จากกรณีวิวาห์ล่ม ที่ จ.กระบี่ เมื่อเจ้าบ่าววัย 17 ปี ไม่มาร่วมงานแต่ง โดยอ้างว่าไม่มีเงินค่าสินสอด จำนวน 300,000 บาท ปล่อยให้เจ้าสาววัย 15 ปี ที่ตั้งท้องอยู่ต้องรอเก้อ ซึ่งทางครอบครัวเองก็เตรียมจะมีการดำเนินการทางกฎหมาย ตามที่มีรายงานไปแล้วนั้น (อ่านข่าว : เจ้าบ่าวชิ่งวิวาห์ ทิ้งเจ้าสาวท้อง 5 เดือน ลั่นไม่มีสินสอด พ่อ-แม่หญิงจ่อแจ้งจับ)
หลังจากผ่านไป 2 เดือน ตามที่ฝ่ายเจ้าสาวให้เวลาหาเงิน ฝ่ายตนก็หามาได้เพียงแค่ 100,000 บาท เท่านั้น จึงได้มีการติดต่อไปหาฝ่ายเจ้าสาว ว่าฝ่ายตนหาเงินได้เพียงเท่านั้น แต่กลับได้รับคำตอบที่ไม่พอใจ ยืนยันค่าสินสอดเท่าเดิม แต่ถ้าไม่ได้ไม่ต้องมา หลานคนเดียวเขาเลี้ยงกันได้ งานแต่งยังจะจัดเหมือนเดิม
ด้านพี่สาวเจ้าบ่าว กล่าวอีกว่า พอใกล้ ๆ เข้าวันงาน ทางฝ่ายเจ้าสาวได้มีการติดต่อมาอีกครั้ง ครั้งนี้บอกว่าจะลดเงินให้เหลือ 150,000 บาท ทางตนก็แจ้งไปว่าหาไม่พอ ทางฝ่ายเจ้าสาวก็ได้มีการขู่ว่าจะแจ้งความ จนต่อมาทางฝ่ายเจ้าสาวติดต่อมาอีกครั้ง ถามว่ามีเงินเท่าไรตอนนี้ ทางฝ่ายตนจึงบอกไปว่ามี 50,000 เพราะเงินที่ยืมมาให้ครบ 100,000 บาท ได้คืนเจ้าของไปแล้ว ทางฝ่ายเจ้าสาวพูดมาว่า เอามาทำอะไร 50,000 อย่าเอาเลย ทำให้ฝ่ายตนตัดสินใจที่จะไม่ไป
แต่พอมาวันงานที่เกิดเรื่อง ช่วงตอนเช้าประมาณเวลาเก้าโมง ฝ่ายเจ้าสาวโทร. มาบอกว่าให้เจ้าบ่าวไป เขายอมหมดแล้ว ขอแค่ให้มีเจ้าบ่าวไป ซึ่งตอนนั้นเจ้าบ่าวอยู่ที่ จ.ภูเก็ต งานแต่งอยู่ที่ จ.กระบี่ ใช้เวลาเดินทาง ประมาณ 3 ชั่วโมง ฝ่ายเจ้าบ่าวก็ตัดสินใจไป แต่ระหว่างเดินทาง ฝ่ายเจ้าสาวกลับแจ้งกลับมาว่า ไม่ทันแล้ว มาช้าไป ให้เวลารอถึง 10 โมงเท่านั้น แต่เวลาที่แจ้งมาเกือบเที่ยง ทางฝ่ายตนจึงตัดสินใจไม่ไป
ทั้งนี้ ทางฝ่ายตนทำทุกอย่างเพื่อจะรับผิดชอบ แต่เด็กอายุเท่านี้จะไปหาเงินมาจากที่ไหน ตนเชื่อว่าสิ่งที่พ่อและแม่ฝ่ายหญิงทำ เหมือนเป็นการจงใจให้เรื่องเกิดขึ้น ให้เป็นข่าว และจะร้องเรียกค่าเสียหาย โดยที่ไม่คิดถึงจิตใจของลูกสาวตัวเอง ว่าจะอับอายแค่ไหน เสียใจแค่ไหนที่ต้องเลิกกันทั้งที่ทั้งคู่ก็ยังรักกัน เพียงเพราะแค่เงินสินสอด และหลังเกิดเรื่องน้องชายตนก็เสียใจ ร้องไห้ตลอด เพราะกลัวว่าจะถูกแจ้งความ แต่ฝ่ายตนก็ทำได้แค่เท่านี้จริง ๆ
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก