ติดตามภารกิจใจฟู ส่งคุณปู่เต่าตนุ วัย 40 ปี ปล่อยกลับคืนสู่ท้องทะเล หลังใช้ชีวิตในบ่อ รักษาแผลที่กระดองนาน 8 ปี ล่าสุด คุณปู่มุ่งหน้าว่ายขึ้นเหนือแล้ว เต่าตนุ เป็นหนึ่งในสายพันธุ์เต่าทะเลที่มีบทบาทต่อระบบนิเวศทางทะเล ที่ช่วยควบคุมประชากรหญ้าทะเลและแมงกะพรุน เรียกได้ว่าเป็นส่วนสำคัญของความสมดุลในมหาสมุทร แต่น่าใจหายเมื่อเราพบว่าเต่าตนุกำลังเผชิญกับความเสี่ยงต่อการสูญพันธุ์ ทั้งเสียชีวิตจากการโดนใบพัดเรือ บางตัวก็รอดมาได้ แต่ไม่สามารถกลับไปใช้ชีวิตในธรรมชาติได้อีก ไม่โชคดีเหมือนอย่าง คุณปู่เต่าตนุ ตัวหนึ่งที่รักษาในบ่อปิดมานานถึง 8 ปี แต่ไม่กี่วันที่ผ่านมาก็มีข่าวที่น่ายินดีว่า คุณปู่ได้กลับคืนสู่ท้องทะเลอันกว้างใหญ่อีกครั้ง โอกาสนี้มาดูเส้นทางชีวิตจากคุณปู่เต่าตนุที่บาดเจ็บสาหัสในวันนั้น สู่วันปล่อยคืนมหาสมุทรในวันนี้... เพจเฟซบุ๊ก ThaiWhales ได้บอกเล่าย้อนเรื่องราวเมื่อปี พ.ศ. 2561 มีการพบเต่าตนุเพศผู้ อายุกว่า 40 ปี มาเกยตื้นบริเวณชายฝั่ง ด้วยอาการบาดเจ็บที่กระดองอย่างรุนแรงจากการโดนเรือประมงชน ทำให้มีปัญหากับระบบประสาท และส่งผลต่อการลอยตัว ทีมสัตวแพทย์จากศูนย์ช่วยชีวิตสัตว์ทะเลหายากสิรีธาร จังหวัดภูเก็ต จึงนำมาอนุบาลรักษาไว้ อย่างไรก็ตาม ถึงแม้กระดองปู่จะหายดีขึ้นเรื่อย ๆ แต่ปู่ก็ว่ายน้ำตุปัดตุเป๋ ตูดลอย ถือว่ายังเสี่ยงต่อการเอาตัวรอดหากปล่อยกลับคืนสู่ทะเล ทีมเจ้าหน้าที่จึงติดตัวถ่วงด้านหลังกระดอง เพื่อเพิ่มความดัน และช่วยให้ดำน้ำได้ปกติ จากนั้นก็ได้ดูแลคุณปู่มาเรื่อย ๆ จนเป็นที่รักของทุกคน เมื่อเวลาผ่านไปหลายปี จากที่คุณปู่อยู่ในบ่ออนุบาลขนาดเล็ก จนย้ายมาสู่บ่อขนาดใหญ่ ที่ศูนย์สิรีธาร ซึ่งเป็นบ่อกว้าง น้ำลึกขึ้น ทำให้คุณปู่เริ่มปรับตัวดีขึ้น ว่ายน้ำได้แข็งแรงขึ้น ทีมสัตวแพทย์และผู้ดูแลเริ่มมีความหวังว่า คุณปู่อาจพร้อมแล้วสำหรับการเดินทางกลับไปอยู่ในที่ของเขาอีกครั้ง... และแล้วเมื่อถึงวันที่เหมาะสม นักวิจัยชาวญี่ปุ่น นำโดย ดร. Kotaro ได้นำอุปกรณ์ติดตามดาวเทียม Satellite Tag ที่มีสีแดงโดดเด่นมาติดตั้งไว้บริเวณกระดอง ซึ่งมองดูแล้วคล้ายกับปู่กำลังแบกเป้สีแดงขนาดใหญ่ไว้บนหลังอยู่ อุปกรณ์ดังกล่าวไม่เพียงแต่ช่วยติดตามเส้นทางการเดินทางของปู่เท่านั้น แต่ยังสามารถบันทึกเสียงใต้น้ำ และวิเคราะห์ออกมาได้ว่าเป็นเสียงอะไร