x close

จ่าโอ๋ ลุกขึ้นสู้ ตั้งทนายสู้คดีหักเงินเบี้ยเลี้ยงซื้อแอร์ - โดนเพื่อนกลั่นแกล้ง ติดข้อความประชด !

ตำรวจฉาว

         จ่าโอ๋ ตำรวจ สน.พหลโยธิน ตั้งทนายเดชา สู้คดีถูกหักเบี้ยเลี้ยงซื้อแอร์ ยันไม่ลาออกและไม่กลัวถูกกลั่นแกล้ง ด้านทนายเดชา เผย อยากให้เป็นคดีตัวอย่าง เพราะตำรวจชั้นผู้น้อยเดือดร้อน

         จากกรณีที่ จ.ส.ต. เลอศักดิ์ นนท์ขุนทด ผบ.หมู่สืบสวน สน.พหลโยธิน หรือ จ๋าโอ๋ ได้ออกมาร้องเรียนกับสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) ว่า ตนและตำรวจชั้นผู้น้อยอีก 10 นาย ถูกสารวัตรสืบสวน สน.พหลโยธิน หักเงินเบี้ยเลี้ยงเอาไปซื้อเครื่องปรับอากาศ ติดตั้งภายในห้องสอบสวนของ สน.พหลโยธิน ซึ่ง จ๋าโอ๋ เปิดเผยว่า ตนรู้สึกไม่ได้รับความเป็นธรรม ตั้งใจจะเดินหน้าฟ้องร้องต่อ และยังไม่รู้ว่าจะลาออกจากราชการหรือไม่ นั้น (อ่านเพิ่มเติมที่ : ตำรวจชั้นประทวน ร้อง ป.ป.ท. ถูกสารวัตรหั่นเบี้ยเลี้ยงตั้งด่านไปติดแอร์)

ตำรวจฉาว

         ล่าสุด เมื่อวันที่ 30 มีนาคม 2561 รายการทุบโต๊ะข่าว ทางช่องอมรินทร์ ทีวี ได้ติดตามความคืบหน้าประเด็นดังกล่าว โดยหลังจากที่จ๋าโอ๋ได้ออกมาร้องเรียนเรื่องถูกหักเบี้ยเลี้ยง เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.พหลโยธิน หลายนาย ก็ได้ลงขันกันซื้อเครื่องปรับอากาศมาติดตั้งกันเองภายในห้องสอบสวน และแปะข้อความระบุไว้ว่า "สนับสนุนโดยฝ่ายสืบสวน" จ๋าโอ๋จึงถูกตั้งข้อสังเกตว่า ถูกเพื่อนร่วมงานลอยแพหรือไม่ ทีมข่าวจึงโทรศัพท์ไปหาเจ้าหน้าที่ตำรวจชั้นประทวน 10 นาย ที่มีรายชื่อถูกหักเบี้ยเลี้ยงไปซื้อเครื่องปรับอากาศ โดยสามารถติดต่อได้แค่เพียง 4 นาย

         ทีมข่าวสอบถามเจ้าหน้าที่ตำรวจ 4 นายว่าเป็นการทิ้งเพื่อนหรือไม่ ที่ให้จ่าโอ๋เดินหน้าร้องเรียนตามลำพัง ทุกนายก็ตอบสั้น ๆ ว่า ไม่ เมื่อถามต่อว่า ไม่ ในที่นี้ หมายถึงไม่ได้ทิ้งใช่หรือไม่ มีเพียง 1 นายที่ตอบว่าไม่ได้ทิ้ง ส่วนอีก 3 นายไม่ได้ตอบ หลังจากนั้น เมื่อสอบถามว่า ทราบหรือไม่ว่าจ๋าโอ๋จะถูกผู้บังคับบัญชาสอบเรื่องการร้องเรียนดังกล่าว ทุกนายก็ตอบเป็นเสียงเดียวกันว่า ไม่ เช่นเดิม และกล่าวว่า ได้ให้ข้อมูลกับทางผู้บังคับบัญชาไปแล้ว ส่วนเรื่องผลสอบสวน หรือการดำเนินการหลังจากนี้จะเป็นอย่างไร ก็ต้องขึ้นอยู่กับผู้บังคับบัญชา

         ด้าน จ.ส.ต. เลอศักดิ์ หรือ จ๋าโอ๋ เปิดเผยว่า หากมีการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบเรื่องนี้ ตนมองว่าเป็นเรื่องที่ดี พร้อมให้ตรวจสอบได้ทุกอย่าง และมีคำถามคาใจ อยากถามผู้บังคับบัญชาว่า การที่รวบรวมเงินลูกน้องไปซื้อเครื่องปรับอากาศแบบนั้น เป็นเรื่องที่ถูกต้องหรือไม่ ซึ่งตอนนี้ก็ยังไม่มีใครออกมายืนยัน นอกจากนี้แล้ว ก็ได้มีคนมาติดต่อขอให้ถอนเรื่องร้องเรียน ซึ่งจ่าโอ๋ก็ยืนยันว่าจะไม่ถอน และไม่กังวลว่าจะถูกกลั่นแกล้ง ตอนแรกคิดว่าจะลาออกจากราชการ แต่ตอนนี้เปลี่ยนใจแล้ว เพราะก็มีผู้ใหญ่หลายท่านให้กำลังใจ

         สำหรับกรณีที่ นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม ได้ยื่นมือมาช่วยด้านคดีนั้น จ่าโอ๋ เผยว่า นายอัจฉริยะได้โทรศัพท์เข้ามาพูดคุยกันจริง แต่ตนก็ยังไม่ได้ตกลงตัดสินใจ และตอนนี้ตนได้ให้ นายเดชา กิตติวิทยานันท์ ประธานทนายเครือข่ายทนายคลายทุกข์ หรือ ทนายเดชา เป็นทนายความส่วนตัว

ตำรวจฉาว
จ.ส.ต. เลอศักดิ์ นนท์ขุนทด หรือ จ๋าโอ๋

         ด้าน ทนายเดชา เปิดเผยว่า ตนได้รับการติดต่อจาก จ่าโอ๋ ให้มาช่วยดูแลด้านคดี เพื่อเรียกร้องความเป็นธรรม โดยจากการตรวจดูหลักฐานเบื้องต้น ตนคิดว่ามีมูลพอที่จะฟ้องเป็นคดีอาญาทุจริตได้ ในความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ ตำรวจฉาว ทั้งนี้มันไม่ใช่เรื่องการหาเงินเพื่อซื้อเครื่องปรับอากาศ แต่เป็นเรื่องการใช้อำนาจในตำแหน่งผู้บังคับบัญชา เพื่อให้ผู้ใต้บังคับบัญชานำเงินมาให้ ทั้ง ๆ ที่ไม่เต็มใจ ประเด็นเรื่องเจ้าหน้าที่ตำรวจร่วมกันซื้อเครื่องปรับอากาศกันเอง มันไม่เกี่ยวกับจ่าโอ๋ และถึงแม้ว่าตอนนี้เพื่อนตำรวจอีก 10 นาย จะไม่ได้เกี่ยวข้องกับคดีแล้ว แต่จ่าโอ๋ก็จะสู้ต่อ และต้องการเรียกร้องความเป็นธรรมอย่างถึงที่สุด แต่อย่างไรก็ตาม เมื่อคดีนี้ถึงชั้นศาล ศาลก็จะเรียกตำรวจมาสอบถาม ว่าทำไมต้องนำเงินของตำรวจชั้นประทวนไปซื้อเครื่องปรับอากาศ ถึงแม้นายอื่น ๆ จะเต็มใจจ่าย ก็ไม่เกี่ยวกับคดีของจ่าโอ๋ เพราะจ่าโอ๋ไม่ได้เต็มใจ

ตำรวจฉาว
นายเดชา กิตติวิทยานันท์ ประธานทนายเครือข่ายทนายคลายทุกข์

         ทั้งนี้ ตนได้แนะนำให้ร้องเรียนไปยังศาลอาญาทุจริต เพราะใช้เวลาเพียงแค่ 2-3 เดือน ก็จะทราบผลตัดสินจากศาล โดยไม่ต้องไปผ่านกระบวนการใด ๆ และคาดว่าภายในสัปดาห์หน้า ตนก็จะยื่นฟ้องต่อศาลตามพยานหลักฐานที่มีอยู่ สำหรับกรณีที่มีการตั้งกรรมการมาสอบสวนจ่าโอ๋นั้น ทนายเดชา เผยว่า ไม่ใช่เรื่องน่ากังวล เพราะจ่าโอ๋ทำความดี ความดีก็จะคุ้มครอง แต่ถ้าหากตั้งกรรมการมาสอบสวนผู้ที่ร้องเรียนว่ามีการปฏิบัติหน้าที่อย่างหมิ่นเหม่ หรือความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ ก็ถือเป็นเรื่องของเขา ส่วนจ่าโอ๋ไม่กังวล เพราะถือว่าทำในสิ่งที่ถูกต้อง

         ทนายเดชา กล่าวอีกว่า ตนอยากให้คดีนี้ทำเป็นคดีตัวอย่าง เพราะถึงแม้จะมีการหารเงินกันเพื่อซื้อเครื่องปรับอากาศ และเป็นเงินจำนวนไม่มาก สารวัตรหรือผู้กำกับอาจไม่เดือดร้อน แต่มันมีผลต่อตำรวจชั้นประทวน และกระทบกับขวัญกำลังใจและการดำรงชีพของพวกเขา

         สำหรับกรณีที่ จ่าโอ๋ ไม่ร้องต่อผู้บังคับบัญชา แต่ไปร้อง ป.ป.ท. ทนายเดชา ระบุว่า เท่าที่ตนทราบ จ่าโอ๋ได้ร้องเรียนไปยังกองบัญชาการตำรวจนครบาล และ ป.ป.ท. ซึ่งเป็นหน่วยงานที่มีหน้าที่รับเรื่องราวร้องทุกข์ ที่เกี่ยวกับความผิดต่อตำแหน่งโดยตรงอยู่แล้ว จ่าโอ๋จึงสามารถใช้สิทธิ์ในฐานะประชาชนได้ เพราะถึงแม้ว่าจ่าโอ๋จะเป็นตำรวจ แต่ก็มีฐานะเป็นประชาชนด้วย ดังนั้นจึงมีสิทธิ์พึงกระทำในการไปร้องเรียน ส่วนที่ว่ามีความผิดทางวินัยหรือไม่นั้น ก็ขึ้นอยู่กับผู้บังคับบัญชาจะพิจารณาต่อไป

ภาพและข้อมูลจาก
เรื่องที่คุณอาจสนใจ
จ่าโอ๋ ลุกขึ้นสู้ ตั้งทนายสู้คดีหักเงินเบี้ยเลี้ยงซื้อแอร์ - โดนเพื่อนกลั่นแกล้ง ติดข้อความประชด ! อัปเดตล่าสุด 4 เมษายน 2561 เวลา 11:07:29 36,601 อ่าน
TOP