ผู้เชี่ยวชาญเผยคดี 5 ครู 2 ลูกศิษย์ ข่มขืนนักเรียน เผยหมัดเด็ดลากเข้าคุกให้ระบุซิกเนเจอร์ รูปร่าง รายละเอียดเกี่ยวกับร่างกาย - อวัยวะเพศ
![ผู้เชี่ยวชาญ ผู้เชี่ยวชาญ]()
รายการ เรื่องลับมาก (no censor) ออกอากาศทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 14.20-15.00 น. ทางเนชั่นทีวี ช่อง 22 วันนี้ (12 พฤษภาคม 2563) "ดร.เสรี วงษ์มณฑา" เปิดใจสัมภาษณ์ ผศ. ร.ต.อ. ดร.วิเชียร ตันศิริคงคล อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา และ รศ. พ.ต.ท. ดร.กฤษณพงค์ พูตระกูล ผู้ช่วยอธิการบดี และประธานกรรมการสถาบันอาชญาวิทยา และการบริหารงานยุติธรรม ม.รังสิต กรณีอื้อฉาว ครูข่มขืนนักเรียน อายุต่ำกว่า 15 ปี
ทำไมคดีแบบนี้มักเจอบ่อย ๆ ที่ต่างจังหวัดมากกว่ากรุงเทพฯ ?
ดร.วิเชียร : คดีนี้ถ้าย้อนกลับไปดู จะมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นเยอะในสังคมไทย และมักเกิดที่ต่างจังหวัด ขอโทษนะไม่ได้แบ่งแยก วัฒนธรรมเด็กในต่างจังหวัดกับกรุงเทพฯ แตกต่างกัน เด็กต่างจังหวัดปัจจุบันส่วนใหญ่ โดยเฉพาะอำเภอรอบนอก เราให้ความเคารพกับครูสูงมาก ครูเหมือนพ่อแม่คนที่สองของเด็ก โรงเรียนในต่างจังหวัด ครูจะมีอิทธิพลในความคิดของเด็กค่อนข้างสูง
![ผู้เชี่ยวชาญ ผู้เชี่ยวชาญ]()
เป็นสาเหตุที่ทำให้ครูสามารถจูงใจเด็กจนข่มขืนเด็กได้ง่าย ?
ดร.วิเชียร : ก็มีหลายความเชื่อ อาจเป็นเพราะเด็กเชื่อฟังครู ก็เป็นช่องว่างที่ทำให้ครูบางคนที่คิดไม่ดี ไม่อยู่ในร่องในรอย ไปทำในลักษณะที่ไม่ถูกต้องกับเด็ก ซึ่งเด็กเขาจะปรึกษาใครล่ะ ปรึกษาเพื่อนก็ถูกครูขู่
ในฐานะเป็นตำรวจเก่า คดีแบบนี้สืบสวนยากไหม ?
ดร.วิเชียร : การข่มขืนหรือล่วงละเมิดโดยสมัครใจหรือไม่ใช้กำลัง แต่ใช้เทคนิคหรือเล่ห์อุบายค่อนข้างต่างกัน กรณีข่มขืนแล้วเด็กกลับบ้าน ผู้ปกครองเห็น กรณีอย่างนี้ครูไม่รอด โดนแน่นอน แต่ถ้าเป็นกรณี 5+2 แบบนี้ค่อนข้างมีปัญหา เพราะเด็กบอกครั้งแรกเป็นการขืนใจ ครั้งต่อมาก็ขืนใจเหมือนกัน แต่ว่าทุกครั้งไม่ได้ใช้กำลังประทุษร้าย ฉะนั้นร่องรอยที่เกิดขึ้นในระหว่างกระทำผิด หรือหลังกระทำผิด มันไม่มีการตรวจสอบ ผมไม่ได้พูดเข้าข้างผู้ต้องหา แต่จะบอกว่าในกรณีแบบนี้ถ้าผู้ต้องหามีทนายที่เก่ง และพนักงานสอบสวนไม่ได้ทุ่มเทเต็มที่ และร่วมมือกับอัยการในขั้นการสอบสวน พอถึงขั้นพิจารณาในศาล โอกาสที่ผู้ต้องหาจะรอดอาจจะมี
ถ้าเราจะฟังเด็กข้างเดียว โดยไม่ฟังผู้ต้องหาเลย จะเป็นความยุติธรรมกับทั้งสองฝ่ายไหม ?
ดร.วิเชียร : ถ้าพูดตามกระแส ทุกคนก็บอกว่า 5+2 นี่ผิด เป็นเดนมนุษย์ แต่ถ้าพูดในแง่กระบวนการหาความจริง กระบวนการยุติธรรม คนเริ่มเรื่องจริง ๆ น่าจะเป็นคุณย่าหรือคุณยายเด็ก ม.2 ที่ไปบอกคุณย่าคุณยาย คุณย่าคุณยายรู้ และบอกว่าเห็นคลิป สุดท้ายมาแจ้งความกับตำรวจ
กรณีเมียครูคนหนึ่งออกมายอมรับว่าผัวเขามีอะไรกับเด็กจริง จะมีผลกับคดียังไง ?
ดร.วิเชียร : ก็มีผลนะครับ ปกติภรรยาต้องช่วยสามี แต่การที่ภรรยามาบอกแบบนี้มันก็ทำให้คดีมีน้ำหนัก แต่ตำรวจก็ต้องไปสอบภรรยาว่ารู้ได้อย่างไร พนักงานสอบสวนต้องลิสต์แล้วครับว่าภรรยาก็คือหนึ่งในพยานฝ่ายโจทก์
ครูคนอื่น ๆ ที่ไม่มาพูดอะไรเลย จะสู้คดียังไง ?
ดร.วิเชียร : ประเด็นนี้สำคัญในการต่อสู้คดี เพราะครูที่อยู่ในโรงเรียนไม่ได้มีแค่ 5 คนที่ล่วงละเมิด มีหลายคน การที่ฟังความจากการที่เด็กบอกว่าเกิดขึ้นที่ไหนบ้าง เกิดขึ้นในบริเวณโรงเรียนหมดเลย ถ้าตำรวจหรืออัยการ หรือทนายฝ่ายจำเลยไปตรวจดู ปรากฏว่าบ้านติด ๆ กันหมด ก็เป็นเหตุยกมาต่อสู้ได้ว่าถ้ามีการล่วงละเมิดหลาย ๆ คนจะไม่มีใครเคยเห็นเลยเหรอ
เหมือนเป็นประโยชน์กับฝ่ายจำเลย ?
ดร.วิเชียร : ไม่ใช่ครับ ด้วยความเคารพครับ คดีแบบนี้กระบวนการพิสูจน์ความจริง ถ้าครูผิดจริงต้องลงโทษให้หนัก
แรงจูงใจคนเหล่านี้ คืออะไร ?
ดร.กฤษณพงค์ : ถ้าถามแรงจูงใจ จากข้อมูลทางวิชาการ เราพบว่าผู้ที่ตกเป็นเหยื่อการข่มขืนกระทำชำเรา มักเกิดจากความไว้เนื้อเชื่อใจคนใกล้ชิด กรณีนี้ก็เช่นกัน ต้องมาดูว่าครูผู้ก่อเหตุเขามองเด็กเหล่านี้อย่างไร อาจมองย้อนกลับไปภูมิหลังเขาด้วย ว่าเขาเคยมีประวัติก่อเหตุแบบนี้ไหม เพราะอาจจะเชื่อมโยงและเอาผิดจากครูได้อีก ตรงนี้มีความสำคัญ
ตำรวจต้องทำยังไงถึงได้ข้อเท็จจริง ว่ามันเริ่มต้นยังไง มันอยู่ได้นานเป็นปี ทำไมถึงยอม ?
ดร.กฤษณพงค์ : การข่มขืนกับสมยอมต่างกันทางการแพทย์ เคยคุยกับคุณหมอ เวลาคนถูกข่มขืน ร่องรอยการฉีกขาดจะแตกต่างจากคนที่มีความสมยอม อันนี้เป็นหนึ่งในข้อมูลพนักงานสอบสวนด้วย 1. ร่องรอยทางการแพทย์ 2. สถานที่เกิดเหตุ วัน เวลาด้วย เช่น บอกข่มขืน 10 โมง ในห้องติดห้องประชุม สมมตินะครับ ตำรวจก็จะถามต่อว่ามีการประชุมกันอยู่ไหม เขาจะได้ยินเสียงร้องขอความช่วยเหลือไหม ถ้าไม่ได้ยินขอความช่วยเหลือ สันนิษฐานว่าเหยื่อถูกใช้กำลังจนไม่สามารถร้องได้ไหม หรือเป็นการสมยอม ก็แล้วแต่กรณี
สถานที่ที่เกิด อาคารอเนกประสงค์ บ้านพักครูบ้าง ห้องเรียนบ้าง อะไรต่าง ๆ นานา ในเชิงการสอบสวน สถานที่ต่าง ๆ เหล่านี้ การสอบสวนจะเป็นยังไง ?
ดร.วิเชียร : ถ้าแจ้งข้อหาแล้ว พยานหลักฐานไม่มี หรือความน่าเชื่อถือของคำให้การของผู้เสียหาย ถ้าไปสืบพยานในชั้นศาลแล้วมันไม่มีน้ำหนัก แล้วสมมติ 7 คนนั้นกระทำผิดจริงแล้วหลุดขึ้นมา โห อันนั้นจะน่าเสียดายมาก
การที่เด็กไปบ้านพักครูจะสะท้อนอะไรในตัวเด็กไหม ?
ดร.กฤษณพงค์ : พนักงานสอบสวนเองก็จะมีการสอบปากคำผู้เสียหาย ว่าไปบ้านพักครูเพื่ออะไร เช่น คุณครูให้ไปหยิบกุญแจที่บ้านพักครู ส่วนเวลาสอบปากคำผู้ต้องหา ก็ขึ้นอยู่กับว่าเขาให้การอย่างไร เขาอาจปฏิเสธ หรือรับสารภาพครึ่งหนึ่งก็ได้ ว่าให้เด็กไปเอากุญแจ แต่ไม่ได้ทำอะไร อันนี้ก็ขึ้นอยู่กับการรวบรวมพยานหลักฐานของพนักงานสอบสวนและการสืบสวน
คนที่โดนข้อกล่าวหา เขาจะต่อสู้เรื่องสมยอมกับข่มขืนหรือเปล่า ?
ดร.วิเชียร : ข้อหาที่เขาโดนมากที่สุดคือคุณมีเซ็กส์กับเด็กอายุต่ำกว่า 15 จริงหรือเปล่า ถ้าคุณมีเซ็กส์ถือว่าผิด สมยอมไม่สมยอมผิดหมด เพราะเขาปกป้องเด็ก เด็กยังไม่มีการเจริญทางร่างกาย ความรู้สึก ยังไม่มีความรับผิดชอบ พอยต์คือตำรวจต้องชี้ว่าคุณมีเซ็กส์กับเด็กต่ำกว่าอายุ 15 ที่เป็นน้อง ม.2 คนนี้จริงหรือไม่ มีเซ็กส์หรือเปล่าคือประเด็น
แต่เมียเขาบอกว่ามีจริง ?
ดร.วิเชียร : อันนี้แค่ 1 ใน 7 นะครับท่าน
มีหมัดเด็ดอะไรน็อกให้ทั้ง 7 คนต้องรับโทษ ?
ดร.กฤษณพงค์ : คำถามนี้เรียนว่าตอบยากเหมือนกัน เพราะเหตุการณ์เกิดมาเป็นปีแล้ว การตรวจร่างกายเหยื่อผู้เสียหายทำได้ยากแล้ว แต่อาจใช้หลักฐานอย่างอื่น เช่น ผู้ต้องหามีการกล่าวว่าเขามีการถ่ายคลิปไว้ อาจเป็นหลักฐานสำคัญได้ ว่าคลิปเป็นการสมยอมหรือข่มขืน
มองว่าเขามีโอกาสติดคุกไหม ?
ดร.วิเชียร : ขึ้นอยู่กับกระบวนการในการรวบรวมพยานหลักฐานว่าศาลจะรับฟังแค่ไหน อย่างที่เรียนพอยต์สำคัญคือจะพิสูจน์ยังไง ว่า 7 คน กับเด็กมีความสัมพันธ์ทางเพศกัน สมยอมกับข่มขืนไม่ใช่ประเด็น แต่เท่าที่ฟังดูพยานที่เป็นพยานวัตถุที่สำคัญคือ คลิป ตัวแชตไลน์ แต่อย่างคลิปจะมีน้ำหนักพอหรือเปล่า มันเห็นหน้าชัดทั้ง 7 คนหรือเปล่า อย่างนี้มีปัญหา แล้วถ่ายวันไหน เวลาไหน ใช่คนนั้นจริงหรือเปล่า ทีนี้จะเอาเข้าคุกหรือไม่เข้าคุก ต้องไปดูแนวพิพากษาเก่า ๆ ที่เป็นคำพิพากษาเกี่ยวกับคดีล่วงละเมิดเด็กต่ำกว่า 15 ว่ามีองค์ประกอบอะไรบ้าง และเป็นหน้าที่ของพนักงานสอบสวนที่ต้องรวบรวมให้ครบ ถ้าจะให้ครบจริง ๆ ต้องมีพยานวัตถุ พยานบุคคล และถ้าง่ายที่สุดถ้าผู้เสียหายมีสิ่งต่าง ๆ เหล่านี้และความจำดีได้ ผู้ต้องหาไม่หลุดหรอกครับ
ในอเมริกา มีนักกีฬาคนหนึ่งที่เขาโดน ผู้หญิงสามารถบอกเครื่องเพศได้ชัดเจนเขาเลยโดน เมืองไทยเอาเรื่องแบบนี้มาใช้ได้ไหม ?
