
ล่าสุด วันที่ 15 มีนาคม มีรายงานว่า ทางโครงการสันติศึกษา มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ได้แถลงแสดงความเสียใจและไว้อาลัยอย่างสุดซึ้งต่อความสูญเสียที่เกิดขึ้น มีเนื้อหาว่า นายกฤษณะ และ น.ส.ธันฐภัทร์ ประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์จนเสียชีวิตบนถนนพหลโยธินขณะเดินทางเข้ามาส่งเอกสารเพื่อขอจบการศึกษา อนึ่ง นายกฤษณะ ได้สอบป้องกันวิทยานิพนธ์เป็นที่เรียบร้อยแล้ว และเป็นว่าที่มหาบัณฑิต ซึ่งจะเข้ารับปริญญาบัตรในวันที่ 15 พฤษภาคมนี้ ส่วน น.ส.ธันฐภัทร์ เดินทางมามหาวิทยาลัย เพื่อเตรียมการไปแสวงบุญที่ประเทศอินเดีย ในระหว่างวันที่ 19-29 มีนาคมนี้

"โครงการหลักสูตรฯ ขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งมายังครอบครัวกฤษณะ และครอบครัวฮ้อแสงชัย ที่ประสบความสูญเสียบุตรหลานอันเป็นที่รักไปอย่างไม่มีวันกลับ พวกเราชาวครอบครัวสันติศึกษาจะระลึกถึงมิตรภาพ และคุณงามความดีที่พวกเราได้เคยสร้างสันติบารมีร่วมกันตลอดระยะเวลา 2 ปีที่ผ่านมา และขออำนาจแห่งคุณพระศรีรัตนตรัย และบุญราศีสันติบารมีที่นายกฤษณะ และ น.ส.ธันฐภัทร์ ได้บำเพ็ญให้เป็นไปตั้งแต่ต้นมาจนถึงวันนี้ ขอได้โปรดเป็นพลวปัจจัยนำดวงวิญญาณไปสู่สุคติในสัมปรายภพตลอดกาลนิรันดร์ฯ" แถลงการณ์แสดงความอาลัย ระบุ

ขณะเดียวกัน มีรายงานว่าเจ้าของเฟซบุ๊กที่ใช้ชื่อว่า "ปิติ เก้าสิบเก้า" ได้โพสต์ถึงนายกฤษณะ หรือ โต้ง ซึ่งเป็นคนขับรถฟอร์ด เฟียสต้า เหยื่อโดนเบนซ์ซิ่งชนยับ ว่า โต้งเป็นนักศึกษาชั้นปริญญาโทจากมหาวิทยาลัย ม.จ.ล. ....เมื่อวานนี้เค้าไป ม.จ.ล. เพื่อส่งงานแก้ไข และเย็บเล่มวิทยานิพนธ์ที่เค้าเฝ้าเพียรพยายามทำให้จบมาเป็นเวลาหลายเดือน......เค้าเฝ้ารอวันที่จะได้ให้พ่อแม่ น้องสาวและญาติสนิททุก ๆ คนได้มาร่วมแสดงความยินดีกับเค้าในงานวันรับปริญญา......แต่โต้งไม่สามารถอยู่ได้ถึงวันนั้น
ฟอร์ด เฟียสต้า ที่เค้าใช้เดินทางไปยัง ม.จ.ล. ถูกเบนซ์ CLS ที่ขับขี่มาอย่างเร็วและรุนแรงมากพุ่งชนจากทางด้านหลัง มีคนมากมายพยายามช่วยเค้า และเพื่อนร่วมคณะที่ติดอยู่ภายในรถที่ไฟเริ่มลุกไหม้ พวกเค้าไม่สามารถช่วยเหลือคนทั้งสองออกมาได้ เพราะผู้บาดเจ็บขาติดกับคอนโซลในรถที่ด้านหลังถูกชนจนพื้นที่นั่งด้านหลังไม่เหลือพื้นที่อะไรเลย
ไฟที่เริ่มลุกไหม้แรงขึ้นเรื่อย ๆ จนพลเมืองดีต้องถอดใจ ทุกอย่างไหม้หมด รถที่เคยเป็นสีเทาเข้มเหลือเพียงโครงที่ยับย่นจากการถูกชนด้านหลังเป็นซากเหล็กสีขาวโพลนจนนักข่าวหลงคิดว่าเฟียสต้าคันนี้เป็นสีขาวมาแต่เริ่มแรก
ทั้งสองคนถูกเผาเหลือไว้เพียงซากที่ไม่สามารถระบุอัตลักษณ์ของบุคคลได้

เวลาประมาณ 11.30 นาฬิกา ของวันที่ 13 มีนาคม 2559 เวลาบนโลกนี้ของโต้งหมดลงแล้ว โต้งจากโลกนี้ไปวันที่ 13 วันเดียวกับวันที่ 13 ที่เค้าเกิดมา ในวันที่ 14 มีนาคมนี้เองคือวันเกิดของแม่ของโต้ง ทุกปีจะมีคำอวยพรและของขวัญหยิบยื่นให้กันภายในครอบครัวนี้ต่อเนื่องกันมาเป็นเวลา 32 ปี
แต่ปีนี้แม่ของเค้าต้องเดินทางมาจากต่างจังหวัด เพื่อรับร่างที่เหลืออยู่ของลูกชายคนโต ไม่มีอีกแล้วคำอวยพรจากลูกชายที่เป็นที่รัก กระทั่งพ่อที่เป็นชาวสวนที่แข็งแกร่งมานานหลายสิบปียังไม่สามารถประคองตัวเองให้ยืนขึ้นได้เมื่อเดินทางมาถึงกรุงเทพฯ
ความสะใจในการขับเร็วขยี้คันเร่งเพียงชั่วครั้งชั่วคราว ความบ้าคลั่งของคนที่คิดว่าตัวเองยิ่งใหญ่ ข้าจะเสียศักดิ์ศรี ยอมใครไม่ได้ นำมาซึ่งความสูญเสียอันใหญ่หลวงของคนอีกหลายคน ใจของคนเป็นพ่อเป็นแม่ที่ถูกขยี้แหลกลาญที่ไม่รู้ว่าจะต้องทนอีกนานแค่ไหนที่จะทำใจยอมรับได้ ลูกที่เฝ้าฟูมฟักเลี้ยงมากับตัวเองเป็นเวลาหลายสิบปีเหลือเพียงซากที่ไม่สามารถที่จะนำมาประกอบพิธีรดน้ำศพได้เลย คนที่เป็นพ่อเป็นแม่คงจะเข้าใจดี
"ผมไม่รู้จะกล่าวอะไรมากกว่านี้อีกแล้ว ขอเพียงคำถามเดียว จะยังขับเร็วอีกไหม ?" คุณปิติ เก้าสิบเก้า เจ้าของเฟซบุ๊กดังกล่าว โพสต์ทิ้งท้าย
world_id:56e7ca784d265a2f778b4590
เกาะติดข่าว รถเบนซ์ชนฟอร์ด ทั้งหมดคลิกเลย






