กรมปศุสัตว์ส่งรองอธิบดีและคณะ ลงพื้นที่ตรวจติดตามการดูแลสุนัขและแมวจากพื้นที่เกิดโรคพิษสุนัขบ้า ซึ่งถูกนำมากักกันในศูนย์เฉพาะกิจกักกันสัตว์เสี่ยงโรคพิษสุนัขบ้า ณ ด่านกักกันสัตว์นครพนม และกำชับให้เจ้าหน้าที่เพิ่มความเข้มงวด ด้านการจัดการสุขภาพสัตว์ และการจัดการด้านสวัสดิภาพสัตว์ ให้เหมาะสม
นายสัตวแพทย์สมชวน รัตนมังคลานนท์ รองอธิบดีและโฆษกกรมปศุสัตว์ เปิดเผยว่า กรมปศุสัตว์มอบหมายให้ ด่านกักกันสัตว์นครพนม จัดตั้งเป็นศูนย์เฉพาะกิจกักกันสัตว์เสี่ยงโรคพิษสุนัขบ้า ตั้งแต่วันที่ 23 มกราคม 2561 โดยรับสุนัขและแมวที่มีความเสี่ยงในการได้รับเชื้อโรคพิษสุนัขบ้า จากจังหวัดใกล้เคียง ได้แก่ ร้อยเอ็ด กาฬสินธุ์ มหาสารคาม มุกดาหาร ซึ่งสุนัขและแมวส่วนใหญ่ไม่มีผู้แสดงตนเป็นเจ้าของ และประชาชนในชุมชนที่เกิดโรคพิษสุนัขบ้ารวบรวมนำส่งเจ้าหน้าที่ปศุสัตว์เพื่อนำมากักกัน สังเกตุอาการ และเฝ้าระวังโรค ตามมาตรการควบคุมป้องกันโรคในสัตว์ รวมถึงเป็นการลดความเสี่ยงต่อการแพร่เชื้อโรคพิษสุนัขบ้า สู่คนและสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมชนิดอื่นในพื้นที่เกิดโรค โดยในระหว่างการกักกันนั้น เจ้าหน้าที่ของศูนย์เฉพาะกิจฯ ได้มีการแยกเพศ ขนาด และอายุ เพื่อง่ายต่อการดูแล การให้อาหาร และการจัดการทั่วไป การคัดแยกสัตว์ป่วยเพื่อทำการรักษา และที่สำคัญสัตวแพทย์ประจำศูนย์เฉพาะกิจฯ ได้ฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าทุกตัว ตัวละ 4 ครั้ง ห่างกันครั้งละ 4 วัน ทั้งนี้ การกักกัน สังเกตุอาการ และเฝ้าระวังโรค จะใช้เวลาอย่างน้อย 6 เดือน จึงจะถือว่าปลอดภัยจากโรคพิษสุนัขบ้า หลังจากนั้น กรมปศุสัตว์จะติดต่อเจ้าของสัตว์ให้มารับกลับ หรือกรณีที่สัตว์ไม่มีเจ้าของจะพิจารณาดำเนินการหาบ้านใหม่ หรือส่งต่อให้สถานที่พักพิงสัตว์ที่มีความพร้อมรับดูแลต่อไป
นายสัตวแพทย์สมชวนกล่าวเพิ่มเติมว่า จากการรายงานของศูนย์เฉพาะกิจกักกันสัตว์เสี่ยงโรคพิษสุนัขบ้าแห่งนี้ พบว่าเริ่มต้นรับสุนัขและแมวมาตั้งแต่วันที่ 23 มกราคม 2561 โดยมีการทยอยนำเข้าจากพื้นที่เกิดโรคพิษสุนัขบ้าในจังหวัดใกล้เคียงดังกล่าวข้างต้น จนถึงวันที่ 18 เมษายน 2561 และในระหว่างการกักกันนั้น ได้มีสุนัขและแมวเสียชีวิตจำนวนหนึ่งด้วย โรคพิษสุนัขบ้า โรคลำไส้อักเสบ โรคไข้หัดสุนัข โรคพยาธิในเม็ดเลือด โรคปอดบวม เนื่องจากส่วนใหญ่เป็นสุนัขขนาดเล็กที่อายุน้อยกว่า 4 เดือน มีที่มาจากหลากหลายพื้นที่ ไม่มีประวัติการได้รับวัคซีนป้องกันโรค ไม่มีการถ่ายพยาธิ มีความเครียดจากการเคลื่อนย้าย ทำให้ภูมิคุ้มกันต่ำ สุขภาพไม่แข็งแรง มีการป่วยตายได้ง่ายและรวดเร็ว ปัจจุบัน ศูนย์เฉพาะกิจฯ แห่งนี้ ยังคงมีสุนัขและแมวที่อยู่ในระหว่างการสังเกตุอาการ และการเฝ้าระวังโรค รวมประมาณ 700 ตัว ซึ่งคาดว่าในเดือนมิถุนายนที่จะถึงนี้ จะมีสุนัขที่ครบกำหนดการกักกัน 6 เดือน และมีความปลอดภัยจากโรคพิษสุนัขบ้า จำนวน 120 ตัว ส่วนที่เหลือจะทยอยครบกำหนดการกักกันภายในเดือนตุลาคม 2561 อย่างไรก็ตาม ได้กำชับให้เจ้าหน้าที่ของศูนย์เฉพาะกิจฯ เพิ่มเติมอาหารที่เหมาะสมกับสัตว์ป่วย การทำความสะอาดคอกและรางอาหาร ระมัดระวังการจับบังคับสัตว์ให้เหมาะสม การสังเกตุอาการสัตว์ป่วยในระยะเริ่มต้น การเพิ่มจำนวนสัตวแพทย์และเครื่องมือตรวจวินิจฉัยโรค สำหรับดูแลรักษาฟื้นฟูสุขภาพสัตว์ รวมทั้งฝึกอบรมคนงานให้มีความรู้ความเข้าใจในการจัดการทั่วไปมากยิ่งขึ้น ทั้งนี้ จะได้เปิดโอกาสให้ภาคเอกชนเข้ามามีส่วนร่วมในการดูแลสุนัขและแมวในรูปแบบโครงการประชารัฐร่วมใจ ป้องกันภัยโรคพิษสุนัขบ้า เพื่อให้การดูแลสุนัขและแมวในศูนย์เฉพาะกิจฯ แห่งนี้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นต่อไป