เปิดใจเหยื่อถูกไล่ลงรถกลางดึก ยอมรับลูกร้องไห้จริง ชี้แค่หยุดพักรถ 5 นาที เชื่อว่าคงไปต่อได้ ด้านเด็กรถยันไม่ได้แกล้ง..เกรงใจผู้โดยสารคนอื่นและคนขับรถคนที่ 2 ที่นอนพักอยู่-บขส. จ่อลงโทษวินัยแล้ว
จากกรณีที่โลกออนไลน์กำลังเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์อยู่ขณะนี้ หลังเฟซบุ๊ก Jab Sitthiphon เปิดเผยเรื่องราวของพ่อแม่และลูกน้อย 2 คน ถูกพนักงานประจำรถโดยสาร ของบริษัท ขนส่ง จำกัด สายกรุงเทพฯ-เกาะสมุย หมายเลขรถ 991-941 ไล่ลงจากรถกลางดึก เนื่องจากเด็กร้องไห้เสียงดัง ทำให้รถไม่สามารถเดินทางไปต่อได้นั้น
โดยนายวันชัย บริกรประจำรถ เผยว่า รถออกเดินทางจากสถานีขนส่งสายใต้ใหม่ตอน 2 ทุ่ม คืนวันที่ 7 มกราคม ที่ผ่านมา ซึ่งเมื่อรถเดินทางเข้าเขตมหาชัย จ.สมุทรสาคร เด็กได้มีการร้องไห้เสียงดังและไม่มีทีท่าจะหยุด ตนจึงเดินเข้าไปเตือนแม่เด็ก เพราะเกรงจะรบกวนผู้โดยสารท่านอื่นที่มีทั้งคนไทยและต่างชาติ รวมถึงพนักงานขับรถคนที่ 2 ที่นอนพักผ่อนอยู่ด้วย แต่เด็กก็ยังไม่หยุดร้อง จึงเสนอให้ครอบครัวนี้ลงพักที่ อ.ชะอำ เพื่อเดินทางต่อไปในช่วงเช้า ตนยอมรับว่าเป็นคนตัดสินใจเอง แต่ยืนยันว่าจุดดังกล่าวเป็นจุดที่ปลอดภัย มีปั๊มน้ำมันและโรงแรมตั้งอยู่ ไม่ได้มีเจตนากลั่นแกล้งแต่อย่างใด
ขณะที่ นายกิตติพงศ์ พนักงานขับรถคนที่ 2 กล่าวว่า ตั้งแต่ขับรถมายังไม่เคยเจอเด็กที่ร้องไห้หนักขนาดนี้ ซึ่งตอนนั้นตนก็เดินเข้าไปตักเตือนแม่เด็กด้วยตัวเองด้วย รวมถึงมีชาวต่างชาติเดินไปบอกกับบริกรเช่นกันเรื่องเสียงร้องไห้
ทั้งนี้ หัวหน้าสำนักงานขนส่งจังหวัดสุราษฎร์ธานี สาขาเกาะสมุย เผยว่า เรื่องราวที่เกิดขึ้นถือเป็นการตัดสินใจโดยพลการของบริกรที่อาจเสี่ยงทำให้เกิดความไม่ปลอดภัยต่อผู้โดยสาร เนื่องจากในเรื่องของการรับ-ส่งผู้โดยสารเป็นหน้าที่ของพนักงานขับรถที่จะต้องส่งผู้โดยสารถึงที่หมายปลายทาง หากมีเหตุสุดวิสัยใด ๆ ต้องให้นายสถานีที่อยู่ใกล้ที่สุดรับทราบและเป็นผู้พิจารณาแก้ไข ซึ่งเบื้องต้น จะมีการทำหนังสือรายงานถึงกองตรวจการขนส่งทางบก เพื่อพิจารณาโทษทางวินัยต่อไป
ต่อมา มีรายงานว่า บริษัท บขส. ได้ดำเนินการลงพื้นที่ติดตามหาครอบครัวดังกล่าว เพื่อเข้าให้ความเป็นธรรมและยินดีเยียวยาค่าใช้จ่ายทั้งค่ารถและที่พักทั้งหมด ทราบชื่อคือ นายมงคล ทองโบราณ พร้อมด้วยภรรยา และลูกชายอีก 2 คน พบว่าทั้งหมดเดินทางถึงเกาะสมุยเป็นที่เรียบร้อยอย่างปลอดภัยแล้ว
จากการสอบถาม นายมงคล เผยว่า ตนยอมรับว่าลูกร้องไห้เสียงดังจริง แต่ก็รับไม่ได้กับเหตุการณ์ดังกล่าว เพราะหลังจากที่ลงจากรถได้เพียง 5 นาที ลูกก็หยุดร้องแล้ว ตนและครอบครัวต้องไปเปิดห้องพักในปั๊มน้ำมันเพื่อค้างคืน ทำให้มีเงินเหลือติดตัวเพียงแค่ 25 บาท ต้องโทร. ไปขอยืมเงินจากญาติเพื่อให้โอนเงินมาให้เป็นค่าเดินทางต่อ คือค่ารถไฟจากสถานีชะอำมุ่งหน้ามาสุราษฎร์ธานี ก่อนเดินทางมายังเกาะสมุย
นายมงคล ทิ้งท้ายว่า ตอนนั้นตนและภรรยาเครียดมาก ถึงขั้นร้องไห้ เพราะตนเป็นหัวหน้าครอบครัวด้วย ซึ่งหากรถหยุดพักให้เด็กได้ลงจากรถเป็นการผ่อนคลาย แค่ 5-10 นาที ก็คงไปต่อได้ เพราะลูกคงตื่นกลัวกับการเดินทางไกลครั้งแรก
"คนขับคนที่ 2 บอกว่าจะนอน เด็กร้องไห้แบบนี้ไม่ไหว จะนอน แฟนเสียความรู้สึกด้วย ร้องไห้"
ภาพและข้อมูลจาก
เฟซบุ๊ก Jab Sitthiphon, ,