วันที่ 24 เมษายน 2561 ที่กรมการแพทย์แผนไทย นพ.ปราโมทย์ เสถียรรัตน์ รองอธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) พร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมถึงนายแสงชัย แหเลิศตระกูล หรือหมอแสง และทีมนักวิจัยประสิทธิภาพสมุนไพรสูตรของหมอแสงต่อการรักษาโรคมะเร็ง ได้ร่วมหารือหลังผลการวิจัยออกมาเมื่อช่วงกลางเดือนเมษายน ที่ผ่านมา
ส่วนการวิจัยในสัตว์ทดลองและในคน ต้องมีการคุยกันพอสมควรเพราะมีหลายมุมมอง เท่าที่หารือคิดว่าคงต้องใช้เวลาอีกระยะหนึ่ง ซึ่งผู้ป่วยโรคมะเร็งควรเข้ารับรักษาทั้งแพทย์แผนไทยและแพทย์แผนปัจจุบันควบคู่กันไปทุกระยะ จะช่วยให้ได้ประโยชน์สูงสุด อย่ารักษาแค่ทางใดทางหนึ่ง โดยเฉพาะกลุ่มที่เป็นระยะท้าย ๆ การรักษาด้วยยาของหมอแสง ทำได้เพียงประคับประคองอาการเท่านั้น
หากเป็นระยะต้น ๆ ก็รักษาควบคู่กันไป ซึ่งในสมุนไพรของหมอแสงไม่พบสารพิษที่เป็นอันตรายต่อร่างกาย แต่ยังไม่สามารถขึ้นทะเบียนเป็นผลิตภัณฑ์สุขภาพตามกฎหมายได้
ด้านหมอแสง กล่าวว่า เป็นเพียงการวิจัยในหลอดทดลองที่ไม่มีผลในการยับยั้งเซลล์มะเร็ง แต่ไปอยู่ในตัวคนแล้วเป็นอีกเรื่องหนึ่ง เพราะเมื่ออยู่ในหลอดทดลองก็อยู่แค่นั้น แต่ถ้าเข้าร่างกายแล้วมันก็ไปตามเส้นเลือด ยืนยันว่าจะยังแจกสมุนไพรต่อไป เพราะเป็นความหวังของประชาชน แม้หน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้องจะเปลี่ยนไป แต่สมุนไพรของเราจะเป็นตำนาน ซึ่งตนก็ทำมา 10 กว่าปีแล้ว
ส่วนเรื่องการขยายผลเพื่อให้เกิดประโยชน์กับประชาชน ก็อยู่ที่ภาครัฐ ตนแค่มีหน้าที่ผลิต ทั้งนี้ตนบอกทุกครั้งว่าให้รักษาควบคู่กันไป และบอกตลอดว่าตนไม่ใช่หมอ แต่เป็นผู้แบ่งปันคนหมดหนทาง เรายังยืนยันเดินหน้าแจกต่อไปเรื่อย ๆ จนกว่าจะไม่ไหว และคิดว่าเร็ว ๆ นี้คงจะไม่ไหว เพราะตอนนี้กำลังการผลิตอยู่ที่ 4 แสนเม็ดต่อเดือน เรื่องการลงบันทึกประจำวันที่มีคนตั้งข้อสงสัย ก็คงต้องไปถามคนที่ตั้งคำถามว่า คนที่ผ่าตัดในโรงพยาบาลทำไมต้องให้ญาติเซ็นชื่อเพื่อป้องกันกรณีหากผู้ป่วยเสียชีวิต ไม่เดือดร้อนเราแค่นี้พอ
ภาพจาก ทวิตเตอร์ @TNAMCOT
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก