
ร้องทุกข์อีกราย เหยื่อทนายพิสิษฐ์ ระบุถูกยืมเงินกว่า 1.3 ล้าน อ้างเอาไปเรียนต่อสุดท้ายหายเงียบ เผยเป็นทนายคนเดียวกับที่เบี้ยวเงินน้องบีม เด็กหญิงพิการ วอนตำรวจช่วยตามตัว
จากกรณีที่น้องบีม อายุ 14 ปี เด็กหญิงพิการที่ร้องประสานเสียงคอรัสเพลง Que Sera Sera (เคว เซรา เซรา) ในโฆษณาดังของบริษัทประกันแห่งหนึ่ง ได้ประสบอุบัติเหตุ พ่อเสียชีวิต แม่บาดเจ็บสาหัส ส่วนตัวเองต้องพิการขาทั้งสองข้าง และได้ต่อสู้คดีกับคู่กรณีจนชนะได้เงิน 5 ล้านบาท แต่ปรากฏว่าถูกทนายความโกงเงินไปเกือบ 5 ล้าน เนื่องจากถูกหลอกให้เซ็นมอบอำนาจ ซึ่งเมื่อทางแม่ของน้องแบมติดต่อไปนั้น ทางทนายกลับตอบว่ามีความจำเป็นต้องใช้เงิน [อ่านข่าว : วอนช่วย ด.ญ. พิการ อดีตคอรัสเพลงโฆษณาดัง ถูกทนายเชิดเงินเกือบ 5 ล้าน ! คลิก]
จากกรณีที่น้องบีม อายุ 14 ปี เด็กหญิงพิการที่ร้องประสานเสียงคอรัสเพลง Que Sera Sera (เคว เซรา เซรา) ในโฆษณาดังของบริษัทประกันแห่งหนึ่ง ได้ประสบอุบัติเหตุ พ่อเสียชีวิต แม่บาดเจ็บสาหัส ส่วนตัวเองต้องพิการขาทั้งสองข้าง และได้ต่อสู้คดีกับคู่กรณีจนชนะได้เงิน 5 ล้านบาท แต่ปรากฏว่าถูกทนายความโกงเงินไปเกือบ 5 ล้าน เนื่องจากถูกหลอกให้เซ็นมอบอำนาจ ซึ่งเมื่อทางแม่ของน้องแบมติดต่อไปนั้น ทางทนายกลับตอบว่ามีความจำเป็นต้องใช้เงิน [อ่านข่าว : วอนช่วย ด.ญ. พิการ อดีตคอรัสเพลงโฆษณาดัง ถูกทนายเชิดเงินเกือบ 5 ล้าน ! คลิก]
เกี่ยวกับเรื่องนี้ วันที่ 4 กรกฎาคม 2560 น.ส.นิษฐาณัฐ ภัทรธนินนิษฐ์ อายุ 54 ปี ชาวนนทบุรี ได้นำเอกสารเข้าแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.รัตนาธิเบศร์ จ.นนทบุรี หลังจากถูก นายพิสิษฐ์ สัมมาเลิศ ทนายความ หลอกลวงเอาเงินไปจำนวน 1,336,830 บาท หลังมอบหมายให้เป็นทนายว่าความคดีมรดก ซึ่งเป็นทนายคนเดียวกับที่เชิดเงินน้องบีม
น.ส.นิษฐาณัฐ กล่าวว่า เมื่อปี 2550 ตนเองรู้จักกับภรรยานายพิสิษฐ์ จึงได้ว่าจ้างนายพิสิษฐ์ ช่วยว่าความให้ตนเองได้เป็นผู้จัดการมรดกของครอบครัว หลังจากที่พ่อ-แม่ เสียชีวิต ซึ่งหลังจากเสร็จเรื่องคดี นายพิสิษฐ์ได้มาขอยืมเงินเพื่อไปเรียนต่อปริญญาเอก ตนเห็นว่านายพิสิษฐ์ พูดจาน่าเชื่อถือ และช่วยว่าความตนจนสำเร็จ ไม่น่าจะมีอะไร จึงให้เงินช่วยเหลือ และนายพิสิษฐ์ ยังแอบไปยืมเงินญาติตนเองอีก 2 ราย เป็นเงิน 950,000 บาท แต่ทราบว่ามีการใช้คืนไปให้แล้วบางส่วน
ด้านนายทัศชาคร สายัมพล บุตรชายของ น.ส.นิษฐาณัฐ ระบุว่า ตั้งแต่นายพิสิษฐ์เบี้ยวเงินไปนั้น ครอบครัวต้องอยู่กันอย่างยากลำบาก ต้องขายทรัพย์สินที่มีเพื่อนำมาใช้จ่าย ไม่มีอันจะกินถึงขนาดต้องไปขอข้าววัดกินประทังชีวิต ตนเองเคยคิดจะฆ่าตัวตาย เพราะรับไม่ได้กับสภาพครอบครัว จากคนที่เคยมีกินมีใช้สบาย กลับไม่เหลืออะไรเลย ตอนนี้อยากให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ ตามตัวทนายรายนี้มารับผิดชอบกับสิ่งที่ทำทั้งกับครอบครัวของตน รวมถึงครอบครัวของน้องบีม สาวพิการ
ด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจ กล่าวว่า จากรายละเอียดเบื้องต้น ทนายรายนี้ใช้ความรู้ทางทนาย ทำเอกสารหลักฐานเป็นเรื่องของการผิดนัดชำระหนี้ ซึ่งสามารถฟ้องร้องได้ในทางแพ่ง อย่างไรก็ตาม จะให้พนักงานสอบสวนให้ได้ข้อเท็จจริง ว่ามีพฤติการณ์ใดบ้างที่เป็นการหลอกลวง ก็จะสามารถดำเนินการทางคดีอาญาฐานฉ้อโกงต่อไปได้
ภาพและข้อมูลจาก







