x close

NGO เผยประสบการณ์ช่วยเด็ก ป.6 ถูกบังคับแต่งงานกับชายวัย 50 พาน้องออกจากฝันร้าย


         ทีมงานองค์กรศูนย์เพื่อน้องหญิง เผยประสบการณ์ช่วยเหลือเด็กหญิงชนเผ่า ถูกครอบครัวบังคับขายให้แต่งงานกับชายวัย 50 ปี ชี้เป็นงานยาก เพราะครอบครัวไม่เข้าใจเรื่องกฎหมาย ก่อนจะสำเร็จได้ ใช้เวลาร่วม 1 ปี


        การละเมิดสิทธิเด็กนั้น ยังคงเป็นปัญหาที่มีความซับซ้อนและแก้ไขได้ยากในปัจจุบัน อันเนื่องมาจากความรู้ความเข้าใจทั้งของตัวพ่อแม่และของตัวเด็กเอง นั่นจึงเป็นสาเหตุให้องค์กรต่าง ๆ ได้มีการยื่นมือเข้าไปช่วยเหลือ จนทำให้เกิดเรื่องราวที่น่าประทับใจ และเป็นอุทาหรณ์ได้พร้อม ๆ กัน ดั่งเช่นเรื่องนี้

ช่วยเหลือเด็ก

        เมื่อวานนี้ (8 พฤศจิกายน 2562) ผู้ใช้เฟซบุ๊ก Chitrapon Vanaspong เจ้าหน้าที่องค์กรศูนย์เพื่อน้องหญิง ได้มีการโพสต์ข้อความแชร์ประสบการณ์ช่วยเหลือเด็กหญิงวัยประถม 6 ที่กำลังจะถูกครอบครัวขายให้ไปแต่งงานกับชาย อายุ 50 ปี โดยการทำงานดังกล่าวเป็นไปด้วยความยากลำบาก เนื่องจากครอบครัวเด็กหญิงเป็นชนเผ่าใน จ.เชียงราย ทำให้ไม่ค่อยเข้าใจในเรื่องของกฎหมาย ว่าเหตุใดจึงเข้าไปยุ่งในเรื่องของครอบครัวเขา ซึ่งพบว่าก่อนหน้านี้ครอบครัวนี้ก็ได้ขายลูกสาวคนโตให้ไปแต่งงานกับคนอายุมากกว่าแล้วด้วย

        โดยการช่วยเหลือดังกล่าวสืบเนื่องจาก คณะทำงาน ได้เข้าไปอบรมเรื่องสิทธิเด็กและการคุ้มครองเด็กให้เด็ก ๆ ป. 6 ในหมู่บ้าน และเด็กหญิงเองเป็นฝ่ายส่งจดหมายขอความช่วยเหลือให้พาตัวเธอออกไปจากบ้าน เนื่องจากพ่อแม่ จะบังคับให้เด็กแต่งงานกับคนอายุ 50 ปี หลังเรียนจบ ป.6 แต่เธอไม่อยากแต่งงาน และอยากที่จะเรียนต่อ

ช่วยเหลือเด็ก
        ทีมงานจึงลงพื้นที่ช่วยเหลืออย่างเต็มความสามารถ และพบว่า นอกจากเด็กคนนี้จะถูกพ่อแม่บังคับแต่งงานแล้ว พี่สาวของเด็กก็ถูกบังคับแต่งงานไปแล้วเช่นกัน นอกจากนี้ ทางทีมงานก็ได้ประสานไปที่ชายที่จะแต่งงานกับเด็กด้วย แต่ก็ได้รับคำกล่าวอ้างว่าไม่เป็นความจริง เพียงแค่เอ็นดูเด็กเท่านั้น

        ทั้งนี้ มีการประสานงานกับทีมสหวิชาชีพที่ทำงานตามขั้นตอนของ พ.ร.บ.คุ้มครองเด็ก และ พ.ร.บ.ค้ามนุษย์ ระดับจังหวัด แต่ทางทีมสหวิชาชีพระดับจังหวัด กลับมองว่ายังไม่ควรแยกเด็กออกมาจากครอบครัวเลย หากเป็นเคสข่มขืน เกิดเหตุแล้วถึงง่ายกว่า ทั้งที่ชายคนที่จะแต่งงานกับเด็ก ก็ยังวน ๆ เวียน ๆ อยู่แถวนั้น ทางทีมงานจึงได้ปรึกษากับทาง กทม. และทาง กทม. ก็แนะนำให้ทีมงานทำเรื่องถึงอธิบดีส่วนกลาง เพื่อให้มีการกระตุ้นในส่วนภาคจังหวัด ทว่า เมื่อส่วนกลางทำหนังสือถึงจังหวัดแล้ว ทางจังหวัดกลับแสดงความไม่พอใจ เนื่องจากทางจังหวัดให้เหตุผลว่าไม่สามารถพาเด็กออกมาจากครอบครัวได้ เนื่องจากเด็กยังไม่ได้ถูกล่วงละเมิดอะไร และเรื่องนี้ควรคุยกันในจังหวัดให้จบก่อน

        จนสุดท้ายหลายเดือนถัดมา ทางศูนย์ได้ไปจัดค่ายเด็กในหมู่บ้าน เด็กหญิงได้วิ่งหนีออกมาแล้วบอกว่าไม่อยากอยู่แล้ว ทางทีมงานจึงตัดสินใจพาออกมาทันที โดยให้ไปพักอยู่ที่ศูนย์ฯ ก่อนจะดำเนินการส่งต่อไปที่บ้านพักเด็ก และอีกด้านหนึ่งก็ไปเจรจากับครอบครัว โดยมีผู้ใหญ่บ้าน ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน ไปด้วย แต่ก็ยังไม่ได้รับความร่วมมือ แต่กลับทำให้พ่อและแม่เด็กโกรธถึงขั้นเอาไม้กวาดมาปัดหยากไย่ให้หล่นใส่ จนทางผู้นำชุมชนเกรงใจในความโกรธของแม่จึงเลี่ยงออกมายืนรอหน้าบ้านกันหมด จนสุดท้ายพ่อและแม่ยินยอมที่จะเข้าใจ ยอมให้ลูกสาวออกมาเรียนต่อ ซึ่งเคสดังกล่าวกินเวลายาวนานร่วม 1 ปี

        "องค์กรเอกชนระดับท้องถิ่นอย่างศูนย์เพื่อน้องหญิง มีบทบาทมากในการทำงานแบบ proactive ที่จะประสานงานกับหน่วยงานรัฐให้กับเคสในพื้นที่ นโยบายและกฎหมายคุ้มครองเด็กประเทศเราดีมาก แต่ในทางปฏิบัติ มันยังทำไม่ได้เพราะติดขัดหลายอย่าง เช่น ส่วนผู้นำชุมชนเอง เขามีตำแหน่งเป็นพนักงานคุ้มครองเด็ก แต่ตัวเขาไม่ได้ internalise ตำแหน่งนี้ เขาก็ยังอยู่ในกรอบของความคิดเดิมว่า "เราจะไปยุ่งอะไรกับเรื่องของครอบครัวที่พ่อแม่เค้าจะทำอะไรกับเด็กก็ได้" ฉะนั้น หน้าที่เค้าในการเป็นพนักงานคุ้มครองเด็กตามกฎหมาย ก็แทบจะไม่ได้ exercise เลยเนื่องจากข้อจำกัดในการคิดดังกล่าว" 

ช่วยเหลือเด็ก

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก เฟซบุ๊ก Chitrapon Vanaspong

เรื่องที่คุณอาจสนใจ
NGO เผยประสบการณ์ช่วยเด็ก ป.6 ถูกบังคับแต่งงานกับชายวัย 50 พาน้องออกจากฝันร้าย อัปเดตล่าสุด 9 พฤศจิกายน 2562 เวลา 09:59:59 13,756 อ่าน
TOP