วิษณุ แจงเหตุใช้มาตรา 44 รัฐธรรมนูญชั่วคราว พ.ศ. 2557 แทน พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ เพราะจะเสียหายต่อภาพลักษณ์ประเทศ ส่วน พ.ร.บ.ความมั่นคงไม่สามารถแก้ปัญหาได้ ยันไม่ใช้สร้างความรุนแรง แต่จะใช้เพื่อสร้างความปรองดองรวมไปถึงการปฏิรูปประเทศ ระบุเมื่อเลิกกฎอัยอารศึกแล้วศาลทหารสามารถอุทธรณ์ได้
วันที่ 2 เมษายน 2558 นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายกฎหมาย ได้แถลงชี้แจงกรณีการออกคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ตามมาตรา 44 ในรัฐธรรมนูญชั่วคราว พ.ศ. 2557 แทนกฎอัยการศึก ว่า การใช้กฎอัยการศึก ส่งผลเสียต่อการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจ แต่รัฐบาลได้รับรายงานจากหน่วยงานด้านความมั่นคง ว่ายังมีสถานการณ์ที่ไม่น่าไว้วางใจอยู่ จึงจำเป็นต้องมีมาตรการพิเศษมารองรับแทนกฎอัยการศึก
นายวิษณุ กล่าวต่อว่า สำหรับเหตุผลที่ใช้ มาตรา 44 แทนกฎหมายอื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็น พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ พ.ร.บ.ความมั่นคง เพราะ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ต่างชาติก็มองไม่ดี และทำให้มองสถานการณ์บ้านเมืองว่าอยู่ในภาวะฉุกเฉิน ซึ่งไม่เป็นผลดีต่อภาพลักษณ์ของประเทศ ขณะที่ พ.ร.บ.ความมั่นคง ก็ไม่สามารถแก้ปัญหาด้านความมั่นคงได้
อย่างไรก็ตามในอดีตเคยมีกฎหมายในลักษณะเดียวกันกับมาตรา 44 มาแล้ว เช่น ในสมัยจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ ได้ใช้มาตรา 17 โดยกฎหมายดังกล่าวเคยใช้ในลักษณะเพื่อป้องกันและปราบปรามด้านความมั่นคง จึงทำให้ดูรุนแรง แต่มาตรา 44 นี้รัฐบาลและ คสช. ไม่ได้จะใช้ในด้านความรุนแรงอย่างเดียว แต่ตั้งใจจะใช้เพื่อสร้างความสามัคคีปรองดองและเพื่อการปฏิรูปประเทศด้วย
สำหรับในส่วนของศาลทหารนั้นเมื่อยกเลิกกฎอัยการศึก ศาลทหารก็จะมีสภาพเป็นปกติ คือ เป็นระบบ 3 ศาล มีศาลทหารชั้นต้น ศาลทหารกลาง และศาลทหารสูงสุด ซึ่งคดีที่กำลังพิจารณาอยู่ในศาลทหารก็สามารถที่จะสู้คดีได้เหมือนกับศาลพลเรือน แต่ไม่ร่วมถึงคดีที่ศาลหทารได้พิจารณาไปก่อนหน้าที่ซึ่งไม่สามารถอุทธรณ์คำตัดสินได้ เพราะถือว่าเป็นที่สุดแล้ว
ทั้งนี้ นายวิษณุ ได้กล่าวถึงมาตรการในการควบคุมสื่อมวลชนจากคำสั่งของหัวหน้า คสช. ตามมาตรา 44 ว่า มาตรการคำสั่งทั้งหมดได้เลียนแบบมาจาก พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ รวมทั้งการควบคุมสื่อมวลชนด้วย อย่างไรก็ตามไม่ใช่การคุกคาม หรือข่มขู่สื่อมวชน แต่จะใช้มาตรการในการเจรจาทำความเข้าใจเหมือนที่ผ่านมา
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก