
ฝังซากช้างพลายชมพูที่สุสานช้าง จ.ลำปางแล้ว ผลผ่าพิสูจน์พบกระดูกไขสันหลังแตกหัก จนช้างเกิดความเครียดไตวายเฉียบพลัน ด้านชาวบ้านไว้อาลัยพร้อมให้กำลังใจทีมสัตวแพทย์
เมื่อวันที่ 23 ตุลาคม 2560 นายสัตวแพทย์ทวีโภค อังควานิช สัตวแพทย์ประจำสถาบันคชบาลแห่งชาติในพระอุปถัมภ์ฯ เปิดเผยว่า หลังจากเมื่อวันที่ 22 ตุลาคม ที่ผ่านมา ทีมสัตวแพทย์ได้ร่วมกันผ่าซากช้างป่าสีดอพลายชมพู หลังถูกน้ำป่าซัดพาร่างลอยมาติดคลองชมพู อ.เนินมะปราง จ.พิษณุโลก ได้รับบาดเจ็บ แล้วนำตัวมารักษาที่สถาบันคชบาลแห่งชาติในพระอุปถัมภ์ฯ และหมดลมหายใจ ล้มตายไปเมื่อเวลา 20.20 น. ของคืนวันที่ 21 ตุลาคม ที่ผ่านมา
หลังจากทำการผ่าพิสูจน์ซากช้างซึ่งใช้เวลากว่า 4 ชม. พบว่าที่บริเวณกระดูกไขสันหลังของช้างแตกหัก ซึ่งเป็นสาเหตุทำให้ขาหลังไม่สามารถใช้งานได้ จนทำให้ช้างเกิดอาการเครียด กล้ามเนื้อจึงแตกสลาย เม็ดสีในกล้ามเนื้อถูกปลดปล่อยมาในกระแสเลือด ซึ่งเม็ดสีจะเป็นพิษต่อไตค่อนข้างมากจึงทำให้เกิดภาวะไตวายเฉียบพลัน และทำให้ช้างล้มตายดังกล่าว ทั้งนี้ ยังได้มีการเก็บชิ้นเนื้อบางส่วนไปตรวจสอบเพิ่มเติมแล้ว โดยทางสถาบันคชบาลแห่งชาติในพระอุปถัมภ์ฯ จะมีการแถลงข่าวให้ทราบถึงสาเหตุของการเสียชีวิตของช้างพลายชมพูต่อไป อีกประมาณ 2 สัปดาห์จึงจะทราบผล ซึ่งก็ได้นำซากช้างไปฝังกลบดินที่บริเวณคชานุสรณ์สถาน หรือ สุสานช้าง ภายในศูนย์อนุรักษ์ช้างไทย สถาบันคชบาลแห่งชาติในพระอุปถัมภ์ฯ
ด้าน นายชนมภูมิ จอมทัน ผอ.ส่วนอนุรักษ์สัตว์ป่า สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 13 (สาขาลำปาง) ได้กล่าวถึงกรณีกระแสข่าวชาวบ้านส่วนหนึ่งที่ อ.เนินมะปราง จ.พิษณุโลก มีความผูกพันกับพลายชมพูตั้งแต่พบอยู่ในคลอง และช่วยกันขึ้นมาจากน้ำ ต้องการซากช้างกลับไปทำพิธีที่ จ.พิษณุโลก ว่า พลายชมพูเป็นช้างป่าและเป็นสัตว์ป่าคุ้มครอง เมื่อตายไปแล้วก็เป็นสมบัติของชาติ หากจะทำอะไรกับซากช้างก็ต้องประสานทางราชการ โดยขออนุมัติจากอธิบดีโดยตรงเท่านั้น เมื่อประสานขอแล้วจะสามารถนำไปได้หรือไม่ ก็ต้องขึ้นอยู่ที่การวินิจฉัยของสัตวแพทย์อีกครั้งว่าจะสามารถให้เคลื่อนย้ายหรือไม่ เพราะต้องดูว่าซากช้างจะมีโรคที่ต้องระวังอีกหรือไม่
ขณะที่ นายก อบต.ชมพู อ.เนินมะปราง จ.พิษณุโลก พร้อมชาวบ้านจำนวนหนึ่งก็ได้เดินทางมาที่สถาบันคชบาลแห่งชาติในพระอุปถัมภ์ฯ เพื่อไว้อาลัยช้างและให้กำลังใจทีมสัตวแพทย์ที่ได้ช่วยกันรักษาช้างพลายชมพู ก่อนไปทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้ช้างพลายชมพูอีกครั้งที่ จ.พิษณุโลก


ภาพและข้อมูลจาก