ดร.วิเชียร : ถ้าทนาย 7 คนเขามีประสบการณ์ อันนี้ที่พูดไม่ได้หมายความว่าแนะนำเขานะ อันนี้เล่าให้ฟัง ถ้าไปศึกษาบทเรียนต่างประเทศ จะมีทนายเก่ง ๆ ที่เขาพยายามปกป้องลูกความของเขา เขาบอกว่าถ้า 7 คนมีเซ็กส์กับน้อง น้องจำกายภาพ 7 คนนี้ได้ไหม เช่น มีไฝ มีปาน บางอย่างที่เป็นซิกเนเจอร์แต่ละคน ถ้าเด็กระบุได้ เช่น มีลักษณะอวัยวะอย่างนั้นอย่างนี้ คนนี้มีลักษณะเด่นแบบนี้ ตรงนี้จะมีน้ำหนัก
ศาลต้องไปเปิดดูไหม ?
ดร.วิเชียร : คงมีกระบวนการพิสูจน์ว่าจริงหรือเปล่า อย่างกรณีนักมวยต่างประเทศมีอวัยวะต่างจากคนอื่น หรือบางคนมีลักษณะทางกายภาพที่ต่างกัน อันนี้ไม่ได้พูดเพื่อชี้นำทนายฝั่งโน้นนะ แต่พูดเพื่อไม่ให้ผู้กระทำผิดเอาไปเป็นช่องว่างในการต่อสู้
ถ้าเขาจะพิสูจน์เรื่องท่าในการมีเซ็กส์ ท่าแบบไหนที่แปลว่าข่มขืน ท่าแบบไหนที่แปลว่าสมยอม ?
ดร.กฤษณพงค์ : จริง ๆ แล้วเวลามีการซักกันในศาล ทนายจะมีการตั้งคำถามที่บอกว่าถูกข่มขืนกระทำชำเรา ลักษณะท่าทางเป็นอย่างไร เพราะสรีระร่างกาย ผู้หญิงสู้แรงผู้ชายไมได้อยู่แล้วโดยปกติ ถ้าผู้หญิงไม่สมยอม แน่นอนต้องใช้กำลังบังคับขู่เข็ญ แต่ท่าที่มีการร่วมเพศบางท่าอาจจะบอกได้ว่าเป็นการสมยอม การซักในศาล พูดง่าย ๆ ว่าบางทีก็เหมือนข่มขืนซ้ำ เขาต้องศึกษาทั้งข้อกฎหมาย ฎีกาที่เคยมี และอาจมีการนำสืบประเด็นอื่นที่เกี่ยวข้องที่เชื่อมโยงว่าท่าลักษณะนี้ น่าจะเป็นการข่มขืน ไม่น่าจะสมยอม
มีเพื่อนครูออกมาให้กำลังใจครู 5 คน พูดจาเหมือนบอกว่านักเรียนแส่หาเรื่องเองไปที่บ้านเขา มองยังไง ?
ดร.กฤษณพงค์ : ก็มีความเป็นไปได้ว่าอาจเห็นอกเห็นใจ แต่ส่วนที่สองคือจริยธรรมความเป็นครู ต้องแยกกันนะ เช่น คุณเห็นใจแต่ไม่ได้หมายความว่าคุณจะบอกว่าสิ่งนี้ทำได้ โดยเฉพาะอาชีพความเป็นครู
ดร.วิเชียร : มีหลายคดีที่ครูเองระหว่างอยู่ในชั้นสอบสวน หรือชั้นไต่สวนในชั้นศาล สำนึกผิด กระแสสังคมหรือแม้กระทั่งคนในครอบครัวมีส่วนสำคัญ อย่างที่ภรรยาครูคนหนึ่งบอกว่ามีจริง ครอบครัวและสังคมจะมีส่วนทำให้ครูรู้สึกเองว่าสิ่งที่ตัวเองทำเหมาะสมหรือไม่เหมาะสม ถ้าสารภาพก็ติดแน่นอน แต่หนักจะเป็นเบา แต่ขณะเดียวกัน ไม่สารภาพ ไม่ยอมรับ แล้วไปสู้กันในชั้นศาล ตรงนี้กระบวนการสำคัญมาก การรวบรวมพยาน วัตถุ นำหลักฐานนิติวิทยาศาสตร์สำคัญมาก แต่ศาลปัจจุบันรับฟังหลักฐานนิติวิทยาศาสตร์เยอะนะครับ
![ผู้เชี่ยวชาญ ผู้เชี่ยวชาญ]()
![ผู้เชี่ยวชาญ ผู้เชี่ยวชาญ]()

รายการ เรื่องลับมาก (no censor) ออกอากาศทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 14.20-15.00 น. ทางเนชั่นทีวี ช่อง 22 วันนี้ (12 พฤษภาคม 2563) "ดร.เสรี วงษ์มณฑา" เปิดใจสัมภาษณ์ ผศ. ร.ต.อ. ดร.วิเชียร ตันศิริคงคล อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา และ รศ. พ.ต.ท. ดร.กฤษณพงค์ พูตระกูล ผู้ช่วยอธิการบดี และประธานกรรมการสถาบันอาชญาวิทยา และการบริหารงานยุติธรรม ม.รังสิต กรณีอื้อฉาว ครูข่มขืนนักเรียน อายุต่ำกว่า 15 ปี
ทำไมคดีแบบนี้มักเจอบ่อย ๆ ที่ต่างจังหวัดมากกว่ากรุงเทพฯ ?
ดร.วิเชียร : คดีนี้ถ้าย้อนกลับไปดู จะมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นเยอะในสังคมไทย และมักเกิดที่ต่างจังหวัด ขอโทษนะไม่ได้แบ่งแยก วัฒนธรรมเด็กในต่างจังหวัดกับกรุงเทพฯ แตกต่างกัน เด็กต่างจังหวัดปัจจุบันส่วนใหญ่ โดยเฉพาะอำเภอรอบนอก เราให้ความเคารพกับครูสูงมาก ครูเหมือนพ่อแม่คนที่สองของเด็ก โรงเรียนในต่างจังหวัด ครูจะมีอิทธิพลในความคิดของเด็กค่อนข้างสูง

เป็นสาเหตุที่ทำให้ครูสามารถจูงใจเด็กจนข่มขืนเด็กได้ง่าย ?
ดร.วิเชียร : ก็มีหลายความเชื่อ อาจเป็นเพราะเด็กเชื่อฟังครู ก็เป็นช่องว่างที่ทำให้ครูบางคนที่คิดไม่ดี ไม่อยู่ในร่องในรอย ไปทำในลักษณะที่ไม่ถูกต้องกับเด็ก ซึ่งเด็กเขาจะปรึกษาใครล่ะ ปรึกษาเพื่อนก็ถูกครูขู่
ในฐานะเป็นตำรวจเก่า คดีแบบนี้สืบสวนยากไหม ?
ดร.วิเชียร : การข่มขืนหรือล่วงละเมิดโดยสมัครใจหรือไม่ใช้กำลัง แต่ใช้เทคนิคหรือเล่ห์อุบายค่อนข้างต่างกัน กรณีข่มขืนแล้วเด็กกลับบ้าน ผู้ปกครองเห็น กรณีอย่างนี้ครูไม่รอด โดนแน่นอน แต่ถ้าเป็นกรณี 5+2 แบบนี้ค่อนข้างมีปัญหา เพราะเด็กบอกครั้งแรกเป็นการขืนใจ ครั้งต่อมาก็ขืนใจเหมือนกัน แต่ว่าทุกครั้งไม่ได้ใช้กำลังประทุษร้าย ฉะนั้นร่องรอยที่เกิดขึ้นในระหว่างกระทำผิด หรือหลังกระทำผิด มันไม่มีการตรวจสอบ ผมไม่ได้พูดเข้าข้างผู้ต้องหา แต่จะบอกว่าในกรณีแบบนี้ถ้าผู้ต้องหามีทนายที่เก่ง และพนักงานสอบสวนไม่ได้ทุ่มเทเต็มที่ และร่วมมือกับอัยการในขั้นการสอบสวน พอถึงขั้นพิจารณาในศาล โอกาสที่ผู้ต้องหาจะรอดอาจจะมี
ถ้าเราจะฟังเด็กข้างเดียว โดยไม่ฟังผู้ต้องหาเลย จะเป็นความยุติธรรมกับทั้งสองฝ่ายไหม ?
ดร.วิเชียร : ถ้าพูดตามกระแส ทุกคนก็บอกว่า 5+2 นี่ผิด เป็นเดนมนุษย์ แต่ถ้าพูดในแง่กระบวนการหาความจริง กระบวนการยุติธรรม คนเริ่มเรื่องจริง ๆ น่าจะเป็นคุณย่าหรือคุณยายเด็ก ม.2 ที่ไปบอกคุณย่าคุณยาย คุณย่าคุณยายรู้ และบอกว่าเห็นคลิป สุดท้ายมาแจ้งความกับตำรวจ
กรณีเมียครูคนหนึ่งออกมายอมรับว่าผัวเขามีอะไรกับเด็กจริง จะมีผลกับคดียังไง ?
ดร.วิเชียร : ก็มีผลนะครับ ปกติภรรยาต้องช่วยสามี แต่การที่ภรรยามาบอกแบบนี้มันก็ทำให้คดีมีน้ำหนัก แต่ตำรวจก็ต้องไปสอบภรรยาว่ารู้ได้อย่างไร พนักงานสอบสวนต้องลิสต์แล้วครับว่าภรรยาก็คือหนึ่งในพยานฝ่ายโจทก์
ครูคนอื่น ๆ ที่ไม่มาพูดอะไรเลย จะสู้คดียังไง ?
ดร.วิเชียร : ประเด็นนี้สำคัญในการต่อสู้คดี เพราะครูที่อยู่ในโรงเรียนไม่ได้มีแค่ 5 คนที่ล่วงละเมิด มีหลายคน การที่ฟังความจากการที่เด็กบอกว่าเกิดขึ้นที่ไหนบ้าง เกิดขึ้นในบริเวณโรงเรียนหมดเลย ถ้าตำรวจหรืออัยการ หรือทนายฝ่ายจำเลยไปตรวจดู ปรากฏว่าบ้านติด ๆ กันหมด ก็เป็นเหตุยกมาต่อสู้ได้ว่าถ้ามีการล่วงละเมิดหลาย ๆ คนจะไม่มีใครเคยเห็นเลยเหรอ
เหมือนเป็นประโยชน์กับฝ่ายจำเลย ?
ดร.วิเชียร : ไม่ใช่ครับ ด้วยความเคารพครับ คดีแบบนี้กระบวนการพิสูจน์ความจริง ถ้าครูผิดจริงต้องลงโทษให้หนัก
แรงจูงใจคนเหล่านี้ คืออะไร ?
ดร.กฤษณพงค์ : ถ้าถามแรงจูงใจ จากข้อมูลทางวิชาการ เราพบว่าผู้ที่ตกเป็นเหยื่อการข่มขืนกระทำชำเรา มักเกิดจากความไว้เนื้อเชื่อใจคนใกล้ชิด กรณีนี้ก็เช่นกัน ต้องมาดูว่าครูผู้ก่อเหตุเขามองเด็กเหล่านี้อย่างไร อาจมองย้อนกลับไปภูมิหลังเขาด้วย ว่าเขาเคยมีประวัติก่อเหตุแบบนี้ไหม เพราะอาจจะเชื่อมโยงและเอาผิดจากครูได้อีก ตรงนี้มีความสำคัญ
ตำรวจต้องทำยังไงถึงได้ข้อเท็จจริง ว่ามันเริ่มต้นยังไง มันอยู่ได้นานเป็นปี ทำไมถึงยอม ?
ดร.กฤษณพงค์ : การข่มขืนกับสมยอมต่างกันทางการแพทย์ เคยคุยกับคุณหมอ เวลาคนถูกข่มขืน ร่องรอยการฉีกขาดจะแตกต่างจากคนที่มีความสมยอม อันนี้เป็นหนึ่งในข้อมูลพนักงานสอบสวนด้วย 1. ร่องรอยทางการแพทย์ 2. สถานที่เกิดเหตุ วัน เวลาด้วย เช่น บอกข่มขืน 10 โมง ในห้องติดห้องประชุม สมมตินะครับ ตำรวจก็จะถามต่อว่ามีการประชุมกันอยู่ไหม เขาจะได้ยินเสียงร้องขอความช่วยเหลือไหม ถ้าไม่ได้ยินขอความช่วยเหลือ สันนิษฐานว่าเหยื่อถูกใช้กำลังจนไม่สามารถร้องได้ไหม หรือเป็นการสมยอม ก็แล้วแต่กรณี
สถานที่ที่เกิด อาคารอเนกประสงค์ บ้านพักครูบ้าง ห้องเรียนบ้าง อะไรต่าง ๆ นานา ในเชิงการสอบสวน สถานที่ต่าง ๆ เหล่านี้ การสอบสวนจะเป็นยังไง ?
ดร.วิเชียร : ถ้าแจ้งข้อหาแล้ว พยานหลักฐานไม่มี หรือความน่าเชื่อถือของคำให้การของผู้เสียหาย ถ้าไปสืบพยานในชั้นศาลแล้วมันไม่มีน้ำหนัก แล้วสมมติ 7 คนนั้นกระทำผิดจริงแล้วหลุดขึ้นมา โห อันนั้นจะน่าเสียดายมาก
การที่เด็กไปบ้านพักครูจะสะท้อนอะไรในตัวเด็กไหม ?
ดร.กฤษณพงค์ : พนักงานสอบสวนเองก็จะมีการสอบปากคำผู้เสียหาย ว่าไปบ้านพักครูเพื่ออะไร เช่น คุณครูให้ไปหยิบกุญแจที่บ้านพักครู ส่วนเวลาสอบปากคำผู้ต้องหา ก็ขึ้นอยู่กับว่าเขาให้การอย่างไร เขาอาจปฏิเสธ หรือรับสารภาพครึ่งหนึ่งก็ได้ ว่าให้เด็กไปเอากุญแจ แต่ไม่ได้ทำอะไร อันนี้ก็ขึ้นอยู่กับการรวบรวมพยานหลักฐานของพนักงานสอบสวนและการสืบสวน
คนที่โดนข้อกล่าวหา เขาจะต่อสู้เรื่องสมยอมกับข่มขืนหรือเปล่า ?
ดร.วิเชียร : ข้อหาที่เขาโดนมากที่สุดคือคุณมีเซ็กส์กับเด็กอายุต่ำกว่า 15 จริงหรือเปล่า ถ้าคุณมีเซ็กส์ถือว่าผิด สมยอมไม่สมยอมผิดหมด เพราะเขาปกป้องเด็ก เด็กยังไม่มีการเจริญทางร่างกาย ความรู้สึก ยังไม่มีความรับผิดชอบ พอยต์คือตำรวจต้องชี้ว่าคุณมีเซ็กส์กับเด็กต่ำกว่าอายุ 15 ที่เป็นน้อง ม.2 คนนี้จริงหรือไม่ มีเซ็กส์หรือเปล่าคือประเด็น
แต่เมียเขาบอกว่ามีจริง ?
ดร.วิเชียร : อันนี้แค่ 1 ใน 7 นะครับท่าน
มีหมัดเด็ดอะไรน็อกให้ทั้ง 7 คนต้องรับโทษ ?
ดร.กฤษณพงค์ : คำถามนี้เรียนว่าตอบยากเหมือนกัน เพราะเหตุการณ์เกิดมาเป็นปีแล้ว การตรวจร่างกายเหยื่อผู้เสียหายทำได้ยากแล้ว แต่อาจใช้หลักฐานอย่างอื่น เช่น ผู้ต้องหามีการกล่าวว่าเขามีการถ่ายคลิปไว้ อาจเป็นหลักฐานสำคัญได้ ว่าคลิปเป็นการสมยอมหรือข่มขืน
มองว่าเขามีโอกาสติดคุกไหม ?
ดร.วิเชียร : ขึ้นอยู่กับกระบวนการในการรวบรวมพยานหลักฐานว่าศาลจะรับฟังแค่ไหน อย่างที่เรียนพอยต์สำคัญคือจะพิสูจน์ยังไง ว่า 7 คน กับเด็กมีความสัมพันธ์ทางเพศกัน สมยอมกับข่มขืนไม่ใช่ประเด็น แต่เท่าที่ฟังดูพยานที่เป็นพยานวัตถุที่สำคัญคือ คลิป ตัวแชตไลน์ แต่อย่างคลิปจะมีน้ำหนักพอหรือเปล่า มันเห็นหน้าชัดทั้ง 7 คนหรือเปล่า อย่างนี้มีปัญหา แล้วถ่ายวันไหน เวลาไหน ใช่คนนั้นจริงหรือเปล่า ทีนี้จะเอาเข้าคุกหรือไม่เข้าคุก ต้องไปดูแนวพิพากษาเก่า ๆ ที่เป็นคำพิพากษาเกี่ยวกับคดีล่วงละเมิดเด็กต่ำกว่า 15 ว่ามีองค์ประกอบอะไรบ้าง และเป็นหน้าที่ของพนักงานสอบสวนที่ต้องรวบรวมให้ครบ ถ้าจะให้ครบจริง ๆ ต้องมีพยานวัตถุ พยานบุคคล และถ้าง่ายที่สุดถ้าผู้เสียหายมีสิ่งต่าง ๆ เหล่านี้และความจำดีได้ ผู้ต้องหาไม่หลุดหรอกครับ
ในอเมริกา มีนักกีฬาคนหนึ่งที่เขาโดน ผู้หญิงสามารถบอกเครื่องเพศได้ชัดเจนเขาเลยโดน เมืองไทยเอาเรื่องแบบนี้มาใช้ได้ไหม ?
