จากกรณีที่เจ้าหน้าที่กรมสอบสวนพิเศษ (ดีเอสไอ) บูรณาการร่วมกับหลายฝ่ายเข้าตรวจค้นบ้าน นายวิชัย ปั้นงาม เสี่ยเงินกู้รายใหญ่ที่สุดในประเทศไทยแต่กลับไม่พบเจ้าตัว เนื่องจากเดินทางไปต่างประเทศ ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ได้เร่งขยายผลติดตามผู้ร่วมขบวนการนั้น [อ่านข่าว : ปปง. อายัดเงิน 60 ล้านแก๊ง ปล่อยกู้ วิชัย ปั้นงาม ยึดของกลางพรึ่บ]
ล่าสุดวานนี้ (23 ธันวาคม 2559) นายชาญเชาวน์ ไชยานุกิจ ปลัดกระทรวงยุติธรรม พร้อมด้วย พ.ต.อ. ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ และ พ.ต.ต. สุริยา สิงหกมล รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ในฐานะผู้กำกับดูแลศูนย์ปฏิบัติการสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมพิเศษ พร้อมด้วยผู้แทนจาก สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด กองบังคับการปราบปราม กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค และกองพันทหารปืนใหญ่ที่ 21 รักษาพระองค์ฯ ได้ร่วมกันแถลงข่าวกรณีบุกค้นจับกุมกลุ่มขบวนการปล่อยหนี้นอกระบบรายใหญ่ที่สุดของประเทศ มีเครือข่ายผู้ร่วมขบวนการการกระทำความผิดมากกว่า 2,000 ราย และมีประชาชนที่เป็นลูกหนี้ประมาณ 170,000 ราย และมีเงินหมุนเวียนในระบบประมาณ 4,000 ล้านบาท
นอกจากนี้ ได้ดำเนินการอายัดบัญชีเงินฝาก จำนวน 28 เล่ม, อาวุธปืน จำนวน 4 กระบอก และ ลูกกระสุนปืน จำนวน 309 นัด, โฉนดที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง จำนวน 5 แปลง รวมทั้งสิ้นมูลค่าประมาณ 150 ล้านบาท
พ.ต.อ. ดุษฎี กล่าวต่อว่า หลังจากขี้จะมีการขยายผลติดตามผู้ร่วมขบวนการทั้งหมด เนื่องจากพบรายชื่อเกี่ยวข้องกับคนหลายกลุ่ม เช่น แก๊งหมวกกันน็อกที่มีกว่า 4,000 ราย รวมทั้งพบว่ามีเจ้าหน้าที่รัฐเกี่ยวข้องอีก ซึ่งก่อนการบุกจับกุมในครั้งนี้ได้มีการประชุมหารือกันเมื่อปี 2558 เกี่ยวกับการดำเนินการกับกลุ่มผู้มีอิทธิพลที่มารังแกประชาชน ซึ่งกระทรวงยุติธรรมได้แยกส่งรายชื่อกลุ่มผู้มีอิทธิพลกลุ่มนี้ให้กับคณะรักษษความสงบแห่งชาติ (คสช.) ไปแล้ว ประมาณ 3,000 รายชื่อ
และจากการตรวจสอบ ยังพบว่ากลุ่มปล่อยเงินกู้นอกระบบดังกล่าวไม่ได้แค่เรียกดอกเบี้ยเกินอัตราที่ร้อยละ 20 ต่อ 25 วัน หากคิด 1 ปี ก็จะเป็นดอกเบี้ยสูงถึง 300 % ส่งผลให้คนที่ตกเป็นเหยื่อไม่สามารถออกจากวงจรได้
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก
สำนักข่าว INN