พ่อราฮาฟ สาวซาอุลี้ภัย บินถึงไทย ลั่นขอพบลูกสาวด่วน

พ่อและพี่ชาย ราฮาฟ สาวซาอุดีอาระเบีย เดินทางถึงประเทศไทย พร้อมขอพบตัว ด้านสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองชี้ ไม่สามารถระบุได้ว่าจะได้พบหรือไม่ อำนาจการตัดสินใจ อยู่ที่ UNHCR เท่านั้น

เมื่อวันที่ 8 มกราคม 2562 สำนักข่าวรอยเตอร์ รายงานว่า พล.ต.ท. สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง เปิดเผยว่า ขณะนี้ พ่อและพี่ชายของ น.ส.ราฮาฟ โมฮัมเหม็ด อัล-คูนุน (Rahaf Mohammed al-Qunun) ได้เดินทางมาถึงประเทศไทยแล้ว ทั้งสองอยากพบและพูดคุยกับ น.ส.ราฮาฟ แต่ทั้งนี้ยังไม่สามารถทำได้ พวกเขาต้องรอก่อน และทางสำนักข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ หรือ UNHCR (United Nations High Commissioner for Refugees) จะเป็นผู้พิจารณาเองว่าจะอนุญาตให้ทั้งสองฝ่ายพบกันหรือไม่

สำหรับ ราฮาฟ นั้น ชื่อของเธอปรากฏเป็นข่าวใหญ่ไปทั่วโลกในช่วง 2-3 วันที่ผ่านมา โดยเธอเป็นเด็กสาวชาวซาอุดีอาระเบีย วัย 18 ปี ที่หลบหนีออกจากครอบครัวมายังประเทศไทย เพื่อจะต่อเครื่องบินต่อไปยังออสเตรเลีย และจะขอลี้ภัยที่นั่น เนื่องจากเธอไม่สามารถอดทนกับการถูกกดขี่ข่มเหงจากครอบครัวต่อไปได้อีก และไม่ต้องการกลับไปยังบ้านเกิด

ราฮาฟมั่นใจว่าตัวเองจะไม่ปลอดภัยหากกลับบ้าน พ่อของเธอผู้เป็นข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ในซาอุฯ ซึ่งเขาอาจลงไม้ลงมือกับเธอ อาจถึงขั้นฆ่าให้ตาย โดยก่อนหน้านี้ทางประเทศไทยจะส่งตัวเธอกลับ แต่ขณะนี้ได้ส่งมอบตัวเธอให้กับหน่วยงานผู้ลี้ภัยของสหประชาชาติแล้ว

สำนักข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ หรือยูเอ็นเอชซีอาร์ ได้เข้ามาตรวจสอบเรื่องนี้ หลังจากที่ราฮาฟเดินทางมาถึงประเทศไทย และถูกกักตัวอยู่ในสนามบินสุวรรณภูมิ โดย ฟิล โรเบิร์ตสัน รองผู้อำนวยการองค์กรสิทธิมนุษยชนสากลประจำทวีปเอเชีย หรือฮิวเมนไรต์สวอตช์ (HRW - Human Rights Watch) ให้ความเห็นว่า ตัวเขาเองรู้สึกกังวลกับสถานการณ์ในขณะนี้ เนื่องจากครอบครัวของราฮาฟได้เดินทางมาถึงประเทศไทยแล้ว

"ตอนนี้พ่อของราฮาฟอยู่ในประเทศไทยแล้ว และนั่นเป็นสถานการณ์ที่น่ากังวลมาก เพราะเราไม่รู้เลยว่าเขาจะทำอย่างไรต่อไป เขาจะพยายามออกไปตามหาเธอ และทำร้ายเธอหรือไม่ เราไม่สามารถระบุได้เลย และเราก็ยังไม่รู้ด้วยว่าเขาจะเข้าไปเจรจากับทางสถานทูตเพื่อขออำนาจในการพบกับราฮาฟหรือไม่" ฟิล โรเบิร์ตสัน รองผู้อำนวยการ กล่าว

          ขณะที่ จูเซปเป เด วินเซนติส ตัวแทนจากสำนักข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ ประจำประเทศไทย กล่าวว่า รู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ทางการไทยทำตามความประสงค์ของราฮาฟ และไม่ส่งตัวเธอกลับซาอุฯ ตัวเขาได้เข้าพูดคุยกับราฮาฟแล้ว และขณะนี้ทางหน่วยงานกำลังอยู่ในช่วงทำเรื่องขอลี้ภัยให้กับเธอ ซึ่งกระบวนการนี้ไม่สามารถเร่งรัดหรือทำให้เสร็จได้ในทันทีทันใด มันจะต้องใช้ระยะเวลาหลายวัน ก่อนจะที่จะขยับไปสู่ขั้นตอนต่อไป

          ทั้งนี้ทางรัฐบาลออสเตรเลียก็ได้กดดันให้ทางหน่วยงานจัดการเรื่องนี้ให้ลุล่วงไปได้ในระยะเวลาที่รวดเร็วที่สุด และทางรัฐบาลกำลังพิจารณาจะว่าออกวีซ่าคุ้มครองด้านมนุษยชน (Humanitarian Visa) ให้กับราฮาฟ

          ทางด้าน สถานทูตซาอุดีอาระเบียประจำประเทศไทย ให้ความเห็นว่า เรื่องของราฮาฟเป็นปัญหาครอบครัว และชี้แจงว่าทางการซาอุฯ ไม่ได้เรียกร้อง หรือกดดันให้ส่งตัวเธอกลับประเทศ

อ่านข่าว
- สาวซาอุฯ วัย 18 หนีจากครอบครัว มาถูกกักตัวที่ไทย หวั่นถูกส่งกลับ กลัวพ่อฆ่าทิ้ง
- สาวซาอุฯ ดีใจ ได้พาสปอร์ตคืน UN พอใจไทยรับปากไม่ส่งตัวกลับ เตรียมส่งลี้ภัยออสเตรเลีย

พ่อสาวซาอุฯ บินถึงไทย ลั่นขอพบลูกสาวด่วน ต้องรอดูว่าจะได้พบหรือไม่