เป็นคดีใหญ่และสำคัญระดับชาติ ภายหลังจากเจ้าหน้าที่ทหาร-ตำรวจ จับกุมตัว "หมอหยอง" หรือ นายสุริยัน สุจริตพลวงศ์ หมอดูชื่อดัง รวมถึงนายจิรวงศ์ วัฒนเทวาศิลป์ หรือ "อาท" เลขาฯ คนสนิท และ พ.ต.ต. ปรากรม วารุณประภา หรือ "สารวัตรเอี๊ยด" สารวัตรกองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ปอท.) ในความผิดร้ายแรงตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 โดยพบว่ามีพฤติกรรมแอบอ้างสถาบันเบื้องสูง เพื่อหาผลประโยชน์ใส่ตัว
ลำดับเหตุการณ์ของคดี มีดังนี้
* ลือสนั่นตำรวจรวบตัว หมอหยอง
จุดเริ่มต้นของข่าวและคดีนี้ เริ่มจากช่วงเย็นวันที่ 16 ตุลาคม 2558 เกิดกระแสข่าวลือแพร่สะพัดในโซเชียลมีเดียว่า ตำรวจกองปราบปรามจับกุมตัว หมอหยอง ในคดีร้ายแรง พร้อมเตรียมเรียกประชุมชุดทำคดีเวลา 21.00 น. และมีสื่อบางสำนักเอาไปรายงานลงเว็บไซต์ แต่ลบออกในเวลาต่อมา
ต่อมา พล.ต.ต. อัคราเดช พิมลศรี ผู้บังคับการปราบปราม ออกมาให้ข้อมูลกับสื่อว่า กองปราบฯ ไม่ได้จับกุมหมอหยองตามที่มีกระแสข่าว และไม่มีการนัดหมายประชุม คณะพนักงานสอบสวน ที่กองปราบฯ ตามที่มีการส่งข้อความต่อกันทางแอพพลิเคชั่นไลน์
* เผย 'คสช.' เรียกสอบ-คุมตัวเอง
ข้อเท็จจริงประเด็นข้างต้นคลี่คลาย ในวันที่ 21 ตุลาคม ซึ่งเป็นวันนำตัวหมอหยอง นายอาท และสารวัตรเอี๊ยด มาศาลทหารกรุงเทพ เผื่อขอฝากขังผลัดแรก ก่อนนำตัวไปคุมขังที่เรือนจำชั่วคราว มทบ.11
โดย พล.ต.ท. ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล ผู้ช่วย ผบ.ตร. ในฐานะหัวหน้าชุดพนักงานสอบสวนคดีความมั่นคงและหมิ่นสถาบัน แจกเอกสารกับผู้สื่อข่าว ซึ่งมีเนื้อหาเผยว่า หน่วยงานที่เรียกตัวหมอหยองไปสอบสวนและควบคุมตัวเอาไว้ ก็คือ ทางคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) หรือเจ้าหน้าที่ทหารนั่นเอง
เหตุผลเพราะทาง คสช. ตรวจพบว่า บุคคลกลุ่มนี้ร่วมกันกระทำความผิด โดยมีพฤติการณ์แอบอ้าง หรือแสดงออกในลักษณะต่างกรรม ต่างวาระกัน เพื่อให้ประชาชน หรือบุคคลโดยทั่วไปเข้าใจว่าตนเองมีความใกล้ชิดกับสถาบันเบื้องสูง และได้เรียกหรือรับผลประโยชน์กับการดำเนินการดังกล่าว รวมทั้งได้กระทำความผิดตามกฎหมายอื่น ๆ อีกหลายฐานความผิด

* พบมีมูล-ทำผิด ม.112 จริง
ข้อมูลในเอกสารระบุต่อไปว่า การกระทำของกลุ่มบุคคลดังกล่าว ก่อให้เกิดความเสียหายต่อสถาบัน และความเสียหายอื่น ๆ ในวงกว้าง เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงของทหารได้ใช้อำนาจตามคำสั่ง คสช. ที่ 3/2558 เรียกตัวบุคคลที่เกี่ยวข้องมาสอบถามข้อมูลและควบคุมตัวไว้
จากการซักถามพบว่า มีมูลกระทำความผิดจริง จึงมอบหมายให้ พล.ต.วิจารณ์ จดแตง หัวหน้าฝ่าย กฎหมาย คสช. แจ้งความร้องทุกข์ให้ดำเนินคดีกับผู้ กระทำผิดฐาน "หมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้าย พระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท หรือผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์" ตาม ป.อาญา มาตรา 112

* ตั้ง 'ศรีวราห์' หัวหน้าชุดสอบ 3 ผู้ต้องหา
ต่อมาสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) โดย พล.ต.อ. จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. มีคำสั่งที่ 578/2558 ลงวันที่ 16 ตุลาคม 2558 แต่งตั้งคณะพนักงานสืบสวนสอบสวน มี พล.ต.ท. ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล ผู้ช่วย ผบ.ตร. เป็นหัวหน้า พล.ต.ท. ฐิติราช หนองหารพิทักษ์ ผบช.ก. เป็นรองหัวหน้า ร่วมกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงของทหาร สืบสวนสอบสวน รวบรวมพยานหลักฐานจนเป็นที่แน่ชัด และเชื่อได้ว่ากลุ่มบุคคลที่ร่วมกระทำความผิด ประกอบด้วย
1. นายสุริยัน สุจริตพลวงศ์ หรือ หมอหยอง อายุ 53 ปี หมายจับศาลทหารกรุงเทพ ลงวันที่ 18 ตุลาคม 2558 ข้อหาร่วมกันหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ฯ
2. นายจิรวงศ์ วัฒนเทวาศิลป์ อายุ 29 ปี เลขาฯ ส่วนตัวคนสนิทของหมอหยอง โดนหมายจับศาลทหารกรุงเทพ ลงวันที่ 21 ตุลาคม 2558 ข้อหา ร่วมกันหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ฯ
3. พ.ต.ต. ปรากรม วารุณประภา อายุ 44 ปี หมายจับศาลทหารกรุงเทพ ลงวันที่ 20 ตุลาคม 2558 ข้อหามีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนที่นายทะเบียนไม่สามารถออกใบอนุญาตให้ได้ไว้ในครอบครอง, มีใช้ซึ่งวิทยุคมนาคมโดยไม่ได้รับอนุญาตฯ และตั้งวิทยุคมนาคมโดยไม่ได้รับอนุญาต, ปลอมเอกสารราชการ และใช้เอกสารราชการปลอม, ข้อหาร่วมกันหมิ่นประมาท ดูหมิ่นหรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ฯ
ทั้งนี้ ศาลทหารอนุมัติหมายจับ นำไปสู่การฝากขังผลัดแรก 12 วัน เมื่อวันที่ 21 ตุลาคมที่ผ่านมา โดย พล.ต.ท. ศรีวราห์ ระบุว่า ผู้ต้องหาทั้ง 3 รายให้การรับสารภาพ
ส่วน "พฤติการณ์" การแอบอ้างเบื้องสูงนั้น จนถึงวันนี้ (22 ตุลาคม) ยังไม่มีการแถลงเป็นทางการ

* โยงสั่งเด้ง 8 นายตำรวจ
คดีของหมอหยองและพวก เกิดเหตุ "แทรกซ้อน" ขึ้นมา เมื่อในวันที่ 18 ต.ค. ทาง พล.ต.ท. ฐิติราช หนองหารพิทักษ์ ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (ผบช.ก.) มีคำสั่งย้ายด่วน 8 ตำรวจ ยศ "พ.ต.อ.-พ.ต.ท." สังกัด "กองปราบ-ทางหลวง-ปคม." ไปช่วยงานที่กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.)
