ผลการตรวจร่างกาย สก๊อตต์ เคลลี่ นักบินอวกาศชื่อดังของนาซา หลังปฏิบัติภารกิจบนสถานีอวกาศนาน 1 ปีเต็ม ชี้ชัดส่วนสูงเพิ่มขึ้น 2 นิ้ว แม้จะมีอายุถึง 52 ปีแล้วก็ตาม พร้อมดูความเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นกับร่างกาย เมื่อใช้ชีวิตนอกโลกเป็นเวลานาน
วันที่ 4 มีนาคม 2559 สถานีโทรทัศน์ NBC ของสหรัฐอเมริกา รายงานว่า สก๊อตต์ เคลลี่ วัย 52 ปี นักบินอวกาศผู้ปฏิบัติภารกิจบนสถานีอวกาศเป็นเวลานานถึง 340 วัน ซึ่งนับว่านานที่สุดสำหรับนักบินอวกาศสัญชาติอเมริกัน ได้เดินทางกลับสู่โลกแล้วเมื่อวันที่ 3 มีนาคมที่ผ่านมา ด้วยการโดยสารแคปซูลอวกาศของจรวด Soyuz TMA-18M ที่กลับลงสู่พื้นโลกใกล้ ๆ กับเมือง Dzhezkazgan ประเทศคาซัคสถาน (อ่านข่าว นักบินอวกาศผู้ทุบสถิติอยู่บนอวกาศนานสุดในโลก กลับถึงโลกแล้ว)
หลังจากต้อนรับนายเคลลี่กลับสู่บ้านแล้ว ก็ถึงเวลาตรวจร่างกายอย่างละเอียดโดยนาซา สำหรับเคลลี่ถือว่าเป็นกรณีตัวอย่างที่น่าศึกษา เพราะเขามีฝาแฝดแท้ด้วยอีกคนหนึ่ง ซึ่งทำให้นาซาสามารถบอกความแตกต่างที่เกิดขึ้นในร่างกาย ระหว่างเที่ยวไปและเที่ยวกลับได้โดยง่าย
มาชมกันว่า การอาศัยอยู่บนอวกาศเป็นเวลา 340 วัน จะทำให้ร่างกายของเราเปลี่ยนแปลงไปมากน้อยแค่ไหน
มนุษย์สามารถสูงขึ้นได้อีก เมื่ออยู่บนอวกาศ
นักบินอวกาศมีส่วนสูงเพิ่มขึ้นเล็กน้อย เนื่องจากจานหมอนรองกระดูก (Disk of Spinal Column) มีการพัฒนา เมื่ออยู่บนอวกาศ อวัยวะชิ้นนี้ไม่ถูกบีบเหมือนขณะอยู่บนพื้นโลก ส่งผลให้จานหมอนรองกระดูกทำงานได้เต็มที่ 100 เปอร์เซ็นต์ และขยายขนาดขึ้นเล็กน้อย ทำให้กระดูกสันหลังของนักบินอวกาศยาวขึ้น นำมาซึ่งส่วนสูงที่เพิ่มขึ้นอีกเล็กน้อยนั่นเอง
กระดูกเปราะ
เนื่องจากนักบินอวกาศไม่จำเป็นต้องออกแรงเดินหรือวิ่งเหมือนอยู่บนโลก ทำให้กระดูกของพวกเขาอ่อนแอและปล่อยแคลเซียมออกมา แคลเซียมจำนวนมากจากกระดูกอาจส่งผลให้เกิดโรคนิ่วในไตได้ด้วย
กล้ามเนื้ออ่อนแอ
เหตุผลเดียวกับข้อแรก เมื่อการเคลื่อนไหวไม่จำเป็นต้องออกแรงมาก ทำให้กล้ามเนื้อของพวกเขามีขนาดเล็กลง หรืออาจฝ่อลงได้มาก
หน้าบวม แต่ขาลีบ
บนอวกาศ เลือดจะไหลเวียนไปเลี้ยงร่างกายส่วนบนมากกว่าส่วนล่าง ทำให้ใบหน้าของพวกเขาบวมเต่งตึงมากกว่าเดิม ในขณะที่ท่อนขาเล็กลง
หัวใจมีขนาดเล็กลง
เป็นเพราะหัวใจทำงานน้อยลงเมื่ออยู่ในอวกาศ นอกจากนี้ ยังเป็นห่วงกันว่า รังสีต่าง ๆ บนอวกาศอาจส่งผลกระทบต่อเซลล์เยื่อบุผิวผนังหลอดเลือด และนำไปสู่การเริ่มต้นของโรคหลอดเลือดหัวใจ
ปัญหาการทรงตัว
กลไกภายในหูชั้นในที่อ่อนไหวกับแรงโน้มถ่วงมาก ไม่ถูกใช้งานอีกต่อไปเมื่ออยู่บนอวกาศ ดังนั้นเมื่อพวกเขากลับสู่โลก จะต้องปรับตัวให้เข้ากับแรงโน้มถ่วงของโลก ทำให้ประสบปัญหาการทรงตัวและการใช้สายตา ทั้งการลุกขึ้นยืน เดิน และหันซ้าย-ขวา
มีความเสี่ยงโรคมะเร็งเพิ่มขึ้น
ทราบกันดีว่าบนอวกาศยังมีรังสีปริศนาอยู่มากมาย นักบินอวกาศจึงเป็นบุคคลที่แบกรับความเสี่ยงจากโรคมะเร็ง อันอาจเกิดจากรังสีเหล่านั้นไว้มหาศาลทีเดียว
นาฬิกาชีวิตรวน
บนอวกาศไม่มีเวลา 24 ชั่วโมงเป๊ะเหมือนบนโลก ฉะนั้นร่างกายของนักบินอวกาศจึงรู้จักเพียงกลางวันและกลางคืน ซึ่งเป็นปัญหามากสำหรับการใช้ชีวิตบนโลก