
สหรัฐฯ เผยภาพแรกของซากเรือเดินสมุทร เอล ฟาโร หลังถูกเฮอริเคนวาควินซัดจมในเขตสามเหลี่ยมเบอร์มิวดาเมื่อเดือนตุลาคม 2558 พบห้องควบคุมพังแยกชิ้นส่วนตัวเรือ ไร้ร่องรอยร่างลูกเรือทั้ง 33 ชีวิต
วันที่ 4 มกราคม 2559 เว็บไซต์เดลี่เมล เผยภาพที่ได้จากคณะกรรมการความปลอดภัยทางการคมนาคมแห่งชาติของสหรัฐฯ หรือ NTSB ที่เผยภาพแรกของเรือเดินสมุทรบรรทุกสินค้าสัญชาติอเมริกัน เอล ฟาโร (El Faro) ที่เผชิญภาวะสูญเสียเครื่องยนต์หลักไป 1 เครื่อง และปะทะเข้ากับพายุเฮอริเคนวาควิน (Joaquin) ที่มีความรุนแรงระดับ 4 จนถูกซัดจมลงกลางสมุทรเมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2558 โดยลูกเรือทั้ง 33 ชีวิตเสียชีวิตทั้งหมด


ซากตัวเรือเอล ฟาโร ถูกพบอยู่ก้นสมุทรลึก 15,000 ฟุต (ราว 4,570 เมตร) ออกไปทางตอนใต้ของเกาะครูก ของบาฮามาส ซึ่งอยู่ในเขตบริเวณสามเหลี่ยมเบอร์มิวดา ขณะที่ส่วนดาดฟ้าซึ่งเป็นห้องควบคุมของเรือ ถูกพบแตกหักห่างออกไปจากตัวเรือราวครึ่งไมล์ (ประมาณ 800 เมตร) ในสภาพยับเยิน กระจกแตกพัง อย่างไรก็ตามไม่พบร่องรอยของลูกเรือหรือสัมภาระของพวกเขา ส่วนตู้คอนเทนเนอร์บรรจุยานยนต์ที่เรือบรรทุกมานั้น หายไปทั้งหมด พบอยู่กับเรือเพียง 4 ตู้เท่านั้น

ด้านเสากระโดงเรือหลักซึ่งสูง 35 ฟุต (ประมาณ 10 เมตร) ที่ติดตั้งส่วนบันทึกข้อมูลการเดินเรือ รวมทั้งบทสนทนาที่เกิดขึ้นภายในห้องควบคุมเอาไว้ อันเปรียบเสมือนกล่องดำของเรือ ได้หักหายไปจากตัวเรือ และยังหาไม่พบ ซึ่งเจ้าหน้าที่คาดว่าสิ่งสำคัญส่วนนี้จะช่วยเผยให้ทีมสืบสวนได้ทราบชัดเจนมากขึ้นว่า เกิดอะไรขึ้นกันแน่ในนาทีสุดท้ายก่อนเรือจะจม โดยเจ้าหน้าที่มีแผนจะลงสำรวจใต้น้ำอีกครั้ง เพื่อหาชิ้นส่วนสำคัญนี้ แม้จะเป็นการยากที่จะค้นหาวัตถุที่ความลึกก้นสมุทรมากกว่า 4,000 เมตร ทั้งนี้ยังไม่มีกำหนดการแน่ชัดว่าปฏฺิบัติการจะเกิดขึ้นเมื่อไร
ทั้งนี้ ซากเรือเอล ฟาโร ถูกพบและระบุตำแหน่งได้แล้วตั้งแต่เดือนตุลาคม หลังเกิดเหตการณ์ แต่ภาพชุดนี้เป็นภาพแรกของเรือที่ได้มา โดยได้จากกล้องที่ติดตั้งกับโดรนใต้น้ำควบคุมระยะไกล
ด้านครอบครัวของลูกเรือเรือเอล ฟาโร ได้ยื่นเรื่องฟ้องร้องบริษัท โทต มารีน ผู้เป็นเจ้าของเรือ ในข้อหาปล่อยปละละเลยจนนำไปสู่การสูญเสียชีวิต บรรดาญาติและครอบครัวระบุว่า เรือไม่ควรฝ่าพายุเฮอริเคน และกล่าวว่าการตัดสินใจนี้เกิดขึ้นเพราะมีเงินมาล่อแท้ ๆ


ภาพจาก National Transportation Safety Board