รายชื่อ 8 นายตำรวจประกอบด้วย
1. พ.ต.อ. ศิวพงษ์ พัฒน์พงศ์พานิช รองผู้บังคับการปราบปราม
2. พ.ต.อ. ไพโรจน์ โรจนขจร ผู้กำกับการ 2 กองบังคับการปราบปราม
3. พ.ต.ท. วสุ แสงสุกใส รองผู้กำกับการ 2 กองบังคับการปราบปราม
4. พ.ต.ท. ธรรมวัฒน์ หิรัณยเลขา รองผู้กำกับการ 2 กองบังคับการปราบปราม
5. พ.ต.ท. จีรวัฏฐ์ บุญวัฒนาภรณ์ สารวัตรสถานีตำรวจทางหลวง 2 กองกำกับการ 1 กองบังคับการตำรวจทางหลวง
6. พ.ต.ท. ณัทกฤช พรหมจันทร์ สารวัตร กองกำกับการ 2 กองบังคับการปราบปราม
7. พ.ต.ท. พิทยา กล่ำเอม สารวัตรกลุ่มถวายงานความปลอดภัย กองบังคับการตำรวจทางหลวง
8. พ.ต.ท. สุวัฒนชัย ศรีทองสุข สารวัตร กองกับการ 1 กองบังคับการปราบปรามการค้ามนุษย์

* 'จักรทิพย์' แย้มมีเอี่ยวคดีแอบอ้างเบื้องสูง
วันที่ 19 ตุลาคม เหตุผลของการเด้งฟ้าผ่า 8 นายตำรวจ ก็พอมองภาพชัดเจนขึ้น หลังจาก พล.ต.อ. จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. ระบุว่า กรณีที่กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง มีคำสั่งโยกย้ายนายตำรวจ 8 นาย ในสังกัดเข้ามาช่วยราชการนั้น เนื่องจากการตรวจสอบพบว่านายตำรวจทั้ง 8 นาย เข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำผิดดังกล่าวทางใดทางหนึ่ง แต่ยังไม่ได้รับรายงานที่แน่ชัด ซึ่งคงต้องสอบถามไปยัง พลตำรวจโท ฐิติราช หนองหารพิทักษ์ ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ในฐานะรองหัวหน้าพนักงานสอบสวนอีกครั้ง หากพบว่ามีความผิดก็อาจมีการดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป
ต่อมา วันที่ 22 ตุลาคม ผบ.ตร. แถลงเพิ่มเติมว่า ที่ผ่านมาตำรวจทั้ง 8 นายให้ความร่วมมือกับชุดสอบสวนเป็นอย่างดี ทำให้ในเบื้องต้นคาดว่าอาจยังไม่มีการแจ้งข้อหาใด ๆ ส่วนในอนาคตจะมีการเรียกข้าราชการและพลเรือนมาสอบปากคำเพิ่มเติมหรือไม่ คงปรึกษากับ พล.ต.ท. ศรีวราห์ อีกครั้ง อย่างไรก็ตาม ขอยืนยันว่าไม่หนักใจในการทำงาน เนื่องจากเคยคลี่คลายคดีในลักษณะดังกล่าวมาแล้ว โดยทุกอย่างเป็นไปตามกระบวนการทางกฎหมาย
* ลุยสืบหาตัวผู้ร่วมขบวนการต่อ
ล่าสุด ในวันที่นำตัวหมอหยอง นายอาท และสารวัตรเอี๊ยด มาขอฝากขัง พล.ต.ท. ศรีวราห์ ให้สัมภาษณ์เพิ่มเติมว่า ตนยังไม่ทราบว่าตำรวจทั้ง 8 นายที่ถูกโยกย้ายถูกออกหมายจับหรือยัง แต่ในส่วนของตน ยังไม่มีออกหมายจับ เพราะอยู่ในช่วงพิจารณาหลักฐาน หากใครผิดก็ต้องดำเนินการ ส่วนหมอหยองกับพวกซัดทอดไปยังนายตำรวจทั้ง 8 นายหรือไม่ ต้องอยู่ที่พยานและหลักฐาน
พล.ต.ท. ศรีวราห์ ยังกล่าวด้วยว่า กลุ่มหมอหยอง ทำพฤติกรรมแอบอ้างเบื้องสูงมากกว่า 1-2 เดือน ส่วนจะทำเป็นขบวนการหรือไม่อยู่ที่ตามหมายจับ จะมากกว่า 3 คนหรือไม่ก็อาจมีอีก ทั้งนี้ขึ้นกับพยานหลักฐาน ตอบไม่ได้ตอนนี้ หากมีหลักฐานพาดพิงถึงใครต้องดำเนินการตามกฎหมาย ซึ่งจะเป็นเจ้าหน้าที่และพลเรือนเพิ่มอีกหรือไม่ ตนตอบไม่ได้ เพราะข้อหาแอบอ้างเบื้องสูงมีโทษร้ายแรง
สำหรับ พ.ต.ต. ปรากรม หรือสารวัตรเอี๊ยดนั้น ถูกให้ออกจากราชการไว้ก่อน
* ลุยสืบหาตัวผู้ร่วมขบวนการต่อ
ล่าสุด ในวันที่นำตัวหมอหยอง นายอาท และสารวัตรเอี๊ยด มาขอฝากขัง พล.ต.ท. ศรีวราห์ ให้สัมภาษณ์เพิ่มเติมว่า ตนยังไม่ทราบว่าตำรวจทั้ง 8 นายที่ถูกโยกย้ายถูกออกหมายจับหรือยัง แต่ในส่วนของตน ยังไม่มีออกหมายจับ เพราะอยู่ในช่วงพิจารณาหลักฐาน หากใครผิดก็ต้องดำเนินการ ส่วนหมอหยองกับพวกซัดทอดไปยังนายตำรวจทั้ง 8 นายหรือไม่ ต้องอยู่ที่พยานและหลักฐาน
พล.ต.ท. ศรีวราห์ ยังกล่าวด้วยว่า กลุ่มหมอหยอง ทำพฤติกรรมแอบอ้างเบื้องสูงมากกว่า 1-2 เดือน ส่วนจะทำเป็นขบวนการหรือไม่อยู่ที่ตามหมายจับ จะมากกว่า 3 คนหรือไม่ก็อาจมีอีก ทั้งนี้ขึ้นกับพยานหลักฐาน ตอบไม่ได้ตอนนี้ หากมีหลักฐานพาดพิงถึงใครต้องดำเนินการตามกฎหมาย ซึ่งจะเป็นเจ้าหน้าที่และพลเรือนเพิ่มอีกหรือไม่ ตนตอบไม่ได้ เพราะข้อหาแอบอ้างเบื้องสูงมีโทษร้ายแรง
สำหรับ พ.ต.ต. ปรากรม หรือสารวัตรเอี๊ยดนั้น ถูกให้ออกจากราชการไว้ก่อน
* สารวัตรเอี๊ยด ฆ่าตัวตาย
หลังจากจับกุมไม่นาน ก็มีกระแสข่าวลือสะพัดว่า พ.ต.ต. ปรากรม หรือ สารวัตรเอี๊ยด นั้นฆ่าตัวตายในสถานที่คุมขังรือนจำชั่วคราวแขวงถนนนครไชยศรี มทบ.11 ไปแล้ว

* เปิดปูมประวัติแก๊งหมอหยอง
เริ่มจากตัวหมอหยอง ที่ผ่านมาประชาชนคนไทยรู้จักกันดีในภาพของนักโหราศาสตร์ หมอดูพูดเก่ง มีรายการทีวีเป็นของตัวเอง ตามประวัติมีบ้านเกิดอยู่ที่จังหวัดตรัง การศึกษาจบ ปริญญาตรี คณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ และปริญญาโท ที่มหาวิทยาลัยเซนต์มาติน ลอนดอน ด้านการออกแบบโฆษณาและงานประชาสัมพันธ์
เคยเป็นอาจารย์พิเศษวิชาโฆษณา และประชาสัมพันธ์ และอาจารย์พิเศษวิชาจิตวิทยา และการพัฒนาตนเอง ของมหาวิทยาลัยหลายแห่ง ตลอดจนเป็นผู้บริหารสถาบันพัฒนาการฝึกอบรมชีวิตและคุณภาพ โดยจัดทีมอบรมให้กับหน่วยงาน องค์กร ทั้งภาครัฐและเอกชน เพื่อพัฒนาบุคลากร
ล่าสุด ก่อนถูกจับกุมฐานแอบอ้างสถาบันหาผลประโยชน์ มีฐานะเป็นที่ปรึกษาคณะอนุกรรมการฝ่ายจัดงานกิจกรรมพิเศษโครงการ "Bike for Mom" กิจกรรมมหามงคลปั่นเพื่อแม่ รวมทั้งเป็นคณะกรรมการฝ่ายจัดกิจกรรมถวายราชสดุดี "ปั่นเพื่อพ่อ Bike for Dad"