เช่น เสียงเรือ เสียงพะยูน เสียงปลา ฯลฯ ทำให้ทราบว่าคุณปู่จะไปพบกับสัตว์ทะเลชนิดใดบ้าง และใช้ชีวิตในสภาพแวดล้อมแบบใด ซึ่งในอนาคตหาก AI พัฒนาได้ไกลกว่านี้ อาจจะช่วยทำให้อุปกรณ์ดังกล่าวมีขนาดเล็กลงได้ สำหรับสถานที่ปล่อยตัวคุณปู่นั้น ทีมเจ้าหน้าที่ได้เลือกอ่าวตังเข็น เนื่องจากเป็นเขตที่มีเต่าตนุอาศัยอยู่ และยังมีพะยูนอพยพมาใช้เป็นแหล่งหากิน ที่สำคัญพื้นที่นี้ได้รับการเฝ้าระวังจากเจ้าหน้าที่กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง รวมถึงอาสาสมัครที่ช่วยบินโดรนสังเกตการณ์อยู่เป็นประจำ หากเกิดเหตุฉุกเฉิน คุณปู่จะได้รับการช่วยเหลืออย่างทันท่วงที คุณปู่เต่าตนุเป้แดง ไม่ใช่แค่ตัวแทนของความหวังในการอนุรักษ์สัตว์ทะเล แต่ยังเป็นบทพิสูจน์ของความพยายามของมนุษย์ในการช่วยเหลือธรรมชาติ ทีมสัตวแพทย์ เจ้าหน้าที่ และอาสาสมัครทุกคนที่ดูแลมาตลอด 8 ปี ต่างเฝ้ารอดูว่าคุณปู่จะใช้ชีวิตในท้องทะเลกว้างได้อย่างไร เมื่อวันที่ 13 มีนาคม 2568 เฟซบุ๊ก Theerasak Saksritawee ได้รายงานว่าพบคุณปู่เป้แดง เดินทางถึงเกาะสิมิลันแล้ว ในระยะเวลา 5 วัน คุณปู่ว่ายน้ำกว่า 200 กิโลเมตร สุดยอดมาก พร้อมฝากไปถึงคนเดินเรือให้ช่วยเฝ้าระวังปู่ด้วย สามารถสังเกตได้จากตอนคุณปู่ลอยตัวขึ้นมาหายใจ จะมองเห็นสีแดงบนกระดองเด่นมาก นอกจากนี้ ยังระบุพิกัดเส้นทางการเดินทาง ตั้งแต่วันที่ 8 - 15 มีนาคม 2568 คุณปู่เต่าตนุเป้แดงไปแวะที่ไหนบ้าง ดังนี้ และล่าสุด (16 มีนาคม 2568) เฟซบุ๊ก Patcharaporn Kaewmong หรือ คุณหมอฟ้า ได้อัปเดตว่าเป้แดงของปู่ตอนนี้แบตเตอรี่ใกล้จะหมดเต็มทีแล้ว พร้อมกับขอบคุณปู่ด้วยว่า ข้อมูลระหว่างการเดินทางที่ส่งมาให้นั้นมีประโยชน์มาก คุณปู่ถือเป็นคุณครูของเด็กและนักศึกษาที่เรียนด้านทะเล รวมถึงน้องสัตวแพทย์ที่อยากเรียนรู้สัตว์ทะเล วันนี้คุณปู่กลับไปทะเลอีกครั้งได้ ทุกคนเป็นห่วงปู่ รักและผูกพัน แต่ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ต่อจากนี้ทะเลคือบ้านที่ปู่ควรจะได้กลับไปใช้ชีวิต ทั้งหมดนี้เป็นเรื่องราวการเดินทางคืนสู่ท้องทะเลของคุณปู่เต่าตนุเป้แดง ต่อจากนี้เราหวังว่าทะเลจะโอบกอดปู่ไว้อย่างปลอดภัย และอาจถึงวันที่เราได้เห็นลูกหลานของปู่แหวกว่ายกลับมาสู่ชายฝั่งอีกครั้ง ข้อมูลจาก เฟซบุ๊ก ThaiWhales