ญาติวอนอย่าโพสต์ภาพศพ น้องก้อย ในที่เกิดเหตุถูกรถปอร์เช่ชน ฝ่ายคู่กรณีรุดขอขมาพ่อเหยื่อ ยันไม่ได้ขับรถเร็ว ทางญาติพร้อมอโหสิกรรม ส่วนใครผิดถูกให้เป็นเรื่องของกฎหมาย
จากกรณี นายสุรัตน์ อรรถพิทย์ อายุ 48 ปี ขับรถปอร์เช่ ชนรถจักรยานยนต์จนเป็นเหตุให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บสาหัส 1 ราย ส่วน น.ส.กัลยารัตน์ รอดเอี่ยม หรือ น้องก้อย อายุ 21 ปี ที่นั่งซ้อนท้ายมานั้นนอนคว่ำหน้าเสียชีวิต บริเวณถนนประเสริฐมนูกิจ ขาเข้า ใกล้สี่แยกสุคนธสวัสดิ์ แขวงลาดพร้าว เขตลาดพร้าว กรุงเทพฯ โดยทางคนขับรถปอร์เช่อ้างว่าถูกรถจักรยานยนต์คู่กรณีขี่ตัดหน้ากะทันหัน ทำให้เบรกไม่ทันและชนเข้าอย่างจังนั้น
พร้อมกันนี้ยังเผยกำหนดการพิธีศพของ น.ส.กัลยารัตน์ ที่วัดลาดปลาเค้า โดยจะมีการรดน้ำศพในวันที่ 30 เมษายน เวลา 16.00 น. สวดพระอภิธรรมศพ ในวันที่ 30 เมษายน - 2 พฤษภาคม และมีพิธีฌาปณกิจ ในวันที่ 3 พฤษภาคม เวลา 17.00 น.

ในทางคดีนั้น ร.ต.ท. กฤษพงษ์ พันทูม รอง สว.(สอบสวน) สน.โคกคราม เปิดเผยว่า นายสุรัตน์ให้การว่าในขณะที่ขับรถปอร์เช่มาช่องทางตรง เลนขวาสุด อยู่ ๆ ก็มีรถจักรยานยนต์เลี้ยวขวาออกมาจากถนนสุคนธสวัสดิ์ แล้วมาตัดหน้ารถกะทันหันจนเกิดเหตุรถชนคนตาย ซึ่งจากนี้จะมีการตรวจสอบกล้องหน้ารถและกล้องวงจรปิด รวมถึงจะเรียกตัวคนขับปอร์เช่มาให้ปากคำอีกครั้ง ส่วนผู้บาดเจ็บซึ่งไม่ทราบชื่อ ยังรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลไม่สามารถมาให้การได้
ทั้งนี้ น.ส.ปรียาภรณ์ รอดเอี่ยม อายุ 29 ปี พี่สาวของ น.ส.กัลยารัตน์ ผู้เสียชีวิต เปิดเผยว่า ตอนนี้ น.ส.กัลยารัตน์ อยู่ระหว่างการย้ายมหาวิทยาลัย เพิ่งมาอยู่ที่บ้านย่านลาดปลาเค้าเมื่อช่วงต้นเดือนที่ผ่านมา เพื่อทำงานพาร์ทไทม์และดูแลพ่อที่ป่วย ทราบว่าน้องได้ไปดูหนังกับเพื่อนชาย และมาเกิดเหตุระหว่างกลับบ้าน ซึ่งหลังเกิดเหตุทางคนขับปอร์เช่ก็ได้เข้ามาพูดคุย และจะเข้ามาไหว้ศพที่วัดในช่วงรดน้ำศพ
ขณะที่ในเวลา 19.00 น. นายสุรัตน์ คนขับปอร์เช่ พร้อมด้วยแฟนสาว ได้เดินทางมาเคารพศพ น.ส.กัลยารัตน์ และฟังสวดอภิธรรมศพ โดยหลังจากนั้นนายสุรัตน์ก็ได้เข้ากราบขอขมาต่อพ่อของผู้เสียชีวิต พร้อมมอบเงินช่วยเหลือค่าทำศพไว้จำนวนหนึ่ง ซึ่ง นายภมร รอดเอี่ยม อายุ 48 ปี พ่อของ น.ส.กัลยารัตน์ เผยว่า เมื่อเขามาขอขมาก็อโหสิกรรมให้ ส่วนด้านคดีก็ว่ากันไปตามกฎหมาย
นายสุรัตน์ ยังเปิดเผยว่า ตนมีอาชีพทำธุรกิจส่วนตัว ในวันนี้ได้มาร่วมงานศพและช่วยเหลือค่าทำศพตามหลักมนุษยธรรม ส่วนเรื่องใครผิดถูกนั้นอยู่ที่การสอบสวนของตำรวจ ยืนยันว่าตนไม่ได้ขับรถเร็ว เพราะเป็นช่วงที่รถกำลังจะออกตัว เป็นไปไม่ได้ที่รถจะเร็ว
ภาพและข้อมูลจาก ตะลุยข่าว 4 ภาค, เฟซบุ๊ก Lukkade Rodeiam
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก






