พี่ชายหนุ่มพิการทางสมองถูกแกล้งใช้ยางรัดแกงรัดอวัยวะเพศ เผย ไม่รู้ใครเป็นคนทำ หวังไม่ให้เป็นคนในบ้าน ด้านตำรวจบอก จับมือใครดมไม่ได้ หาตัวคนทำยาก
จากกรณีเฟซบุ๊ก แหม่มโพธิ์ดำ ได้โพสต์แชร์เรื่องราวชวนสลดของหนุ่มพิการทางสมองรายหนึ่ง ที่ถูกกลั่นแกล้งอย่างรุนแรงจนถึงขนาดสูญเสียอวัยวะเพศ โดยพี่ชายของเขาเล่าว่า น้องชายเป็นคนไม่สมประกอบจากอุบัติเหตุ แต่ก็ยังสามารถช่วยเหลือตัวเองได้ แต่อยู่ ๆ สังเกตเห็นอวัยวะเพศของเขาบวมใหญ่มาก และพบว่ามียางรัดแกงรัดอยู่ที่โคนอวัยวะเพศ 2 รอบ จึงรีบพาไปหาหมอ แต่หมอบอกว่าต้องตัดทิ้งเพราะติดเชื้อรุนแรง เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการติดเชื้อในกระแสเลือด จากที่เกิดขึ้นไม่ทราบว่ามีเหตุการณ์อะไรกับน้องชาย เวทนาน้องมาก อยากขอความเห็นใจ
ล่าสุด ผู้สื่อข่าวรายการทุบโต๊ะข่าว ทางช่อง AMARIN TVHD ได้ไปสัมภาษณ์ ภูวดล เจียมอ่อน หรือ ภู พี่ชายของหนุ่มพิการทางสมองที่ถูกกลั่นแกล้งรายดังกล่าว เผยว่า แพทย์สันนิษฐานว่าถูกหนังยางรัดเอาไว้นานกว่า 3 วัน แต่โชคดีที่ท่อปัสสาวะยังไม่ติดเชื้อ หลังตัดอวัยวะเพศทิ้งแล้ว แพทย์ได้นำท่อปัสสาวะมาฝังไว้ที่ถุงอัณฑะ ซึ่งต้องรอเวลาประมาณ 6 เดือนจึงจะนำท่อปัสสาวะออกมา และหาวิธีรักษาให้สามารถกลับมาขับปัสสาวะได้ปกติที่สุด ระหว่างนี้ยังคงต้องรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล
เกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดชึ้น นายภู ได้สอบถามน้องชาย แต่น้องตอบวกไปวนมา บอกเป็นคนละแวกบ้านบ้าง เป็นคนใกล้ตัวบ้าง ส่วนตนยังไม่ได้ปักใจเชื่อว่าใครเป็นคนทำ อีกทั้งก่อนหน้านี้ น้องชายก็มักจะถูกกลุ่มวัยรุ่นแถวบ้านรังแกอยู่บ่อยครั้ง เนื่องจากน้องชายมีลักษณะนิสัยกวน ๆ รวมถึงอาการป่วยที่ไม่สามารถจำเหตุการณ์ปัจจุบันได้ อาจเป็นสาเหตุทำให้กลุ่มวัยรุ่นเข้าใจผิด
ทั้งนี้ ได้มีการไปตรวจสอบภายในบ้านก็พบว่า มีหนังยางลักษณะเดียวกันกับที่ใช้รัดอวัยวะเพศของน้องชายอยู่เช่นเดียวกัน หวังเพียงว่า ขอให้ไม่ใช่คนในบ้านที่เป็นคนลงมือ เพราะที่บ้านมีแค่พ่อแท้ ๆ และแม่เลี้ยงเท่านั้นที่อาศัยอยู่กับน้องชาย
อย่างไรก็ตาม พ่อได้พาน้องชายไปแจ้งความไว้ที่ สภ.เมืองระยอง ซึ่งตำรวจให้ลงบันทึกประจำวันไว้ ก่อนจะบอกกลับมาว่า ไม่สามารถจับมือใครดมได้ ลง ๆ ไว้เผื่อจับได้ ทำให้รู้สึกประหลาดใจในคำพูดดังกล่าว
ขณะที่ด้าน ร.ต.อ. ธวัช หนอสิงหา รอง สว.(สอบสวน) สภ.เมืองระยอง เปิดเผยว่า กรณีนี้ยากที่จะตามหาตัวคนกระทำผิดได้ เพราะยังไม่รู้แน่ชัดว่าใครทำ หรือเขาอาจทำตัวเองแล้วลืม ญาติควรที่จะค่อย ๆ พูดคุยกับผู้เสียหาย และเมื่อได้ข้อมูล ก็ให้นำมาแจ้งกับทางตำรวจอีกครั้ง ส่วนการจะเรียกผู้เสียหายมาสอบปากคำก็สามารถทำได้ แต่ก็ต้องดูว่าผู้เสียหายมีความพิการขนาดไหน จะต้องใช้นักจิตวิทยาหรือไม่ หรืออาจต้องใช้ผู้อนุบาลแทน
เฟซบุ๊ก แหม่มโพธิ์ดำ