สำหรับพฤติกรรมการทุจริตคิดมิชอบ ของหมอหยองและเครือข่ายนั้น คลิกอ่านได้ที่นี่ >> //hilight.kapook.com/view/128400

* 'อาท' มือขวาคนสนิท
ตามด้วย นายจิรวงศ์ วัฒนเทวาศิลป์ ชื่อเดิม "จิรวงศ์ ทองนา" หรือ "อาท" เกิดเมื่อวันที่ 9 มกราคม 2529 เป็นชาวจังหวัดตรัง ภายหลังขอจดทะเบียนชื่อสกุลเป็น วัฒนเทวาศิลป์
มือขวาคนสนิทที่เคียงบ่าเคียงไหล่หมอหยอง มานานกว่า 6 ปี ในตำแหน่งเลขานุการ และผู้ติดตาม รับหน้าที่ประสานงานต่าง ๆ รวมถึงงานกิจกรรมด้านศาสนาต่าง ๆ
นอกจากนั้น ยังร่วมรายการโทรทัศน์กับหมอหยอง และเป็นช่างภาพที่มีฉายาว่า "อาท ชัตเตอร์มหาเทพ"
ในทางมุมความเชื่อด้านศาสนา ประกาศตัวเป็นผู้ศรัทธาพระพิฆเนศตัวยง
นายจิรวงศ์ ยังเคยได้รับมอบเข็มเครื่องหมายวชิราวุธ ของ กรมทหารราบที่ 11 รักษาพระองค์ รวมทั้งยังได้รับเข็มศักดิ์เดชของกรมทหารปืนใหญ่ 1 รักษาพระองค์

* 'สารวัตรเอี๊ยด' เคยโดนคดีปลอมลายพระหัตถ์สังฆราช
ส่วน "สารวัตรเอี๊ยด" หรือ พ.ต.ต. ปรากรม วารุณประภา สารวัตรกองกำกับการ 1 ปอท. นั้นก่อนจะตกเป็นผู้ต้องหาในคดีหมิ่นเบื้องสูง มาตรา 112 เคยให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับประวัติของตนเอง กับนิตยสาร "คอปส์แมกกาซีน" ฉบับเดือนเมษายน 2558 สรุปใจความว่า
เคยศึกษาที่โรงเรียนนายร้อยประเทศอังกฤษโดยทุนจากกระทรวงกลาโหม จากนั้นเข้ารับราชการทหารในสังกัดศูนย์การทหารปืนใหญ่ ก่อนจะเข้ารับราชการตำรวจสังกัดศูนย์ข้อมูลข่าวสาร
ต่อมา เข้าอุปสมบทที่วัดบวรนิเวศฯ ทำหน้าที่ตามเสด็จคอยรับใช้สมเด็จพระสังฆราช จนได้รับฉายาว่า "นายเวรพระสังฆราช" กระทั่งถูกกล่าวหาว่า ปลอมลายพระหัตถ์สมเด็จพระสังฆราช จนถูกให้ออกจากราชการในที่สุด
แต่ในภายหลัง พ.ต.ต. ปรากรม ก็พ้นจากข้อกล่าวหาเนื่องจากอัยการสั่งไม่ฟ้องคดี โดยผ่าน พ.ร.บ.ล้างมลทิน และได้กลับเข้ามารับราชการตำรวจอีกครั้ง ในสังกัด บก.ปอท. และเพิ่มยศจากเดิม ร.ต.อ. เป็น พ.ต.ต. โดยได้รับมอบหมายให้มีหน้าที่ตรวจสอบเว็บไซต์หมิ่นสถาบันเบื้องสูง
อีกผลงานที่เป็นข่าวดังของ พ.ต.ต. ปรากรม คือ ได้รับมอบหมายรวบรวมพยาน หลักฐาน และข้อมูลต่าง ๆ ในคดี ม.112 ของ พล.ต.ท. พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ อดีต ผบช.ก. แต่ขณะนี้กลับมากระทำความผิดในฐานเดียวกันเสียเอง
ทั้งหมดนี้คือการประมวลภาพรวมของคดีหมอหยอง กับพวกหมิ่นสถาบัน ซึ่งต้องติดตามกระบวนการสืบสวนของเจ้าหน้าที่ต่อไปว่าจะกระชากหน้ากากผู้ร่วมขบวนการได้อีกกี่ราย !
กระทั่งวันที่ 24 ต.ค. 58 พล.อ. ไพบูลย์ คุ้มฉายา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เปิดเผยว่า ได้รับรายงานเหตุ 1 ใน 3 นักโทษที่มีความผิดตามมาตรา 112 ผูกคอตายในห้องขังจริง ซึ่งเมื่อเจ้าหน้าที่มาพบได้เร่งนำตัวส่งโรงพยาบาล แต่ผู้ต้องขังได้เสียชีวิตที่โรงพยาบาล จึงได้สั่งการให้ทำตามระเบียบกรมราชทัณฑ์ ด้วยการตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง แล้วรายงานผลการสอบสวนอย่างเป็นทางการมายังสำนักงานรัฐมนตรีโดยด่วน อย่างไรก็ตาม พล.อ. ไพบูลย์ ไม่ได้เปิดเผยชื่อของผู้ต้องขังที่เสียชีวิตดังกล่าว
ต่อมาความจริงก็ปรากฎ เมื่อกรมราชทัณฑ์ ได้ออกเอกสารแถลงข่าวเรื่อง ผู้ต้องขังเสียชีวิต มีเนื้อความระบุว่า กรมราชทัณฑ์ได้รับรายงานเมื่อวันที่ 23 ตุลาคม เวลาประมาณ 22.00 น. จากเรือนจำชั่วคราวแขวงถนนนครไชยศรี สังกัดเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ว่า ข.ช.ปรากรม วารุณประภา ผู้ต้องขังระหว่างสอบสวนในความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ซึ่งได้รับตัวไว้ควบคุมตามหมายขังของศาลทหารกรุงเทพ ตั้งแต่วันที่ 21 ตุลาคม 2558 ได้พยายามฆ่าตัวตายด้วยการใช้ผ้าจากเสื้อผู้ต้องขังที่ทางเรือนจำจ่ายให้ตามระเบียบผูกคอตัวเองกับลูกกรงห้องขังภายในเรือนจำชั่วคราวแขวงถนนนครไชยศรี โดยเวรรักษาการกลางคืนในวันดังกล่าวได้ตรวจพบจึงได้รายงานผู้บังคับบัญชาและเปิดห้องขังเข้าไปให้การช่วยเหลือในทันที
ในเบื้องต้นพบว่าผู้ต้องขังยังไม่เสียชีวิต จึงได้พยายามใช้เครื่องช่วยหายใจและให้การปฐมพยาบาล พร้อมกับนำตัวส่งทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ในทันที จนกระทั่งนำตัวส่งถึงทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ และได้รับแจ้งจากแพทย์ในเวลาต่อมาว่าผู้ต้องขังได้เสียชีวิตแล้ว
* หมอหยอง ติดเชื้อกระแสเลือด เสียชีวิต
วันที่ 9 พ.ย. 2558 พล.อ. ไพบูลย์ คุ้มฉายา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เปิดเผยว่า นายสุริยัน สุจริตพลวงศ์ หรือ หมอหยอง หมอดูชื่อดังและผู้ต้องหาคดี ม.112 เสียชีวิตแล้ว
ต่อมา กรมราชทัณฑ์ ออกแถลงการณ์กรณี นายสุริยัน หรือ หมอหยอง เสียชีวิต ว่า เมื่อวันเสาร์ที่ 7 พฤศจิกายน 2558 ได้รับรายงานจากเรือนจำชั่วคราวแขวงถนนนครไชยศรี สังกัดเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานครว่า เมื่อเวลา 21.00 น. นายสุริยันไม่ขานตอบการเรียกเช็กชื่อของเจ้าหน้าที่ มองเข้าไปดูมีอาการหายใจเฮือกจึงได้รับแจ้งให้หน่วยเสนารักษ์ ประจำ มทบ.11 มาตรวจพบว่า ชีพจรอ่อนไม่รู้ตัว จึงนำส่ง รพ.ราชทัณฑ์ แขวงลาดยาว
เมื่อไปถึง รพ.ราชทัณฑ์ เวลา 22.00 น. ห้องฉุกเฉินแรกรับพบว่า ผู้ต้องขังรายนี้ไม่ตอบสนองใด ๆ เจ้าหน้าที่ได้ดำเนินการช่วยฟื้นคืนชีพเป็นเวลาชั่วโมงเศษแต่ไม่ประสบความสำเร็จ แพทย์เวรลงความเห็นว่าเสียชีวิต
สรุปลำดับเหตุ ในวันที่ 5 พฤศจิกายน ต่อเนื่องศุกร์ที่ 6 พฤศจิกายน นายสุริยันมีอาการไข้สูง ไอ กระสับกระส่าย พยาบาลจ่ายยาแล้วให้นอนพัก จากนั้น วันเสาร์ที่ 7 พฤศจิกายน ราว ๆ สามทุ่ม เจ้าหน้าที่เวรตรวจพบนายสุริยันไม่รู้สึกตัว ส่งตัวไปยัง รพ.ราชทัณฑ์ ซึ่งทีมแพทย์พยายามช่วยชีวิตประมาณ 1 ชั่วโมง แต่ก็เสียชีวิตในเวลาต่อมา
ส่วนสาเหตุการเสียชีวิต ซึ่งชันสูตรโดยสถาบันนิติเวชวิทยา รพ.ตำรวจ ได้ทำการตรวจพิสูจน์เรียบร้อย เอกสารลงวันที่ 8 พฤศจิกายน 2558 สันนิษฐานว่าระบบหายใจไหลเวียนโลหิตล้มเหลวจากติดเชื้อในกระแสเลือด เรือนจำได้แจ้งญาติผู้เสียชีวิตมาขอรับศพ ดำเนินการตามประเพณีต่อไป

* เปิดปูมประวัติแก๊งหมอหยอง
เริ่มจากตัวหมอหยอง ที่ผ่านมาประชาชนคนไทยรู้จักกันดีในภาพของนักโหราศาสตร์ หมอดูพูดเก่ง มีรายการทีวีเป็นของตัวเอง ตามประวัติมีบ้านเกิดอยู่ที่จังหวัดตรัง การศึกษาจบ ปริญญาตรี คณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ และปริญญาโท ที่มหาวิทยาลัยเซนต์มาติน ลอนดอน ด้านการออกแบบโฆษณาและงานประชาสัมพันธ์
เคยเป็นอาจารย์พิเศษวิชาโฆษณา และประชาสัมพันธ์ และอาจารย์พิเศษวิชาจิตวิทยา และการพัฒนาตนเอง ของมหาวิทยาลัยหลายแห่ง ตลอดจนเป็นผู้บริหารสถาบันพัฒนาการฝึกอบรมชีวิตและคุณภาพ โดยจัดทีมอบรมให้กับหน่วยงาน องค์กร ทั้งภาครัฐและเอกชน เพื่อพัฒนาบุคลากร
ล่าสุด ก่อนถูกจับกุมฐานแอบอ้างสถาบันหาผลประโยชน์ มีฐานะเป็นที่ปรึกษาคณะอนุกรรมการฝ่ายจัดงานกิจกรรมพิเศษโครงการ "Bike for Mom" กิจกรรมมหามงคลปั่นเพื่อแม่ รวมทั้งเป็นคณะกรรมการฝ่ายจัดกิจกรรมถวายราชสดุดี "ปั่นเพื่อพ่อ Bike for Dad"
สำหรับพฤติกรรมการทุจริตคิดมิชอบ ของหมอหยองและเครือข่ายนั้น คลิกอ่านได้ที่นี่ >> //hilight.kapook.com/view/128400

