ร่างทรงวัย 70 อ้างวิญญาณน้องชมพู่เข้าร่าง เผยรูปพรรณคนร้าย เป็นชายผมยาว มีมากกว่า 1 เป็นคนไทยและลาว ป้าน้องชมพู่เชื่อวิญญาณหลานจริง หลังร่างทรงเรียกชื่อคนในบ้านถูกหมด
ภาพจาก รายการทุบโต๊ะข่าว
เมื่อวานนี้ (14 มิถุนายน 2563) รายการทุบโต๊ะข่าว รายงานความคืบหน้า คดีน้องชมพู่ เด็กหญิงอายุ 3 ขวบ หายตัวไปจากบ้านก่อนพบกลายเป็นศพบนเขาภูเหล็กไฟ ซึ่งผ่านมาแล้ว 1 เดือน ยังไม่สามารถจับตัวคนร้ายได้ โดยครอบครัวน้องชมพู่ นำโดยนางสมพร และนายไชย์พล ป้ากับลุง เดินทางไปพบร่างทรงหญิง อายุ 70 ปี ตามคำแนะนำของชาวบ้าน เพื่อสอบถามเรื่องของหลานสาว
โดยในตอนแรกร่างทรงอ้างว่าจะไม่ทรงให้ เนื่องจากกลัวอันตราย ก่อนยินยอมภายหลัง ซึ่งพิธีจะมีการรับขันธ์ 5 จำนวน 2 ขันธ์ และขันธ์ 8 จำนวน 1 ขันธ์ และต้องเขียนชื่อ-นามสกุล อายุ ที่อยู่ สาเหตุการตาย สถานที่ตาย และชื่อผู้เชิญวิญญาณ ที่ระบุความสัมพันกับคนตายลงกระดาษ และหลังรับขันธ์ ร่างทรงจากที่เสียงใหญ่และทุ้ม ก็เปลี่ยนเป็นเสียงเด็ก คำแรกที่พูดคือ แม่ แม่ แม่จ๋า ทำให้นางสมพร หรือป้าแต๋น ป้าน้องชมพู่ถึงกับน้ำตาไหล ก่อนที่ร่างทรงจะถามถึงโอม ลูกของป้าแต๋นที่สนิทกัน
ภาพจาก รายการทุบโต๊ะข่าว
ภาพจาก รายการทุบโต๊ะข่าว
ร่างทรงถามหาแม่ทิ้งท้าย โดยนางสมพรบอกว่าแม่ติดธุระทำให้มาไม่ได้ ก่อนที่ร่างทรงจะบอกว่าคิดถึงแม่แล้วทรงก็ออกทันที
ภาพจาก รายการทุบโต๊ะข่าว
นางสมพร กล่าวว่า ส่วนตัวเชื่อว่าวิญญาณที่เข้าทรงคือน้องชมพู่จริง ทั้งคำแทนตัวที่เรียกตัวเองว่าหนู หรือถามหาโอมลูกของตน และเรียกชื่อญาติ ๆ ได้หมด ทั้งที่ไม่ได้บอก เพราะไม่เคยมาหรือรู้จักกันกับทรงแต่อย่างใด
ทั้งนี้ จากการสอบถาม นายลิขิต เชื้อคนแข็ง อายุ 52 ปี ผู้ใหญ่บ้านหมู่บ้านกกตูม เปิดเผยยืนยันว่าคนในหมู่บ้านไม่มีผู้ชายชาวลาว คนลาวมีแต่ผู้หญิงที่มาแต่งงานกับคนในหมู่บ้าน และรูปพรรณที่ร่างทรงบอก ก็ไม่มีในหมู่บ้าน เพราะผู้ชายในหมู่บ้านส่วนใหญ่ตัดผมรองทรงหมด
ภาพจาก รายการทุบโต๊ะข่าว
ด้านนางไลวัน ชาวบ้านกกตูม หนึ่งในผู้ที่เจอรอยเท้าใต้ต้นกระโดน เปิดเผยว่า ครั้งนี้ขอให้สัมภาษณ์เป็นครั้งสุดท้าย เพราะกลัวอันตราย ไม่อยากออกสื่อแล้ว ยืนยันว่าหมู่บ้านไม่มีผู้ชายลาว ส่วนตัวไม่เชื่อเรื่องหมอดู แต่ก็ยอมรับว่าเป็นเรื่องของความเชื่อส่วนบุคคล ตนเองอยากให้จับคนร้ายได้เร็ว ๆ เพราะหลังเกิดเรื่องก็กลัวอันตราย ไปทำงานก็กลัว เพราะไม่รู้ว่าคนร้ายคือใคร จากเดิมที่สามารถไปกรีดยางคนเดียวได้ตอนตี 2-3 ตอนนี้ก็ไม่กล้าแล้ว
ขอบคุณข้อมูลจาก รายการทุบโต๊ะข่าว






