เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
หลังจากการออกมาตรการห้ามเด็กอายุ 18 ปี ออกจากบ้านหลังเวลา 22.00น. เพื่อแก้ปัญหาทางด้านอาชญากรรม นั้น สร้างความตกใจแก่เด็กและผู้ปกครองเป็นอย่างมาก
โดยนายสราวุธ เบญจกุล รองเลขาธิการสำนักงานศาลยุติธรรม ได้กล่าวเกี่ยวกับกรณีนี้ว่า มาตรการดังกล่าวในทางปฏิบัตินั้นไม่สามารถทำได้ เพราะขัดกับรัฐธรรมนูญ มาตรา 26 และมาตรา 29 ว่าด้วยการไปจำกัดสิทธิเสรีภาพของบุคคลอื่น โดยถ้าจะตั้งมาตรการดังกล่าวขึ้นต้องมีผลบังคับใช้เป็นการทั่วไป ไม่เฉพาะเจาะจงว่าเป็นบุคคลใดบุคคลหนึ่ง
นอกจากนี้ ยังมีรัฐธรรมนูญมาตรา 34 ว่าด้วยบุคคลต้องมีสิทธิเสรีภาพในการเดินทางในประเทศ และมีเสรีภาพในการเลือกถิ่นที่อยู่ ทำให้มาตรการเคอร์ฟิวเด็กดังกล่าวจะมีผลกระทบต่อสิทธิเสรีภาพของเด็กและ เยาวชน อีกทั้งตามรัฐธรรมนูญมาตราที่ 52 กำหนดว่า เด็กและเยาวชน มีสิทธิในการอยู่รอด และได้รับการพัฒนาทั้งด้านร่างกาย จิตใจ และสภาพแวดล้อม คำนึงถึงการมีส่วนร่วมของเด็กและเยาวชนเป็นสำคัญ มีสิทธิได้รับความคุ้มครองจากรัฐ ให้ปราศจากการใช้ความรุนแรง และการปฏิบัติอันไม่เป็นธรรม การแทรกแซงและการจำกัดสิทธิจะกระทำมิได้
เพราะฉะนั้นมาตรการเคอร์ฟิวเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี เป็นการจำกัดสิทธิเสรีภาพเด็กซึ่งไม่สามารถกระทำได้ เพราะเป็นการละเมิดสิทธิเสรีภาพขั้นพื้นฐาน เว้นแต่ว่าจะมีกฎหมายรัฐธรรมนูญให้อำนาจไว้
ด้าน พล.ต.ต. วรศักดิ์ นพสิทธิพร รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาลได้ออกมาให้ความหมายของมาตรการเคอร์ฟิวเด็ก ว่า มาตรการดังกล่าวนั้นไม่ได้ห้ามเด็กอายุ 18 ปีออกจากบ้านหลังสี่ทุ่ม แต่เป็นมาตรการที่ตำรวจจะบังคับกฎหมายอย่างเข้มงวดกับสถานบริการ อาทิเช่น ร้านเกม ร้านอินเทอร์เน็ต หรือร้านสนุกเกอร์ เพื่อป้องกันเหตุอาชญากรรมต่าง ๆ อีกทั้งยังขอความช่วยเหลือจากผู้ประกอบการ และประชาชนทั่วไป คอยสอดส่องพฤติกรรมเด็กที่ประพฤติตนไม่เหมาะสมและเสี่ยงต่อการเกิดเหตุ อันตรายต่าง ๆ แก่เจ้าหน้าที่อีกด้วย
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก
