x close

ไล่ไทม์ไลน์ อาการป่วยน้องอมยิ้ม พบอาเจียนเป็นเลือดตั้งแต่ต้นปี 61

          ย้อนไทม์ไลน์ อาการป่วยน้องอมยิ้ม พบเริ่มอาเจียนเป็นเลือดตั้งแต่ต้นปี 2561 สุดทรมานเข้า-ออกรักษาตัวที่โรงพยาบาล 1 ปีเต็ม


แม่ปุ๊ก

          จากกรณีโลกออนไลน์มีการแฉพฤติกรรมของ แม่ปุ๊ก คุณแม่เลี้ยงเดี่ยว ที่ถูกดำเนินคดีในข้อหาฉ้อโกงทรัพย์ จนนำไปสู่การจับพิรุธถึงอาการป่วยประหลาดของลูกทั้ง 2 คน ที่มีการตั้งสมมุติฐานว่า แม่ปุ๊กวางยาลูกหรือไม่นั้น

อ่านข่าว : แม่ปุ๊ก ถูกสงสัย ฮุบเงินบริจาค 20 ล้าน หลัง น้องอมยิ้ม - น้องอิ่มบุญ ป่วย

          อย่างไรก็ตาม เมื่อย้อนกลับมาตรวจสอบก็พบว่า ทางเพจ HerKid รวมพลคนเห่อลูก ได้มีการเปิดเผยเรื่องราวของแม่ปุ๊ก และอาการป่วยของน้องเอ (นามสมมุติ) โดยพบว่า น้องเอเริ่มมีอาการครั้งแรกประมาณเดือนธันวาคม ปี 2560 ด้วยอาการหน้าบวม ตาบวม และอาเจียน ซึ่งก่อนหน้านั้น น้องเอเป็นหวัด จึงไปหาหมอที่คลินิกและได้ยามากิน หลังจากกินยาได้ 1 วัน ก็มีอาการตาบวม หน้าบวม แม่จึงพาน้องเอไปหาหมอที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง และแอดมิตเป็นเวลา 3 วัน โดยคุณหมอวินิจฉัยว่า แพ้ยาฆ่าเชื้อ Azithromycin จึงทำให้เป็นจุดเริ่มต้นการเกิดภูมิแพ้ของน้องเอ และมี Adrenaline เป็นยาฉีดติดตัวตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา

          - ช่วงเดือนมกราคม ปี 2561 น้องเอมีอาการหน้าบวม ตาบวมอีกครั้ง และอาเจียนเป็นสีขาว ลักษณะเป็นฟอง หายใจเหนื่อย แม่จึงตัดสินใจฉีดยา Adrenaline ให้น้อง และนำส่งโรงพยาบาล ซึ่งหมอวินิจฉัยว่า น้องแพ้อาหาร แต่ยังไม่สามารถบ่งบอกได้ว่าแพ้อะไร

          - วันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2561 น้องเอเริ่มทำการทดสอบภูมิแพ้ทางผิวหนัง (Skin Test Allergy) เป็นครั้งแรก ผลออกมาว่า น้องแพ้แป้งสาลี ไข่ขาว ถั่วเปลือกแข็ง อาหารทะเล กุ้ง หอย และเนื้อวัว

          - ช่วงเดือนมีนาคม 2561 น้องเอแอดมิตอีก 2-3 ครั้ง ครั้งละ 2-3 วัน ด้วยอาการแพ้อาหาร คุณหมอสันนิษฐานว่าเป็นการแพ้แป้งสาลีอย่างรุนแรง ทั้ง ๆ ที่แม่ระวังแล้วเกือบทุกอย่าง

          - ปลายเดือนเมษายน 2561 น้องเอแอดมิตอีกครั้ง เนื่องจากคอ ตา ปาก มีอาการบวม รวมถึงอาเจียนเป็นสีขาว ลักษณะเป็นฟอง คุณหมอได้ซักประวัติแม่ และวินิจฉัยว่า แม่พาน้องไปให้อาหารปลา และน้องหายใจสูดดมแป้งสาลีเข้าไป จึงทำให้เกิดการแพ้ภายใน

          - ช่วงเดือนมิถุนายน 2561
น้องเอทำการทดสอบภูมิแพ้เกี่ยวกับสิ่งแวดล้อม ผลที่ได้คือ น้องแพ้ไรฝุ่น ยุง แมลงสาบ นุ่น ขนสัตว์ หลังจากนั้นแม่ก็ระวังเกือบทุกอย่าง
 
          - ช่วงเดือนกรกฎาคม-ตุลาคม 2561 น้องเกิดการแพ้ อาเจียน และเลือดกำเดาไหลอยู่บ่อย ๆ และต้องแอดมิตทุกครั้ง ครั้งละ 2-3 วัน ทุกครั้งแม่จะฉีด Adrenaline ให้น้อง ก่อนพาไปโรงพยาบาล เพราะน้องจะมีอาการเหนื่อยมากทุกครั้ง สิ่งที่น่าสังเกตคือทุกครั้งที่น้องอาเจียน จะเป็นฟองสีขาว มีไขมันลอยออกมา และความดันอยู่ที่ 130-140 ตลอด ซึ่งพยาบาลที่มาวัดความดันก็บอกแม่ว่าเป็นปกติของเด็ก

          - วันที่ 7 พฤศจิกายน 2561
เวลาประมาณ 08.00 น. น้องเอเริ่มอาเจียนอย่างรุนแรงอีกครั้ง ซึ่งครั้งนี้เป็นก้อนสีดำ แต่ไม่มีอาการร่วมอย่างอื่น แม่จึงซื้อเกลือแร่มาให้กิน สักพักน้องก็อาเจียนอีก เป็นก้อนสีดำเหมือนเดิม จนกระทั่งราว ๆ 18.00 น. แม่ได้เช็ดตัวให้น้อง ซึ่งน้องก็อาเจียนออกมาอีกครั้ง มีก้อนเลือดดำในปริมาณมาก ก่อนน้องจะหมดแรง แม่จึงฉีด Adrenaline และพาน้องส่งโรงพยาบาล ซึ่งระหว่างทางการหายใจของน้องไม่ดีขึ้น แม่จึงฉีด Adrenaline อีกรอบ เมื่อถึงโรงพยาบาล น้องได้เข้าห้องฉุกเฉินผู้ป่วยวิกฤต และฉีด Adrenaline อีก 1 รอบ รวมถึงทำหัตถการต่าง ๆ ให้ออกซิเจน หลังจากนั้นก็ขึ้นแอดมิตหอผู้ป่วยเด็กปกติ ผลการเอกซเรย์ปอดปกติ แต่น้องหายใจหอบเหนื่อยมาก ไม่กลืนน้ำลาย และไม่พูด

          - วันที่ 8 พฤศจิกายน 2561
เวลาประมาณ 05.30 น. มีการทำเอกซเรย์คอ พบว่า หลอดลมบวม น้องหายใจไม่ออก จนเวลา 10.00 น. อาจารย์หมอสั่งย้ายเข้ารักษาที่ห้อง PICU ซึ่งน้องรักษาตัวครั้งนั้นประมาณ 10 วัน โดยหมอวินิจฉัยว่าแพ้แป้งสาลี และได้มีการอบรมเรื่องการดูแลน้องกับแม่อีกครั้ง

          - หลังออกจากโรงพยาบาลมาได้ 1 วัน น้องกลับมาอาเจียนเป็นเลือดอีกครั้ง หมอวินิจฉัยว่า น้องเป็นภูมิแพ้ทางจมูก มีอาการจมูกบวม มีก้อนเนื้อในโพรงจมูก จึงเก็บชิ้นเนื้อไปตรวจ และบอกว่าเลือดนั้นมาจากเลือดกำเดาที่ไหลลงคอ ทำให้อาเจียนเป็นเลือด น้องจึงต้องแอดมิตอีก 1 อาทิตย์ ก่อนกลับบ้าน

          - ผ่านมาอีก 2 วัน น้องอาเจียนเป็นเลือดอีกครั้งในปริมาณมาก เนื่องจากวันนั้นน้องมีนัดตรวจติดตามอาการ ซึ่งหมอบอกว่าไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง ทุกอย่างปกติ และให้กลับบ้านได้

          - น้องเอยังคงอาเจียนเป็นเลือดทุกวัน และมีอาการเพลียจนคนรอบข้างสังเกตได้ ผ่านไปอีก 3 วัน แม่ทนไม่ไหวจึงพาน้องไปรักษาอีกโรงพยาบาลหนึ่ง เพราะคิดว่าก้อนเนื้อที่เจอในโพรงจมูกต้องไม่ปกติแน่ ๆ ปรากฏว่าโรงพยาบาลนั้นไม่มีหมอเด็ก แม่จึงพาน้องขึ้นรถกลับมาที่โรงพยาบาลเดิมอย่างไม่มีทางเลือก มาถึงห้องฉุกเฉินหมอก็ให้น้ำเกลือและเจาะเลือด ซึ่งผลเจาะเลือดหมอบอกว่าปกติ และให้น้องกลับบ้านได้ แม่ทนไม่ไหวจึงอาละวาด หมอจึงยอมให้นอนดูอาการ

          - น้องอยู่โรงพยาบาลอีกเกือบอาทิตย์ ไม่มีอะไรผิดปกติ จนวันที่หมอจะให้น้องออกจากโรงพยาบาล แม่ขอให้หมอเอาน้ำเกลือและยาทางสายออก และขอใช้ชีวิตปกติเหมือนอยู่ที่บ้านอีก 1-2 วัน ซึ่งวันต่อมาน้องเอก็อาเจียนเป็นเลือดอีกครั้ง

          - หมอพาน้องเอไปส่องกล้องที่จมูก หู และคอ เพื่อหาแผล ผลสรุปออกมาว่าเลือดกำเดาไหลลงคอ ซึ่งหมอก็บอกว่าถ้าแม่ไม่มั่นใจ หมอจะประสานส่งตัวไปที่อื่นให้ เพราะหมอสรุปได้เท่านี้ แม่ได้พยายามติดต่ออาจารย์ที่ศิริราช เพื่อขอนัดส่องกล้อง

แม่ปุ๊ก
ภาพจาก CH3Thailand News

          - วันที่ 19 ธันวาคม 2561
ตอนเช้าน้องเออาเจียนเป็นเลือดอีกครั้ง ผลตรวจชิ้นเนื้อไม่มีอะไรผิดปกติ หมอบอกว่าทุกอย่างปกติ

          - วันที่ 20 ธันวาคม 2561 น้องอาเจียนอีกครั้งในตอนเช้า และมีอาการหนักมาก แม่จึงโทรศัพท์หาโรงพยาบาลในละแวกบ้านทุกที่ว่ามีโปรแกรมส่องกล้องทางเดินอาหารหรือไม่ ปรากฏว่าที่โรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ มีส่องกล้องทางเดินอาหาร แม่จึงเล่าอาการให้หมอฟัง ก่อนพาน้องส่งโรงพยาบาลอย่างเร่งด่วน

         
- เวลา 12.30 น. เมื่อมาถึงโรงพยาบาล น้องอาเจียนเป็นเลือดตลอดทางไม่มีหยุด พอถึงห้องฉุกเฉิน หมอฉีดยาแก้อาเจียนและกระตุ้นหัวใจ ส่วนอาการในช่องท้อง พบเลือดในกระเพาะเยอะประมาณ 60 CC หลังจากสวนออก น้องก็หยุดอาเจียน เพลียและหลับไป หมอจึงให้แอดมิตขึ้นวอร์ดผู้ป่วย

         
- เวลา 16.30 น. อาจารย์หมอขึ้นตรวจ พบว่า น้องเอช็อก ซีด ขาดเลือด ขาดน้ำ ความดันสูง จึงสั่งแอดมิต PICU มีการให้เลือด ให้ยา มีการเจาะมือ 2 ข้าง เจาะที่คอ และเจาะ Central Line รวมถึงเจาะใส่สายเส้นเลือดดำ และเส้นเลือดแดง ใส่สายสวนฉี่ สายทางจมูก และน้องถูกมัดมือกับเท้าด้วย

          - วันที่ 21 ธันวาคม 2561 น้องได้รับการส่องกล้องทางเดินอาหารส่วนต้น ผลปรากฏว่าทางเดินอาหารของน้องมีแผลตั้งแต่หลอดลมไล่ไปถึงกระเพาะอาหาร มีแผลยับเยิน บอบช้ำ หมอใช้คำว่าน้องเก่งมากที่ทนมาได้ขนาดนี้ โดยวินิจฉัยว่า ทางเดินอาหารอักเสบอย่างรุนแรง

          - วันที่ 22 ธันวาคม 2561 อาจารย์ทาง PICU คุยกับแม่เกี่ยวกับแนวทางและซักประวัติเพิ่มเติม ผลปรากฏว่าความดันน้องสูงมาก สูงกว่าผู้ใหญ่บางคนด้วยซ้ำ หมอจึงนัดทำ MRA และเอคโค่หัวใจ

          - วันที่ 23 ธันวาคม 2561 น้องทำเอคโค่หัวใจ ผลปรากฏว่าหัวใจโต เนื่องจากน้องน่าจะมีเรื่องความดันมานาน ต้องรีบหาสาเหตุของความดันให้ได้

          - วันที่ 24 ธันวาคม 2561 น้องทำ MRA เพื่อดูเรื่องเส้นเลือดในทางเดินอาหาร ไต และหาสาเหตุของความดัน

          - วันที่ 28 ธันวาคม 2561 หมอส่องกล้องทางเดินอาหารอีกรอบ พบว่าแผลลดน้อยลง ทุกอย่างเป็นไปด้วยดี

          - วันที่ 30 ธันวาคม 2561 น้องย้ายมาพักในหอผู้ป่วยธรรมดาได้แล้ว

          - วันที่ 2 มกราคม 2562 น้องได้อาสาสมัครในวัยเดียวกันมาเทียบผลเลือดค่าความดัน ซึ่งผลออกมาตามที่แม่ได้อัปเดตหน้าเฟซบุ๊กกับโรคเรนินโนม่าห์

          - วันที่ 4 มกราคม 2562 เวลา 19.00 น. น้องอาเจียนออกมาอีกครั้ง ครั้งแรกเป็นอาหารธรรมดา และครั้งที่ 2 เป็นอาหารปนเลือด หมอสั่งให้น้ำเกลือและงดน้ำ-อาหารในคืนนั้นดูอาการ

          - วันที่ 5 มกราคม 2562 เวลา 01.00-05.00 น. น้องปัสสาวะราดเป็นระยะ กลั้นปัสสาวะไม่ได้ กระทั่งเวลา 05.30 น. อาเจียนปนเลือดออกมาอีกครั้ง ต่อมาเวลา 07.40 น. น้องอาเจียนเป็นสีดำในปริมาณเยอะเกือบ 500 CC หมอให้ยาและสั่งย้ายลง PICU อีกครั้ง

          - วันที่ 6 มกราคม 2562
หมอบอกกับแม่ว่าอาการภายนอกน้องดูปกติมาก แต่หัวใจเต้นสวิงไปมาเหมือนคนติดเชื้อแต่วัดไข้ไม่ขึ้น หมอบอกว่าค่อนข้างบอกยาก เพราะน้องได้รับสเตียรอยด์อยู่ ซึ่งมันอาจกดอาการต่าง ๆ ไว้ไม่ให้แสดงออกมา และมีภาวะติดเชื้อในกระแสเลือด

          - วันที่ 7 มกราคม 2562 น้องย้ายขึ้นมาจาก PICU ไม่มีอาการอาเจียน และอาการต่าง ๆ อยู่ในขั้นที่เรียกได้ว่าดี

          - หลังจากนั้นน้องอาการดีขึ้นตามลำดับ ยิ้มได้ ร่าเริง มีการจำกัดเรื่องการกินอาหารหลายอย่าง สิ่งที่น้องกินได้ คือ ข้าว ไก่ เกลือ และผักบางชนิดเท่านั้น แม้แต่นม ก็ต้องกินนมสูตรพิเศษ ระหว่างนั้นได้ให้สเตียรอยด์เพื่อทำการรักษาอยู่ตลอด น้องมีอาการหน้าบวม ตัวบวม ซึ่งเป็นผลข้างเคียงจากสเตียรอยด์ คุณหมอส่งแผนจะลดสเตียรอยด์ทุก 3 วัน ถ้าลดได้เรื่อย ๆ จะกลับบ้านได้ ณ ตอนนั้น น้องได้สเตียรอยด์อยู่ที่ 15 มิลลิกรัมต่อวัน

          - วันที่ 13 มกราคม 2562
เป็นวันแรกที่ลดสเตียรอยด์ลง 2.5 มิลลิกรัม หรือครึ่งเม็ด ในมื้อแรก น้องมีอาการปวดท้อง ในเวลากลางคืน คืนนั้นผ่านไปด้วยดี

          - วันที่ 14 มกราคม 2562 วันที่ 2 ของการลดสเตียรอยด์ เวลาประมาณ 08.00 น. หลังการกินสเตียรอยด์วันที่ 2 น้องอาเจียนมาเป็นก้อนเลือด จนล้มกลางกองเลือด พยาบาลได้พยุงน้องขึ้นมา และให้ยาสเตียรอยด์แบบฉีดทันที ในระหว่างนั้นน้องอาเจียนเป็นก้อนเลือดออกมาตลอดเวลา เยอะกว่าทุกครั้งที่เป็นมา