ดร.วิเชียร : ถ้าทนาย 7 คนเขามีประสบการณ์ อันนี้ที่พูดไม่ได้หมายความว่าแนะนำเขานะ อันนี้เล่าให้ฟัง ถ้าไปศึกษาบทเรียนต่างประเทศ จะมีทนายเก่ง ๆ ที่เขาพยายามปกป้องลูกความของเขา เขาบอกว่าถ้า 7 คนมีเซ็กส์กับน้อง น้องจำกายภาพ 7 คนนี้ได้ไหม เช่น มีไฝ มีปาน บางอย่างที่เป็นซิกเนเจอร์แต่ละคน ถ้าเด็กระบุได้ เช่น มีลักษณะอวัยวะอย่างนั้นอย่างนี้ คนนี้มีลักษณะเด่นแบบนี้ ตรงนี้จะมีน้ำหนัก
ศาลต้องไปเปิดดูไหม ?
ดร.วิเชียร : คงมีกระบวนการพิสูจน์ว่าจริงหรือเปล่า อย่างกรณีนักมวยต่างประเทศมีอวัยวะต่างจากคนอื่น หรือบางคนมีลักษณะทางกายภาพที่ต่างกัน อันนี้ไม่ได้พูดเพื่อชี้นำทนายฝั่งโน้นนะ แต่พูดเพื่อไม่ให้ผู้กระทำผิดเอาไปเป็นช่องว่างในการต่อสู้
ถ้าเขาจะพิสูจน์เรื่องท่าในการมีเซ็กส์ ท่าแบบไหนที่แปลว่าข่มขืน ท่าแบบไหนที่แปลว่าสมยอม ?
ดร.กฤษณพงค์ : จริง ๆ แล้วเวลามีการซักกันในศาล ทนายจะมีการตั้งคำถามที่บอกว่าถูกข่มขืนกระทำชำเรา ลักษณะท่าทางเป็นอย่างไร เพราะสรีระร่างกาย ผู้หญิงสู้แรงผู้ชายไมได้อยู่แล้วโดยปกติ ถ้าผู้หญิงไม่สมยอม แน่นอนต้องใช้กำลังบังคับขู่เข็ญ แต่ท่าที่มีการร่วมเพศบางท่าอาจจะบอกได้ว่าเป็นการสมยอม การซักในศาล พูดง่าย ๆ ว่าบางทีก็เหมือนข่มขืนซ้ำ เขาต้องศึกษาทั้งข้อกฎหมาย ฎีกาที่เคยมี และอาจมีการนำสืบประเด็นอื่นที่เกี่ยวข้องที่เชื่อมโยงว่าท่าลักษณะนี้ น่าจะเป็นการข่มขืน ไม่น่าจะสมยอม
มีเพื่อนครูออกมาให้กำลังใจครู 5 คน พูดจาเหมือนบอกว่านักเรียนแส่หาเรื่องเองไปที่บ้านเขา มองยังไง ?
ดร.กฤษณพงค์ : ก็มีความเป็นไปได้ว่าอาจเห็นอกเห็นใจ แต่ส่วนที่สองคือจริยธรรมความเป็นครู ต้องแยกกันนะ เช่น คุณเห็นใจแต่ไม่ได้หมายความว่าคุณจะบอกว่าสิ่งนี้ทำได้ โดยเฉพาะอาชีพความเป็นครู
ดร.วิเชียร : มีหลายคดีที่ครูเองระหว่างอยู่ในชั้นสอบสวน หรือชั้นไต่สวนในชั้นศาล สำนึกผิด กระแสสังคมหรือแม้กระทั่งคนในครอบครัวมีส่วนสำคัญ อย่างที่ภรรยาครูคนหนึ่งบอกว่ามีจริง ครอบครัวและสังคมจะมีส่วนทำให้ครูรู้สึกเองว่าสิ่งที่ตัวเองทำเหมาะสมหรือไม่เหมาะสม ถ้าสารภาพก็ติดแน่นอน แต่หนักจะเป็นเบา แต่ขณะเดียวกัน ไม่สารภาพ ไม่ยอมรับ แล้วไปสู้กันในชั้นศาล ตรงนี้กระบวนการสำคัญมาก การรวบรวมพยาน วัตถุ นำหลักฐานนิติวิทยาศาสตร์สำคัญมาก แต่ศาลปัจจุบันรับฟังหลักฐานนิติวิทยาศาสตร์เยอะนะครับ








