พล.อ. ประยุทธ์ เปิดทำเนียบต้อนรับ มหาธีร์ บิน โมฮัมหมัด เดินหน้าคุยสันติสุข ด้านนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย พร้อมช่วยเหลือไทยทุกทางดับไฟจังหวัดชายแดนใต้
พล.อ. ประยุทธ์ กล่าวภายหลังหารือว่า ในนามรัฐบาลไทย ยินดีและเป็นเกียรติที่ได้ต้อนรับนายมหาธีร์ และภริยา ซึ่งถือเป็นรัฐบุรุษ และเป็นผู้นำอาวุโสของภูมิภาคและของโลก มีผลงานและคุณูปการมากมายในการพัฒนามาเลเซีย รวมถึงสร้างสัมพันธภาพระหว่างไทยกับมาเลเซีย ทั้งนี้ได้หารือเกี่ยวกับแนวทางและประเด็นในการสร้าง "ทศวรรษใหม่แห่งความสัมพันธ์" ในฐานะประเทศเพื่อนบ้าน ไทยและมาเลเซียต้องร่วมมือกันสร้างเสถียรภาพความมั่นคงในพื้นที่ชายแดน พร้อมขยายความร่วมมือทางเศรษฐกิจ ขณะเดียวกันได้หารือกันใน 3 ประเด็น ได้แก่
1. การแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนใต้ และความร่วมมือด้านความมั่นคง ฝ่ายไทยถือว่าจังหวัดชายแดนใต้เป็นปัญหาภายใน แต่ขณะเดียวกันความร่วมมือจากต่างประเทศก็จะทําให้การแก้ไขปัญหาทำได้ง่ายขึ้น ซึ่งการพูดคุยจะดำเนินการต่อไปโดยมีมาเลเซียเป็นผู้ประสานงาน และทุกอย่างจะอยู่บนพื้นฐานและกรอบของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย นอกจากนี้จะขยายความร่วมมือการเสริมสร้างความมั่นคงชายแดน การพัฒนาเศรษฐกิจ และประเด็นความมั่นคงในภาพใหญ่ โดยเฉพาะการต่อต้านการก่อการร้ายและแนวคิดสุดโต่ง การป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติยาเสพติดและการค้ามนุษย์
2. การพัฒนาเศรษฐกิจและความเชื่อมโยงตามแนวชายแดน และได้เสนอให้ทั้งสองประเทศยกระดับความร่วมมือทางเศรษฐกิจขึ้นเป็นหุ้นส่วนยุทธศาสตร์เศรษฐกิจที่เข้มข้น
3. ความร่วมมือในกรอบอาเซียน โดยเฉพาะในปีหน้าที่ไทยจะทำหน้าที่เป็นประธานอาเซียน จึงมีเป้าหมายก้าวไปสู่ประชาคมอาเซียนที่เข้มแข็ง มีประชาชนเป็นศูนย์กลาง และประเทศสมาชิกก้าวไปพร้อมกันโดยไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง ไทยและมาเลเซียจะทำงานอย่างใกล้ชิด เพื่อให้ประชาชนทั้งสองประเทศมีความสงบสุข มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดี มีฐานะที่มั่นคง รวมทั้งมีการพัฒนาเจริญก้าวหน้าอย่างต่อเนื่อง
ด้าน นายมหาธีร์
กล่าวว่า ในการเยือนไทยเพราะอยากสร้างความคุ้นเคยกับอาเซียน
หลังได้รับการแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรี ซึ่งต้องขอขอบคุณนายกฯ
และรัฐบาลไทยสำหรับการต้อนรับที่อบอุ่น
ในอดีตมาเลเซียเคยมีปัญหาและไทยได้ให้การสนับสนุน เพื่อยุติปัญหาดังกล่าว
ก็ขอขอบคุณไทย ปัจจุบันไทยมีปัญหาชายแดนใต้ เราก็ยินดีที่จะช่วยไทย
เพื่อแก้ไขความรุนแรง
ตนมั่นใจว่าความร่วมมือของสองประเทศจะทำให้สามารถแก้ไขและลดปัญหานี้ได้
การแสดงมิตรภาพไม่ใช่แค่การพูดคุย แต่ต้องเป็นการปฏิบัติอย่างแท้จริงในฐานะมิตรที่ใกล้ชิด
นายมหาธีร์ กล่าวต่อว่า ในส่วนของการค้าระหว่างไทย-มาเลเซีย ในปี 2018 มีมูลค่าสูงขึ้น 17 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งเราสามารถเพิ่มมูลค่าการค้าได้ เมื่อแก้ด่านศุลกากรที่ปัจจุบันมีจุดผ่านแดน 4 ด่าน ที่รัฐกลันตัน 2 ด่าน รัฐเคดาห์ และรัฐเปอร์ลิส นอกจากนี้มีความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดระหว่างลังกาวีและสตูล มีการแลกเปลี่ยนนักท่องเที่ยว ซึ่งความร่วมมือดังกล่าวจะสร้างความเจริญรุ่งเรืองของสองประเทศ เราควรพัฒนาการค้าระหว่างประเทศ เพื่ออำนวยความสะดวกการไปมาหาสู่ของประชาชนทั้งสองฝ่าย เราจะเปิดด่านศุลกากร 24 ชั่วโมง เพื่อไม่ให้เกิดความล่าช้าในการขนส่งสินค้า และจะสร้างสะพาน 2 สะพานข้ามแม่น้ำโก-ลก ที่เชื่อมกับรัฐกลันตัน อย่างไรก็ตามปัจจุบันมีปัญหาเส้นทางถนน เชื่อว่าแก้ไขปัญหานี้ได้ และเราพร้อมที่จะสนับสนุนกระบวนการพูดคุยเพื่อสันติสุขในจังหวัดชายแดนใต้
ทั้งนี้ส่วนตัวยินดีอย่างยิ่งที่จะสร้างมิตรภาพกับ พล.อ. ประยุทธ์ เชื่อว่าผู้นำที่มีความใกล้ชิดระหว่างกันจะช่วยให้สามารถบรรลุเป้าหมายได้อย่างสำเร็จ
วันที่ 24 ตุลาคม 2561 พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และภริยา
ให้การต้อนรับนาย มหาธีร์ บิน โมฮัมหมัด นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย และภริยา
ในโอกาสเดินทางเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการในฐานะแขกของรัฐบาล
โดยผู้นำทั้งสองได้ร่วมตรวจแถวทหารกองเกียรติยศ หน้าตึกไทยคู่ฟ้า
ทำเนียบรัฐบาล จากนั้นนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ลงนามสมุดเยี่ยม
ก่อนหารือข้อราชการกลุ่มเล็ก ณ ห้องสีงาช้าง ตึกไทยคู่ฟ้า
และหารือข้อราชการเต็มคณะ ณ ตึกภักดีบดินทร์
พล.อ. ประยุทธ์ กล่าวภายหลังหารือว่า ในนามรัฐบาลไทย ยินดีและเป็นเกียรติที่ได้ต้อนรับนายมหาธีร์ และภริยา ซึ่งถือเป็นรัฐบุรุษ และเป็นผู้นำอาวุโสของภูมิภาคและของโลก มีผลงานและคุณูปการมากมายในการพัฒนามาเลเซีย รวมถึงสร้างสัมพันธภาพระหว่างไทยกับมาเลเซีย ทั้งนี้ได้หารือเกี่ยวกับแนวทางและประเด็นในการสร้าง "ทศวรรษใหม่แห่งความสัมพันธ์" ในฐานะประเทศเพื่อนบ้าน ไทยและมาเลเซียต้องร่วมมือกันสร้างเสถียรภาพความมั่นคงในพื้นที่ชายแดน พร้อมขยายความร่วมมือทางเศรษฐกิจ ขณะเดียวกันได้หารือกันใน 3 ประเด็น ได้แก่
1. การแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนใต้ และความร่วมมือด้านความมั่นคง ฝ่ายไทยถือว่าจังหวัดชายแดนใต้เป็นปัญหาภายใน แต่ขณะเดียวกันความร่วมมือจากต่างประเทศก็จะทําให้การแก้ไขปัญหาทำได้ง่ายขึ้น ซึ่งการพูดคุยจะดำเนินการต่อไปโดยมีมาเลเซียเป็นผู้ประสานงาน และทุกอย่างจะอยู่บนพื้นฐานและกรอบของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย นอกจากนี้จะขยายความร่วมมือการเสริมสร้างความมั่นคงชายแดน การพัฒนาเศรษฐกิจ และประเด็นความมั่นคงในภาพใหญ่ โดยเฉพาะการต่อต้านการก่อการร้ายและแนวคิดสุดโต่ง การป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติยาเสพติดและการค้ามนุษย์
2. การพัฒนาเศรษฐกิจและความเชื่อมโยงตามแนวชายแดน และได้เสนอให้ทั้งสองประเทศยกระดับความร่วมมือทางเศรษฐกิจขึ้นเป็นหุ้นส่วนยุทธศาสตร์เศรษฐกิจที่เข้มข้น
3. ความร่วมมือในกรอบอาเซียน โดยเฉพาะในปีหน้าที่ไทยจะทำหน้าที่เป็นประธานอาเซียน จึงมีเป้าหมายก้าวไปสู่ประชาคมอาเซียนที่เข้มแข็ง มีประชาชนเป็นศูนย์กลาง และประเทศสมาชิกก้าวไปพร้อมกันโดยไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง ไทยและมาเลเซียจะทำงานอย่างใกล้ชิด เพื่อให้ประชาชนทั้งสองประเทศมีความสงบสุข มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดี มีฐานะที่มั่นคง รวมทั้งมีการพัฒนาเจริญก้าวหน้าอย่างต่อเนื่อง
นายมหาธีร์ กล่าวต่อว่า ในส่วนของการค้าระหว่างไทย-มาเลเซีย ในปี 2018 มีมูลค่าสูงขึ้น 17 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งเราสามารถเพิ่มมูลค่าการค้าได้ เมื่อแก้ด่านศุลกากรที่ปัจจุบันมีจุดผ่านแดน 4 ด่าน ที่รัฐกลันตัน 2 ด่าน รัฐเคดาห์ และรัฐเปอร์ลิส นอกจากนี้มีความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดระหว่างลังกาวีและสตูล มีการแลกเปลี่ยนนักท่องเที่ยว ซึ่งความร่วมมือดังกล่าวจะสร้างความเจริญรุ่งเรืองของสองประเทศ เราควรพัฒนาการค้าระหว่างประเทศ เพื่ออำนวยความสะดวกการไปมาหาสู่ของประชาชนทั้งสองฝ่าย เราจะเปิดด่านศุลกากร 24 ชั่วโมง เพื่อไม่ให้เกิดความล่าช้าในการขนส่งสินค้า และจะสร้างสะพาน 2 สะพานข้ามแม่น้ำโก-ลก ที่เชื่อมกับรัฐกลันตัน อย่างไรก็ตามปัจจุบันมีปัญหาเส้นทางถนน เชื่อว่าแก้ไขปัญหานี้ได้ และเราพร้อมที่จะสนับสนุนกระบวนการพูดคุยเพื่อสันติสุขในจังหวัดชายแดนใต้
ทั้งนี้ส่วนตัวยินดีอย่างยิ่งที่จะสร้างมิตรภาพกับ พล.อ. ประยุทธ์ เชื่อว่าผู้นำที่มีความใกล้ชิดระหว่างกันจะช่วยให้สามารถบรรลุเป้าหมายได้อย่างสำเร็จ
ข้อมูลจาก สำนักข่าว INN