          - คุณหมอสั่งให้เลือดน้องทดแทนปริมาณที่อาเจียนออกมา มีการคำนวณการสูญเสียน้ำและเลือดตลอดเวลา และย้ายลง PICU เป็นครั้งที่ 3 ระยะเวลา 08.00-13.00 น. น้องอาเจียนออกมาเป็นเลือดตลอดเวลา ถ้านับเป็นครั้งคือ 12-13 ครั้ง น้องได้รับการสวนกระเพาะเพื่อหยุดการอาเจียน แต่ผลคือจากเลือดดำกลายเป็นเลือดแดงออกมา ครั้งนั้นคือครั้งที่แม่ท้อที่สุด แม่คิดว่าน้องอาจจะทนไม่ไหวแล้ว น้องเจาะเส้นเลือดใหญ่ที่คออีกครั้ง เพื่อให้ยา ความดันสูงตลอดเวลา ชีพจรเต้นเร็วจนน่าตกใจ คุณหมอสั่งเพิ่มสเตียรอยด์ ให้น้องอยู่ที่ 30 มิลลิกรัมต่อวัน หลังจากนั้น เลือดในกระเพาะหยุดไหลและอาการน้องดีขึ้นตามลำดับ น้องอยู่ใน PICU อีก 4 วัน 3 คืน จนย้ายออกมาในวันที่ 17 มกราคม 2562

          - อาการน้องดีขึ้นเรื่อย ๆ แต่มีอาการบวมจากสเตียรอยด์อีกครั้ง และภาวะจิตใจค่อนข้างแย่ ซึม ไม่ร่าเริง และหวาดกลัว แต่อาการทางร่างกายดีขึ้นตามลำดับ เมื่ออาการน้องทรงตัวดี คุณหมอจึงวางแผนที่จะลดยาอีกครั้ง ทำอย่างระมัดระวังและเฝ้าดูอาการตลอดเวลา

          - วันที่ 22 มกราคม 2562 เริ่มลดสเตียรอยด์ครั้งแรก 3 วันผ่านไปด้วยดี

          - วันที่ 25 มกราคม 2562 เริ่มลดสเตียรอยด์ครั้งที่ 2 น้องอาเจียนออกมาอีกครั้ง ครั้งเดียว แต่มีอาการปวดท้องตลอดเวลา วันนั้นจึงเฝ้าระวังอาการอย่างใกล้ชิด

          - วันที่ 26 มกราคม 2562 น้องอาเจียนออกมาอีกครั้ง ประมาณ 300 CC จึงต้องย้ายน้องไปที่ห้อง PICU อีกรอบเป็นครั้งที่ 4 ครั้งนี้ความทรมานใจของแม่เกิดขึ้นมาก เพราะสภาวะจิตใจน้องแย่มากถึงมากที่สุด

          - ทีมแพทย์สรุปกันว่า อาการของน้องอยู่ได้เพราะสเตียรอยด์ และลงความเห็นว่าจะยังไม่ลดสเตียรอยด์อีก น้องอยู่ PICU อีก 3 วัน 2 คืน จึงย้ายขึ้นห้องปกติ ด้วยอาการของน้องที่มีความหวาดกลัว หวาดระแวง และภาวะการรับสเตียรอยด์ที่สูงมาก ทำให้น้องภูมิคุ้มกันต่ำ ติดเชื้อง่าย แม่จึงตัดสินใจให้น้องอยู่ห้องเดี่ยว

          - สิ่งที่เกิดขึ้นหลังจากขึ้นจาก PICU รอบนี้คือ อาการหวาดกลัวทุกสิ่งทุกอย่าง ติดเตียง น้องเริ่มปวดขาและเดินไม่ได้ ผลทุกอย่างเกิดจากสเตียรอยด์ คุณหมอหาทางลดสเตียรอยด์ โดยการเพิ่มยาอีกตัวเข้ามาเพื่อประคองอาการ ก่อนจะลดสเตียรอยด์ แต่คงใช้เวลาอีกสักพักใหญ่ ซึ่งน้องได้รับการบำบัดทั้งทางร่างกายและจิตใจ ทีมแพทย์ทุกท่านดูแลน้องเป็นอย่างดี

แม่ปุ๊ก
ภาพจาก CH3Thailand News

ขอบคุณข้อมูลจาก เว็บไซต์ Herkid.com

เรื่องที่คุณอาจสนใจ
ไล่ไทม์ไลน์ อาการป่วยน้องอมยิ้ม พบอาเจียนเป็นเลือดตั้งแต่ต้นปี 61 อัปเดตล่าสุด 27 พฤษภาคม 2563 เวลา 18:47:19 41,890 อ่าน
TOP