีทางเป็นไปได้ เราก็เลยคิดว่าเรามาสอนเด็ก ๆ ที่รักฟุตบอลในบ้านเราดีกว่า เพื่อที่เขาจะได้มีฝีเท้าเป็นใบเบิกทางในการสร้างโอกาสที่ดีในชีวิตเขาให้มากขึ้น ก็ต้องขอบคุณในความพิการ ที่ทำให้เราผันตัวมาทำตรงนี้" คำพูดของ "โค้ชแหง่น" สะท้อนให้เห็นถึงการมองโลกในแง่ดีของเขา

          และไม่เพียงแค่สอนฟุตบอลเท่านั้น "โค้ชแหง่น" ยังพร่ำสอนเรื่องคุณธรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่งความมีน้ำใจนักกีฬา และไม่อายที่จะแพ้ แต่หากแพ้ต้องเดินหน้าต่อ เพื่อหาจุดบกพร่องมาปรับปรุงให้ได้ หรือถ้าหากชนะ ก็เป็นแค่บันไดก้าวแรกไม่ใช่สิ่งที่สุดยอดที่สุดในชีวิต นี่คือสิ่ง "โค้ชแหง่น" บอกลูกศิษย์มาโดยตลอด และมีลูกศิษย์หลายคนได้ดีจากคำสอนของ "โค้ชแหง่น" นี้สามารถนำเอาความสามารถพิเศษทางการกีฬาไปเข้าศึกษาต่อที่โรงเรียนชื่อดังในกรุงเทพฯ อีกหลายแห่ง

          "เราไม่ได้คาดหวังหรือกะเกณฑ์ ว่าเด็กทุกคนจะต้องเก่งต้องดี แต่ถ้าเด็กบางคนเป็นนักกีฬา ได้โอกาสเข้าไปเรียนในโรงเรียนดี ๆ มีทุนการศึกษาให้ มันก็ดีกับชีวิตเขา ซึ่งก็มีเด็กที่เขาไปได้ดี ได้เข้าเรียนในโรงเรียนชั้นนำในกรุงเทพฯ บางคนก็ติดทีมชาติไทยชุดเยาวชน และหากบางคนไปได้ไกลถึงทีมชาติ เราก็ยิ่งภาคภูมิใจ อย่างน้อยเขาก็บรรลุความฝัน ไม่ต้องผิดหวังเหมือนกับเรา" โค้ชแหง่น เล่าด้วยความภูมิใจ

          แม้จะผ่านมาเป็นสิบปีแล้ว แต่ "โค้ชแหง่น" ก็ยังคงเพียรปั้นดินก้อนเล็ก ๆ จากอุบลราชธานี โดยหวังจะให้ก้าวขึ้นไปสู่ดาวดวงใหญ่ให้จงได้ ซึ่งแม้ "โค้ชแหง่น" จะมีสภาพร่างกายไม่เหมือนคนอื่นเขา และหลายครั้งต้องเข้ารับการรักษาตัวที่โรงพยาบาลนานหลายวัน เพราะเจ็บบาดแผลที่เกิดจากการกดทับ ชายผู้นี้ก็ลั่นวาจาไว้ว่า จะไม่มีทางเลิกสอนเด็ก ๆ อย่างเด็ดขาด

          "กว่าจะถึงวันนี้ เราก็ลำบากมาไม่น้อย ถึงวันนี้ก็ยังลำบากอยู่ แต่ยังไงเราก็ไม่คิดจะเลิกทำ ให้ลำบากกว่านี้ก็ไม่เลิก มันเลิกไม่ได้หรอก ในเมื่อฟุตบอลมันนำมาซึ่งความสุขของเราและเด็ก ๆ ทุกคน ทุกวันนี้มีความฝันอยู่สองอย่าง คือ เห็นเด็ก ๆ ติดทีมชาติไทย และเห็นสนามซ้อมฟุตบอลที่ชาวบ้านร่วมกันบริจาค สร้างเสร็จเป็นรูปเป็นร่าง ถ้าหากตายก่อนได้เห็นสนามฟุตบอล ก็คงไม่มีความสุข" โค้ชแหง่น ทิ้งท้าย

          และนี่ก็คือ "ความสุข" อันยิ่งใหญ่ของ โค้ชแหง่น" ชายผู้พิการร่างกาย แต่มีจิตใจแข็งแกร่งดังเพชร ผู้ซึ่งบอกตัวเองว่า ขอขอบคุณในความพิการ ที่ทำให้คนครึ่งตัวอย่างเขาภาคภูมิใจ และรู้สึกมีค่าที่สุดในชีวิตที่เกิดมา


         

คลิกอ่านความคิดเห็นของเพื่อนๆ ได้ที่นี่ค่ะ


ขอขอบคุณข้อมูลฃจาก

หนังสือ ฅ คน ปีที่ 5 ฉบับที่ 1 (49) พฤศจิกายน 2552 

 

 

เรื่องน่าสนใจอื่นๆ
เรื่องที่คุณอาจสนใจ
โค้ชแหง่น ยอดโค้ช ยอดคน หัวใจเพชร อัปเดตล่าสุด 31 พฤษภาคม 2553 เวลา 14:28:45 5,788 อ่าน
TOP
x close