เมื่อวันที่ 26 กันยายน 2560 เว็บไซต์มิเรอร์ เผยรายงานคดีสุดสะเทือนขวัญ ระบุว่า เกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้นกับ แองเจิลลีค ซัตตัน ว่าที่เจ้าสาวซึ่งกำลังตั้งครรภ์เกือบจะ 9 เดือน ในขณะที่เธอกำลังเดินทางไปเข้าร่วมพิธีวิวาห์กับ แพททริค แบรดเลย์ ว่าที่เจ้าบ่าว โดยเธอได้แวะไปที่บ้านของ แอชลีห์ เวด เพื่อนสมัยวัยเด็กของเธอ และที่นั่นเอง เธอถูกวางแผนฆาตกรรมอย่างโหดเหี้ยม พร้อมกับถูกกรีดท้องนำทารกออกมาอย่างเลือดเย็น
ภายหลังจากเกิดเหตุประมาณ 30 นาที เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เดินทางไปถึงยังบ้านที่เกิดเหตุ จากนั้นแฟนหนุ่มของแอชลีห์ เป็นผู้ไปพบตัวเธอในสภาพเปื้อนเลือดกำลังนั่งอุ้มเด็กทารก ข้าง ๆ ศพของแองเจิลลีค ผู้เป็นแม่ อีกทั้งเธอยังตะโกนมายังทางเจ้าหน้าที่ตำรวจว่า "นี่ลูกของฉัน" ทางตำรวจจึงควบคุมตัวแอชลีห์ไปดำเนินคดี
ส่วนหนูน้อยเจเนซิส ทารกในครรภ์ของแองเจิลลีค นับว่าเป็นโชคดีอย่างมากที่สามารถรอดชีวิตมาได้ โดยในเดือนพฤจิกายน ที่จะถึงนี้ หนูน้อยเจเนซิสจะอายุครบ 2 ขวบ ซึ่งสิ่งนี้เป็นหลักฐานที่บ่งชี้ว่า การฆาตกรรมแองเจิลลีค มีการวางแผนมาอย่างรอบคอบและแม่นยำ
จำเลยต้องการให้เหยื่อเสียชีวิต แต่ต้องการให้ทารกรอดชีวิต จำเลยมีการเตรียมพร้อมทุกสิ่งสำหรับเด็กอ่อนเอาไว้หมด ตั้งแต่เสื้อผ้า รองเท้า ผ้าอ้อม นมผง แปลนอน และอื่น ๆ ที่คนเตรียมตัวเป็นแม่จำเป็นต้องมี ยกเว้นสิ่งเดียวที่ไม่มีคือเด็ก ด้วยเหตุที่กล่าวมาแสดงให้เห็นว่า จำเลยจะต้องการลูกของเหยื่อไปเป็นลูกของตนเอง
ขณะที่ด้านทนายความฝ่ายจำเลย เผยว่า แอชลีห์ไม่ได้จงใจฆ่าแองเจิลลีค โดยเผยว่า มีบางอย่างที่ย่ำแย่และผิดปกติเกิดขึ้นต่อจิตใจของแอชลีห์ ซึ่งก่อนหน้านี้จำเลยเคยบอกกับทางตำรวจว่า เธอเป็นผู้ช่วยชีวิตเด็กทารกเอาไว้ โดยทางแอชลีห์ได้ปฏิเสธข้อกล่าวหาทั้งหมด ส่วนการพิจารณาตัดสินคดีฆาตกรรมของเธอจะดำเนินขึ้นในวันที่ 2 ตุลาคม ที่จะถึงนี้ ซึ่งหากศาลตัดสินว่าเธอมีความผิดจริงก็จะต้องโทษจำคุกตามกฎหมาย