* 'อาท' มือขวาคนสนิท
ตามด้วย นายจิรวงศ์ วัฒนเทวาศิลป์ ชื่อเดิม "จิรวงศ์ ทองนา" หรือ "อาท" เกิดเมื่อวันที่ 9 มกราคม 2529 เป็นชาวจังหวัดตรัง ภายหลังขอจดทะเบียนชื่อสกุลเป็น วัฒนเทวาศิลป์
มือขวาคนสนิทที่เคียงบ่าเคียงไหล่หมอหยอง มานานกว่า 6 ปี ในตำแหน่งเลขานุการ และผู้ติดตาม รับหน้าที่ประสานงานต่าง ๆ รวมถึงงานกิจกรรมด้านศาสนาต่าง ๆ
นอกจากนั้น ยังร่วมรายการโทรทัศน์กับหมอหยอง และเป็นช่างภาพที่มีฉายาว่า "อาท ชัตเตอร์มหาเทพ"
ในทางมุมความเชื่อด้านศาสนา ประกาศตัวเป็นผู้ศรัทธาพระพิฆเนศตัวยง
นายจิรวงศ์ ยังเคยได้รับมอบเข็มเครื่องหมายวชิราวุธ ของ กรมทหารราบที่ 11 รักษาพระองค์ รวมทั้งยังได้รับเข็มศักดิ์เดชของกรมทหารปืนใหญ่ 1 รักษาพระองค์

* 'สารวัตรเอี๊ยด' เคยโดนคดีปลอมลายพระหัตถ์สังฆราช
ส่วน "สารวัตรเอี๊ยด" หรือ พ.ต.ต. ปรากรม วารุณประภา สารวัตรกองกำกับการ 1 ปอท. นั้นก่อนจะตกเป็นผู้ต้องหาในคดีหมิ่นเบื้องสูง มาตรา 112 เคยให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับประวัติของตนเอง กับนิตยสาร "คอปส์แมกกาซีน" ฉบับเดือนเมษายน 2558 สรุปใจความว่า
เคยศึกษาที่โรงเรียนนายร้อยประเทศอังกฤษโดยทุนจากกระทรวงกลาโหม จากนั้นเข้ารับราชการทหารในสังกัดศูนย์การทหารปืนใหญ่ ก่อนจะเข้ารับราชการตำรวจสังกัดศูนย์ข้อมูลข่าวสาร
ต่อมา เข้าอุปสมบทที่วัดบวรนิเวศฯ ทำหน้าที่ตามเสด็จคอยรับใช้สมเด็จพระสังฆราช จนได้รับฉายาว่า "นายเวรพระสังฆราช" กระทั่งถูกกล่าวหาว่า ปลอมลายพระหัตถ์สมเด็จพระสังฆราช จนถูกให้ออกจากราชการในที่สุด
แต่ในภายหลัง พ.ต.ต. ปรากรม ก็พ้นจากข้อกล่าวหาเนื่องจากอัยการสั่งไม่ฟ้องคดี โดยผ่าน พ.ร.บ.ล้างมลทิน และได้กลับเข้ามารับราชการตำรวจอีกครั้ง ในสังกัด บก.ปอท. และเพิ่มยศจากเดิม ร.ต.อ. เป็น พ.ต.ต. โดยได้รับมอบหมายให้มีหน้าที่ตรวจสอบเว็บไซต์หมิ่นสถาบันเบื้องสูง
อีกผลงานที่เป็นข่าวดังของ พ.ต.ต. ปรากรม คือ ได้รับมอบหมายรวบรวมพยาน หลักฐาน และข้อมูลต่าง ๆ ในคดี ม.112 ของ พล.ต.ท. พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ อดีต ผบช.ก. แต่ขณะนี้กลับมากระทำความผิดในฐานเดียวกันเสียเอง
ทั้งหมดนี้คือการประมวลภาพรวมของคดีหมอหยอง กับพวกหมิ่นสถาบัน ซึ่งต้องติดตามกระบวนการสืบสวนของเจ้าหน้าที่ต่อไปว่าจะกระชากหน้ากากผู้ร่วมขบวนการได้อีกกี่ราย !






