ศาลปกครองสูงสุด สั่งห้าม กสทช. ยึดเงินค้ำประกันจากธนาคารกรุงเทพ ที่ ไทยทีวี นำมาวางไว้ 1,075 ล้าน ชี้คดียังไต่สวนไม่แล้วเสร็จ
วันที่ 1 มิถุนายน 2560 ผู้สื่อข่าวไทยพีบีเอส รายงานว่า ศาลปกครองกลางได้อ่านคำสั่งของศาลปกครองสูงสุด ในคดีที่บริษัท ไทยทีวี จำกัด ผู้รับใบอนุญาตประกอบกิจการโทรทัศน์ระบบดิจิทัล ยื่นฟ้องคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) โดยมีคำสั่งยืนตามคำสั่งศาลปกครองกลาง สั่งคุ้มครองชั่วคราวก่อนมีคำพิพากษา ตามที่บริษัท ไทยทีวี ร้องขอ เป็นผลให้ กสทช. ห้ามยึดเงินค้ำประกันจากธนาคารกรุงเทพ ที่บริษัท ไทยทีวี นำมาวางไว้แก่ผู้ถูกฟ้องคดี ในงวดที่เหลือ 4-6 มูลค่ารวมกว่า 1,075 ล้านบาท จนกว่าจะมีคำพิพากษาหรือคำสั่งเป็นอย่างอื่น
พร้อมกันนี้ศาลปกครองสูงสุดยังเห็นว่า บริษัท ไทยทีวี
ไม่ได้ประกอบกิจการแล้ว ซึ่งจากนี้ศาลต้องวินิจฉัยว่า บริษัท ไทยทีวี หรือ
กสทช. ปฏิบัติผิดข้อตกลงหรือสัญญาที่มีต่อกัน ซึ่ง กสทช.
นั้นจะมีสิทธิ์เรียกให้ธนาคารชำระเงินตามหนังสือค้ำประกันได้ ก็เฉพาะกรณีที่
กสทช. ไม่ได้ผิดข้อตกลงหรือสัญญาเท่านั้น
แต่ในเมื่อประเด็นนี้ศาลยังไม่ได้วินิจฉัย ทาง กสทช.
จึงไม่อาจใช้สิทธิ์ดังกล่าวเสมือนบริษัท ไทยทีวี
เป็นฝ่ายผิดข้อตกลงหรือสัญญาได้ เนื่องจากหากดำเนินการไปแล้ว
ธนาคารย่อมมีสิทธิ์ไล่เบี้ยเอากับบริษัท ไทยทีวี ซึ่งเป็นลูกหนี้ชั้นต้นได้
อันเป็นผลเท่ากับทางบริษัท ไทยทีวี
เป็นฝ่ายแพ้คดีทั้งที่ยังไม่มีคำพิพากษาของศาล ทั้งนี้หากศาลมีคำสั่งคุ้มครองให้บริษัท
ไทยทีวี ก็จะผลเพียงทำให้ กสทช.
ยังไม่ได้รับเงินค่าธรรมเนียมในทันทีเท่านั้น
ซึ่งตามเงื่อนไขแนบท้ายใบอนุญาตการประมูลทีวีดิจิทัล
ได้กำหนดให้ชำระค่าธรรมเนียมเป็นงวด ๆ อยู่แล้ว
จึงมีคำสั่งยืนตามศาลปกครองชั้นต้น
ด้าน นายสมบัติ ลีลาพตะ
ผู้อำนวยการฝ่ายกฎหมาย ด้านกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์
ซึ่งเป็นตัวแทนของ กสทช. เปิดเผยว่า
จากนี้จะรายงานผลการพิพากษาให้เลขาธิการ กสทช. และคณะกรรมการ กสทช. รับทราบ
ซึ่งไม่ได้หนักใจอะไร
เนื่องจากคำสั่งครั้งนี้เป็นเพราะคดีการฟ้องร้องยังไม่แล้วเสร็จ
และศาลเห็นว่า กสทช. ก็ไม่เสียหาย เพียงแค่ยังไม่ได้รับเงินค้ำประกันในทันทีเท่านั้น
สำหรับมูลค่าค่าธรรมเนียมงวดที่ 4-6 ซึ่งศาลห้าม กสทช.
ยึดจากธนาคารกรุงเทพในระหว่างนี้มีมูลค่ารวม ประมาณ 1,075 ล้านบาท ขณะที่
น.ส.ชลวิภา วิริยะกุล ตัวแทนจากบริษัท ไทยทีวี เผยว่า
คำตัดสินในครั้งนี้ทำให้บริษัทโล่งใจไปเปราะหนึ่ง
แต่ยังเหลือการต่อสู้คดีในชั้นศาล ที่บริษัทยื่นฟ้อง กสทช.
โดยเรียกร้องค่าเสียหายจากการเปลี่ยนผ่านทีวีดิจิทัลไม่สำเร็จ
เป็นเงินรวมอีกกว่า 700 ล้านบาท ที่อยู่ระหว่างการพิจารณา
ภาพและข้อมูลจาก