วันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2560 เว็บไซต์เดลี่เมล มีรายงานถึงเรื่องราวของ โจแอนนา ปาลานิ สาวเดนมาร์ก วัย 23 ปี นักศึกษาด้านกฎหมาย ที่ยอมจะละทิ้งโอกาสในการศึกษาเพื่อไปต่อสู้กับกลุ่ม ISIS ระหว่างการสู้รบในอิรักและซีเรีย โดยเธออ้างว่าได้ทำหน้าที่เป็นสไนเปอร์สังหารกลุ่มนักรบ ISIS ไปแล้วกว่า 100 คน ทั้งยังเคยช่วยปลดปล่อยกลุ่มผู้หญิงและเด็กที่ถูกขังเป็นทาสกาม ให้ได้รับอิสรภาพอีกครั้ง รวมถึงฝึกสอนคนเหล่านั้นให้กลายเป็นนักรบเพื่อต่อสู้กลับด้วย แต่ไม่คาดว่าความพยายามทั้งหมดของเธอจะนำไปสู่ความสูญเสียครั้งใหญ่ที่ต้องเผชิญหลังจากกลับมาประเทศของตัวเอง
และนั่นทำให้เมื่อเธอเดินทางกลับมายังเดนมาร์ก หน่วยสืบราชการลับของเดนมาร์กก็ได้เข้าจับกุมเธอในวันที่ 7 ธันวาคม จากการฝ่าฝืนคำสั่งห้ามเดินทางดังกล่าว โจแอนนาใช้ชีวิตอยู่ในที่คุมขังนาน 3 สัปดาห์ ก่อนที่ศาลจะสั่งปล่อยตัวเธอในวันที่ 23 ธันวาคม อย่างไรก็ตามนั่นยังไม่ใช่ความอึดอัดใจที่สุดของเธอในตอนนี้ เพราะโจแอนนายังถูกกลุ่ม ISIS ตั้งค่าหัวถึง 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เสี่ยงต่อการถูกลอบฆ่า อาจถูกจับไปล้างสมองเปลี่ยนเป็นกลุ่มหัวรุนแรง หรือแม้แต่ถูกส่งตัวไปเป็นทาสกามแก่กลุ่ม ISIS
"ฉันยินดีทิ้งชีวิตและอิสระภาพเพื่อหยุด ISIS เพื่อให้ทุกคนในยุโรปได้ปลอดภัย มันเป็นตัวเลือกของฉัน แต่ฉันกลับถูกประเทศของตัวเองมองว่าเป็นผู้ก่อการร้าย" โจแอนนา กล่าว
แม้ทางหน่วยราชการลับจะให้ข้อเสนอที่จะปกป้องเธอ หลังจากถูกตั้งค่าหัว แต่เธอไม่ไว้ใจพวกเขาอีกแล้ว แถมโจแอนนายังบอกด้วยว่าคนเหล่านี้พยายามใช้เธอเป็นเคสตัวอย่างในชั้นศาล และบอกกับสาธารณชนว่าเธอเป็นผู้ก่อการร้ายเหมือน ISIS แต่แม้ว่าจะถูกคุกคามจากหลายทาง เธอก็ยังไม่ยอมแพ้ง่าย ๆ และจะเดินหน้าต่อไป ในขณะที่กรณีของเธอกลายมาเป็นที่สนใจของสื่อในวงกว้าง
"ฉันเสียใจที่ละเมิดกฎหมาย ฉันไม่มีทางเลือกในตอนนั้น แต่คนที่ฉันยอมเสี่ยงชีวิตปกป้อง กลับย้อนมายึดอิสรภาพของฉันไป ฉันไม่คาดว่าจะสูญเสีญเกือบทุกอย่างไปในการต่อสู้เพื่ออิสรภาพและความปลอดภัยของเรา" โจแอนนา กล่าว
ภาพจาก เฟซบุ๊ก Joanna Palani