ข้าว กข43 ข้าวหอมนุ่ม สำหรับผู้รับรักสุขภาพ



          ข้าว กข43 มีจุดเริ่มต้นมาจาก กรมการข้าว ได้วิจัยและพัฒนาพันธุ์ข้าว ระหว่างพันธุ์ข้าวเจ้าหอมสุพรรณบุรีและสุพรรณบุรี 1 จึงทำให้ได้ข้าวพันธุ์ใหม่ที่มีอายุเก็บเกี่ยว 95 วัน ผลผลิตเฉลี่ยต่อไร่ประมาณ 561 กิโลกรัม ค่อนข้างต้านทานต่อโรคไหม้และเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาล เหมาะสำหรับปลูกในพื้นที่นาชลประทานหรือพื้นที่ลุ่มมีน้ำท่วมขัง



          ต่อมา กรมการข้าว ร่วมกับคณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล ได้นำข้าวพันธุ์ต่าง ๆ มาศึกษาทางด้านโภชนาการ พบว่าพันธุ์ข้าว กข43 มีค่าดัชนีน้ำตาลอยู่ที่ประมาณ 57.5 ซึ่งถือว่าเป็นข้าวขัดขาวที่มีค่าดัชนีน้ำตาลปานกลางค่อนข้างต่ำ ด้วยคุณสมบัติข้างต้น กรมการข้าวจึงส่งเสริมพื้นที่ปลูกข้าว กข43 ในโครงการนาแปลงใหญ่ภายใต้แผนการผลิตและการตลาดข้าวครบวงจร เพื่อรองรับความต้องการของตลาดข้าวเพื่อสุขภาพในอนาคต



          นายอภิชาติ ลาวัณย์ประเสริฐ ผู้อำนวยการสถาบันวิทยาศาสตร์ข้าวแห่งชาติ กรมการข้าว บอกเล่าว่า “ลักษณะเด่นของข้าว กข43 คือหนึ่ง เป็นข้าวที่มีอายุสั้น ที่เราเอามาจุดประสงค์หลักคือ เราต้องการปลูกในพื้นที่ ที่มีปัญหาเรื่องน้ำท่วม เวลาเกษตรกรต้องการปลูกจะได้รีบเก็บเกี่ยวได้ทันก่อนที่น้ำจะมา และอีกอย่างที่เราวิจัยทางด้านโภชนาการแล้วพบว่าข้าวตัวนี้มีค่า GI ปานกลางค่อนข้างต่ำ เลยแนะนำมาในตลาดข้าวผู้ที่รักสุขภาพในปัจจุบัน ว่าถ้าผู้ใดต้องการจะทานข้าวหอมนุ่มแล้วมีปัญหาเรื่องการสลายตัวของน้ำตาลก็ใช้ตัวนี้ช่วยได้ เป็นทางเลือกหนึ่งในการบริโภค สำหรับผู้ที่มีปัญหาเรื่องนี้”



          เพราะสามารถเก็บเกี่ยวได้ทันก่อนที่น้ำจะท่วม และถึงแม้จะเป็นพันธุ์ข้าวที่ให้ผลผลิตต่อไร่ไม่มากนัก แต่ด้วยความที่เป็นพันธุ์ข้าวที่ทนทางต่อโรคแมลงได้ดี มีความต้องการปุ๋ยน้อย มีค่าดัชนีน้ำตาลต่ำ รวมถึงเป็นพันธุ์ข้าวสนับสนุนในโครงการนาแปลงใหญ่ จึงส่งผลให้ราคาสูงมากกว่าข้าวพันธุ์อื่น ๆ ในท้องตลาด



          นายอภิชาติ ลาวัณย์ประเสริฐ ผู้อำนวยการสถาบันวิทยาศาสตร์ข้าวแห่งชาติ กรมการข้าว อธิบายเพิ่มเติมอีกว่า “ในปีแรกที่เราเริ่มโครงการคือ ในฤดูนา ปี 2560 เริ่มที่ จ.สุพรรณบุรี กับ จ.ชัยนาท มีสหกรณ์ดอนเจดีย์เป็นผู้เริ่ม เสียงตอบรับค่อนข้างที่จะดีในการประชาสัมพันธ์ พอมาในรอบที่สองฤดูนาปรังปี 2561 ได้ผลิตเพิ่มขึ้นใน 5 จังหวัด มีสุพรรณบุรี ชัยนาท เพชรบุรี อุทัยธานี และพระนครศรีอยุธยา ผลผลิตออกมาเป็นข้าวสารประมาณ 600 กว่าตัน อันนี้เราทำการจับคู่กับผู้ประกอบการโดยกระทรวงพาณิชย์ได้ให้ความช่วยเหลือ และมีจำหน่ายตามห้างสรรพสินค้าต่าง ๆ และรอบที่ 3 คือฤดูนาปีที่กำลังดำเนินการอยู่ในขณะนี้ มีเมล็ดพันธุ์ให้กับผู้เข้าร่วมโครงการประมาณ 3,000 ตัน ผลิตโดยศูนย์เมล็ดพันธุ์ ลพบุรี ชัยนาท และนครสวรรค์ ซึ่งตอนนี้มีผู้เข้าร่วมโครงการแล้วประมาณ 27,000 ไร่ เกษตรกรเข้าร่วมโครงการทั้งหมด 19 จังหวัดในขณะนี้ ในเขตภาคเหนือตอนล่างและภาคกลาง”



          ข้าว กข43 ที่ดำเนินงานโดย กรมการข้าว กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จึงเปรียบเสมือนทางเลือกใหม่ที่ได้มอบให้กับเกษตรกรและผู้บริโภค ชาวนาสามารถผลิตข้าวได้คุณภาพ ขายข้าวได้ราคาดี ผู้บริโภคก็ได้รับประทานข้าวที่ดีต่อสุขภาพ ซึ่งจะเป็นการพัฒนาภาคการเกษตรไทยให้มั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน ต่อไปในอนาคต.




เรื่องน่าสนใจอื่นๆ
เรื่องที่คุณอาจสนใจ
ข้าว กข43 ข้าวหอมนุ่ม สำหรับผู้รับรักสุขภาพ โพสต์เมื่อ 22 สิงหาคม 2561 เวลา 18:01:59 1,718 อ่าน
TOP