เผยภาพศพไมเคิล แจ็คสัน อีกภาพ ชี้หมอเมอร์เรย์ประมาท

เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก tmz.com

          หลังจากศาลแขวงลอสแองเจลิสได้เปิดเผยภาพศพ ไมเคิล แจ็คสัน หลังเสียชีวิตหมาด ๆ ขณะนอนอยู่บนเตียงที่โรงพยาบาลโรนัลด์ เรแกน ยูซีแอลเอ ไปแล้วเมื่อปลายเดือนก่อน ล่าสุด ศาลแขวงลอสแองเจลิสได้เปิดเผยภาพศพของนักร้องชื่อดังอีกภาพ เพื่อประกอบการพิจารณาในชั้นศาล ซึ่งภาพนี้ถือเป็นภาพที่สะเทือนใจแฟนคลับของไมเคิล แจ็คสัน เป็นอย่างมากเลยทีเดียว

          เมื่อวันที่ 11 ตุลาคมที่ผ่านมา เว็บไซต์เดลิเมลของอังกฤษ รายงานว่า ศาลแขวงลอสแองเจลิสเปิดเผยภาพศพสุดสะเทือนใจของราชาเพลงป๊อปไมเคิล แจ็คสัน ขณะนอนแน่นิ่งสภาพศพเปลือยเปล่าระหว่างรอการชันสูตรอย่างละเอียด ขณะที่ทางแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเผย ข้อแก้ตัวของนายแพทย์คอนราด เมอร์เรย์ ที่ว่าแจ็คสันฉีดยาฆ่าตัวเองตายนั้นฟังไม่ขึ้น

          โดยจากการให้การในชั้นศาล นายแพทย์คอนราด เมอร์เรย์ แพทย์ประจำตัวของราชาเพลงป๊อปได้เปิดเผยว่า แจ็คสันเสียชีวิตเพราะแอบกินยาโรลาซีแพม ซึ่งเป็นยานอนหลับชนิดรุนแรงเข้าไปถึง 8 เม็ด และยังแอบฉีดยา "โพรโปฟอล" เข้าเส้นเลือดตัวเองขณะที่เขาไม่ได้อยู่ในห้องด้วย ซึ่งเขาอ้างว่าแจ็คสันได้หยิบยาโพรโปฟอลมาฉีดเองขณะที่เขาเดินออกจากห้องไปเข้าห้องน้ำเป็นเวลาประมาณ 2 นาที ทำให้แจ็คสันเสียชีวิตเพราะรับยาเกินขนาดเมื่อวันที่ 25 มิถุนายน 2009

          จากคำให้การของนายแพทย์คอนราด เมอร์เรย์ ดังกล่าวข้างต้น นายแพทย์คริสโตเฟอร์ โรเจอร์ส แพทย์ผู้เชี่ยวชาญซึ่งได้นำผลการชันสูตรศพไมเคิล แจ็คสันมาแสดงต่อศาล ได้กล่าวว่า จากการชันสูตรศพไมเคิล แจ็คสัน แสดงให้เห็นว่า แจ็คสันมีสุขภาพที่แข็งแรงกว่าคนในวัยเดียวกัน ไม่มีปัญหาเรื่องไขมันหรือคอเลสเตอรอลเลย และคำให้การของนายแพทย์เมอร์เรย์นั้นฟังไม่ขึ้นแม้แต่น้อย เพราะเป็นไปไม่ได้ที่ไมเคิล แจ็คสัน จะเตรียมยาโพรโปฟอลแล้วฉีดเข้าเส้นเลือดตัวเองได้เสร็จสิ้นภายในเวลาเพียง 2 นาทีที่นายแพทย์เมอร์เรย์ลุกไปเข้าห้องน้ำ และถ้าหากเขาฉีดยาเข้าเส้นเลือดตัวเองในช่วงเวลานั้นจริง ยาก็จะไม่ออกฤทธิ์คร่าชีวิตเขาได้ในระยะเวลาที่รวดเร็วขนาดนั้น ดังนั้นเป็นไปไม่ได้เลยที่แจ็คสันจะฉีดยาเข้าเส้นเลือดช่วงเวลาดังกล่าว แล้วทำให้เขาหยุดหายใจไปเลยทันทีก่อนที่นายแพทย์เมอร์เรย์กลับมา มันเป็นไปไม่ได้ เหตุการณ์ทั้งหมดที่นายแพทย์เมอร์เรย์กล่าวอ้างเกิดขึ้นในเวลารวดเร็วเกินไป ยากเกินกว่าที่จะเชื่อได้

          นอกจากนี้ นายแพทย์โรเจอร์ส ยังกล่าวอีกว่า มันเป็นเรื่องง่ายมากที่แพทย์จะประเมินปริมาณยาผิดและให้ยาโพรโปฟอลในปริมาณที่มากเกินไป และที่สำคัญนายแพทย์เมอร์เรย์ ยังไม่มีอุปกรณ์ในการช่วยให้ยาโพรโปฟอลในปริมาณที่ถูกต้อง เพื่อทำให้แจ็คสันนอนหลับอีกด้วย

          ส่วนทางด้านนายแพทย์เมอร์เรย์เองก็ยังคงยืนยันว่า เขาได้พยายามทุกอย่างเพื่อช่วยกู้ชีวิตไมเคิล แจ็คสัน แล้ว และยังเปิดเผยว่า ก่อนหน้าที่แจ็คสันจะเสียชีวิต แจ็คสันได้ขอร้องให้เขาฉีดยาให้แจ็คสันนอนหลับมากกว่า 8 ชั่วโมง โดยแจ็คสันได้พูดกับนายแพทย์เมอร์เรย์ว่า "ผมจะต้องนอนหลับ ผมจะต้องเตรียมร่างกายให้พร้อมเพื่อขึ้นคอนเสิร์ตที่อังกฤษ แต่ถ้าหากผมนอนไม่เพียงพอ ผมรู้ว่าผมจะต้องยกเลิกคอนเสิร์ตวันพรุ่งนี้แน่ ๆ" ซึ่งเมื่อได้ยินดังนั้น นายแพทย์เมอร์เรย์ก็ได้ปฏิเสธที่จะฉีดยาโพรโปฟอลให้ และให้แจ็คสันดื่มนมแทน แต่มันก็ไม่เป็นอย่างนั้น แจ็คสันได้แอบฉีดยาเข้าเส้นเลือดตัวเองและทำให้เขาเสียชีวิตในที่สุด และนอกจากนี้ นายแพทย์เมอร์เรย์ ยังเปิดเผยอีกว่า แจ็คสันมีปัญหาเกี่ยวกับดวงตา ดวงตาของแจ็คสันแทบจะมองไม่เห็นอยู่แล้ว และยังติดเชื้อที่เท้าทำให้รู้สึกเจ็บเวลาเต้นอีก แต่เขาก็ได้รักษาอาการนี้แก่แจ็คสันแล้ว

          อย่างไรก็ดี คดีนี้ก็ยังคงต้องสอบสวนและพิจารณากันต่อไป ขณะที่ศาลได้เปิดเผยว่า ถ้าหากสุดท้ายแล้ว นายแพทย์เมอร์เรย์ได้ฆาตกรรมแจ็คสันโดยประมาทจริง เขาจะมีโทษจำคุกเป็นเวลาถึง 4 ปีเลยทีเดียว




เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก Ronald Reagan UCLA Medical Center

          แม้จะเสียชีวิตไปกว่า 2 ปีแล้ว แต่คดีการเสียชีวิตของ ไมเคิล แจ็คสัน ก็ยังคงยืดเยื้อมาจนถึงทุกวันนี้ โดยล่าสุด ศาลแขวงลอสแองเจลิส ได้เรียกตัวนายแพทย์คอนราด เมอร์เรย์ ไปขึ้นศาลอีกครั้ง เมื่อวันที่ 27 กันยายนที่ผ่านมา พร้อมเปิดเผยภาพศพ ไมเคิล แจ็คสัน นอนอยู่บนเตียงหลังเสียชีวิตเป็นครั้งแรก

          เว็บไซต์เทเลกราฟของอังกฤษ รายงานว่า ในการสอบสวนดำเนินคดีนายแพทย์คอนราด เมอร์เรย์ ในครั้งนี้ ศาลแขวงลอสแองเจลิสได้นำทั้งคลิปเสียงของ ไมเคิล แจ็คสัน ที่บันทึกไว้ก่อนเสียชีวิต 1 เดือน พร้อมกับรูปถ่ายร่างไร้วิญญาณของไมเคิล แจ็คสัน หลังเสียชีวิตใหม่ ๆ มาแสดงเป็นหลักฐานในการดำเนินคดี นายแพทย์เมอร์เรย์

          จากการให้การในชั้นศาล นายเดวิด วาลเกรน อัยการศาลแขวงลอสแองเจลิส ได้กล่าวว่า การเสียชีวิตของ ไมเคิล แจ็คสัน เป็นการฆาตกรรมอย่างเห็นได้ชัด นายแพทย์เมอร์เรย์ทำหน้าที่แพทย์บกพร่องมาก เขาปล่อยให้ ไมเคิล แจ็คสัน หัวใจหยุดเต้นอยู่นานแล้วค่อยโทรแจ้งตำรวจ ซึ่งมันช้าเกินไป จากหลักฐานแสดงให้เห็นว่า ไมเคิล แจ็คสัน ไว้ใจคนผิด เขาฝากชีวิตและเชื่อในความสามารถของนายแพทย์เมอร์เรย์มากเกินไป จนทำให้เขาเสียชีวิตในที่สุด

           ส่วนทางด้านนายแพทย์เมอร์เรย์ ก็ได้ให้การพร้อมแสดงหลักฐานว่า ไมเคิล แจ็คสัน ได้กิน "โรลาซีแพม" ซึ่งเป็นยานอนหลับชนิดรุนแรงเข้าไปถึง 8 เม็ด และฉีด "โพรโปฟอล" ยาระงับประสาทชนิดรุนแรงเข้าเส้นเลือดตัวเองด้วย ซึ่งนายแพทย์เมอร์เรย์เองก็ถึงกับปาดน้ำตาขณะแสดงหลักฐานเลยทีเดียว

            อย่างไรก็ดี นายแพทย์เมอร์เรย์ ยังคงปฏิเสธคำกล่าวหาที่ว่า เขาปล่อยให้ไมเคิล แจ็คสัน ต้องเสียชีวิตในขณะที่ยังสามารถช่วยชีวิตไว้ได้อยู่ โดยนายเอ็ด เชอร์นอฟ ทนายของนายแพทย์เมอร์เรย์ ได้ยืนยันว่า การเสียชีวิตของไมเคิล แจ็คสันนั้น เป็นการฆ่าตัวตาย เขาพยายามกินยานอนหลับเกินขนาดเอง เพื่อหวังจะช่วยให้นอนหลับ ซึ่งก่อนหน้านั้นนายแพทย์มอร์เรย์ได้ปฏิเสธให้ยาเขาไปแล้ว ซ้ำยังฉีดยาเข้าเส้นเลือดตัวเอง จนต้องมาเสียชีวิตในที่สุด