
สายการบิน Aeroflot เที่ยวบิน กรุงเทพ-มอสโค ถูกสั่งระงับเที่ยวบินจากสุวรรณภูมิไปรัสเซีย หลังสาวตุรกีโทรศัพท์ร่ำลาแฟนหนุ่มนาน จนเจ้าหน้าที่เข้าใจผิดคิดว่ามีระเบิด
วันที่ 12 ธันวาคม 2558 ศูนย์ควบคุมจราจรทางอากาศเขตสนามบินกรุงเทพ (ศก.) รายงานอากาศยานขอตรวจสอบวัตถุต้องสงสัย (Bomb Threat) เมื่อเวลา 11.10 น. หอบังคับการบินได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่ Operation สายการบิน Aeroflot ว่า เที่ยวบินที่ su 271 ซึ่งกำลังจะออกเดินทางจากท่าอากาศยานสุวรรณภูมิไปยังท่าอากาศยานมอสโค ประเทศรัสเซีย อาจมีวัตถุต้องสงสัย (Bomb Threat) ขณะเครื่องรอทำการวิ่งขึ้น และนักบินแจ้งขอ Taxi กลับเข้าหลุมจอด
โดยนายจุฬา สุขมานพ อธิบดีกรมท่าอากาศยาน เปิดเผยว่า ได้รับแจ้งจากเวรควบคุมลานจอด และจราจรภาคพื้นสนามบินสุวรรณภูมิ กรณีสายการบิน Aeroflot เที่ยวบิน su 271 กรุงเทพ-มอสโค โบอิ้ง B777-300 ที่นำผู้โดยสาร 322 คน พร้อม ลูกเรือ 15 คน ออกจากหลุมจอด C8 เวลา 10.15 น. ขณะที่กำลังอยู่บนทางขับ หรือ TAXI way ได้มีผู้โดยสารชาวตุรกีพูดลอย ๆ ในลักษณะ ลาตาย นักบินเลยขอกลับเข้าหลุมจอด ทางท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ จึงประกาศเริ่มแผนฉุกเฉิน โดยถอยออกจากหลุมจอด 203 และใช้ทางขับสาย T7 สาย G สาย C เข้า หลุมจอด Isolate หลังจากนั้นผู้โดยสารเริ่มทยอยลงจากเครื่อง ไปที่ดับเพลิง
ด้าน นายนิตินัย ศิริสมรรถการ ผู้อำนวยการใหญ่ บริษัทท่าอากาศยานไทย (ทอท.) จำกัด (มหาชน ) กล่าวว่า ทอท. ปฏิบัติตามหลักความปลอดภัย โดยผู้โดยสายตุรกีมีพฤติกรรมน่าสงสัย ซึ่งผู้โดยสารทั้งหมดจะมีรถนำไปพักรอที่ Gate B9 รอการตรวจอากาศยาน หากตรวจเสร็จจะนำขึ้นเครื่องเดิม กำหนดออกเดินทางใหม่ 15.00 น.
จากการสอบสวนเบื้องต้นของเจ้าหน้าที่ระบุว่า ขณะที่เครื่องบินเที่ยวดังกล่าวกำลังจะบินขึ้นรันเวย์ ลูกเรือพบผู้โดยสารเป็นหญิงสาวชาวตุรกี คือนางสาว เซฟิกา คานิก (Ms. Sefika Kanik) กำลังใช้โทรศัพท์พูดคุยอยู่ ซึ่งทราบภายหลังว่า เธอคุยโทรศัพท์กับแฟนหนุ่มชาวตุรกี ซึ่งโดยสารอยู่อีกลำหนึ่งที่กำลังจะบินขึ้นจากสนามบินในเวลาไล่เลี่ยกัน จึงเป็นที่สงสัยของเจ้าหน้าที่บนเครื่องบิน เนื่องจากพบพิรุธใช้โทรศัพท์จนนาทีสุดท้ายขณะเครื่องกำลังจะบิน และพูดคำว่า "บ๊ายบาย" ประกอบกับนางเซฟิกาเป็นผู้โดยสารชาวตุรกีเพียงคนเดียว ทางเจ้าหน้าที่จึงได้ยกเลิกการบินเที่ยวดังกล่าวเพื่อความปลอดภัย ต่อมาได้ติดตามแฟนหนุ่มของผู้โดยสารสาวรายนี้คือ นายกูคลู เมติน (Mr.Guclu Metin) เข้าทำการสอบสวนด้วย แต่ทั้งหมดปฏิเสธเป็นผู้ก่อการร้าย แถมตัดพ้อสายการบินเหมารวม ทำให้เกิดความไม่สบายใจในการเดินทาง
อย่างไรก็ตาม ในเวลาต่อมาเจ้าหน้าที่ได้ทำประวัติไว้และได้ปล่อยตัวให้เดินทางกลับประเทศได้ในที่สุด
ภาพจาก ทวิตเตอร์ @TNAMCOT
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก







