เปิดใจลูกสาวคนขับรถตู้ชนกระบะ ย่างสด 25 ศพ รับสุดเจ็บปวดกับคำว่า "ฆาตกร" แต่ก็จำต้องยอมรับ ชี้หนีความรับผิดชอบในการทำคนเสียชีวิตไม่ได้ ในส่วนคดียังไม่สามารถสรุปสาเหตุได้
จากเหตุโศกนาฏกรรมรถตู้โดยสารชนรถกระบะที่ชลบุรี จนเกิดไฟลุกท่วมทั้ง 2 คัน เป็นผลให้มีผู้เสียชีวิตรวมทั้งสิ้น 25 ศพ เมื่อวันที่ 2 มกราคม 2560 ซึ่งผู้เห็นเหตุการณ์เล่านาทีระทึกว่ามีเสียงระเบิด เห็นคนขอความช่วยเหลือ แต่เข้าไปช่วยอะไรไม่ได้ กลายเป็นเหตุสลดรับต้นปีที่ผ่านมานั้น
นางสาววรรษมน ยอมรับว่าตอนแรกก็ไม่อยากจะเชื่อว่าเป็นคุณพ่อจริง ๆ จนได้อ่านข่าวในอินเทอร์เน็ต ได้เห็นภาพจึงเชื่อ จากนั้นตนได้ประสานกับพี่ชายซึ่งอยู่ที่ กทม. ให้ขับรถไปที่เกิดเหตุเพื่อดำเนินการด้านเอกสารก่อน แล้วให้ไปพบกับตนและคุณแม่ที่นิติเวช
หลังไปที่นิติเวช เจ้าหน้าที่ก็ให้เราดูรูปทั้ง 25 ศพ แล้วเลือกคนที่คิดว่าเป็นญาติของเรา ความรู้สึกตอนนั้นคือรู้สึกหวิวตั้งแต่ภาพแรกที่เห็น ชั่วโมงนั้นงุนงงไปหมดว่ารุนแรงได้ถึงขนาดนี้เลยหรือ เพราะเราไม่ได้ดูภาพที่เกิดเหตุมาก่อน สภาพแต่ละศพนั้นไหม้เกรียม เราก็ไล่ดูทีละภาพจนมาถึงภาพหนึ่งที่รู้เลยว่าใช่คุณพ่อ ด้วยสภาพศีรษะล้าน กะโหลกใบหน้า และท่าทางซึ่งยังค้างอยู่ในลักษณะใช้แขนข้างหนึ่งพาดอยู่กับขอบประตูรถ โดยศพนั้นเหลือเพียงท่องบน คาดว่าช่วงขาคงถูกเผาไหม้ไม่เหลือแล้ว
นางสาววรรษมน เผยต่อว่า ในส่วนคดีความนั้นยังอยู่ระหว่างดำเนินการเรื่องเอกสาร และยังไม่สามารถสรุปสาเหตุที่แท้จริงได้ แต่เบื้องต้นมีการสันนิษฐานว่าอาจเกิดจากการหลับใน แต่ก็เป็นเรื่องที่พิสูจน์ได้ยาก สำหรับการชดใช้นั้นจะชดใช้เฉพาะในส่วนสมบัติที่พ่อมี ไม่เกี่ยวถึงตัวลูก อย่างไรก็ตามญาติผู้เสียชีวิตอาจจะไม่พอใจที่ทางเราไม่ได้ติดต่อไป ไม่ได้แสดงความเสียใจหรือไปร่วมงาน แต่ทางเราก็ไม่มีโอกาสเช่นกันเพราะยังโศกเศร้าเสียใจเหมือนกันและต้องจัดงานศพคุณพ่อด้วย
อย่างไรก็ตามทางนี้ก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ พวกตนได้ติดต่อไปทางนิติเวชเพื่อขอรายชื่อผู้เสียชีวิตทั้งหมด มาเพื่อบำเพ็ญกุศล ขออโหสิกรรม ไปพร้อม ๆ กับที่จัดให้คุณพ่อแล้ว นั่นคือสิ่งที่เราทำได้
หากถามว่าคิดว่าพ่อเป็นสาเหตุของการเสียชีวิตของ 25 ศพในครั้งนี้ไหม นางสาววรรษมน เผยว่า "มันเหมือนหนีความรับผิดชอบตรงนี้ไม่ได้ เราไม่สามารถปฏิเสธข้อหานี้ได้เลยตั้งแต่วันที่เราตัดสินใจจะมานั่งในตำแหน่งคนขับ เราต้องรับผิดชอบทุกชีวิตที่อยู่ในรถอยู่แล้ว ถ้าจะให้เราปฏิเสธมันก็ดูจะค้านกับความรู้สึกของสังคม แต่เราเชื่อว่าพ่อเราก็ไม่ได้ตั้งใจให้มันเกิด"
ที่ผ่านมาเราก็ได้เห็นคอมเมนต์จากโซเชียลบ้าง ซึ่งก็มีทั้งทางบวกและลบ แต่เราก็รับฟังในส่วนหนึ่ง พยายามวางใจเป็นกลางว่านั่นคือความเห็นของเขา ในเมื่อตำรวจบอกว่าไม่พบสารเสพติด ไม่มีการเสพสุรา เราก็โอเคแล้วว่าไม่มีใครตั้งใจ ไม่ได้เกิดจากความประมาทในส่วนของเรา
ทั้งนี้สำหรับพิธีศพของคุณพ่อได้จัดขึ้นเรียบร้อยแล้ว โดยจัดสวด 3 วันแล้วก็เผา แต่ในช่วงที่บำเพ็ญกุศลก็มีเพื่อนคุณพ่อมาเล่าว่า มีผู้โดยสารหลายคนที่มาขึ้นรถแล้วผ่านจุดเกิดเหตุ ยังคงเห็นพ่อเราและอีกหลายคนอยู่ในจุดนั้น อยากให้เราไปเชิญดวงวิญญาณกลับบ้าน เราจึงได้ไปทำพิธีเชิญดวงวิญญาณในที่เกิดเหตุแล้ว
จากนั้นในการสวดศพคืนที่ 3 ในช่วงเวลาประมาณเที่ยงคืน ตอนที่คุณยายเดินออกจากวัดกลับไปเปลี่ยนเสื้อผ้าที่บ้าน ก็มีกลุ่มคนที่ทานข้าวอยู่หน้าบ้านหันไปหาคุณยายแล้วร้องกรี๊ดกันทั้งโต๊ะ บอกว่าเห็นคุณพ่อเราตามมาส่งคุณยายด้วยความเป็นห่วง ก่อนที่จะหายไป
ขณะที่ก่อนหน้าที่จะเกิดเหตุก็มีคุณน้าของเรา ฝันว่าลูกตาของเขาหลุดออกจากเบ้าตา ได้ไปปรึกษาคนมีเซ้นส์ก็ได้คำตอบว่าอาจมีญาติเสียชีวิต แต่เขาก็ไม่คาดว่าจะเป็นพี่เขยของตัวเอง
ทั้งนี้หากถามเธอว่าดวงวิญญาณของคุณพ่อจะรู้สึกอย่างไรกับเรื่องที่เกิดขึ้นนั้น เธอเชื่อว่าเขาน่าจะเสียใจ เพราะตอนที่มีชีวิตอยู่พ่อก็ไม่เคยคิดร้ายหรือทำร้ายใคร ตั้งแต่เธอจำความได้ก็ไม่เคยเห็นเขาทำอะไรไม่ดี
ภาพและข้อมูลจาก รายการคนอวดผี