สรุปแถลง 10 ข้อพิรุธ ตั้งสอบ 14 ตำรวจคดี บอส อยู่วิทยา โดนถ้วนหน้าถึงระดับสูง !

          สตช. แถลงผลการตรวจสอบข้อเท็จจริงคดี บอส อยู่วิทยา หลังครบกรอบ 15 วัน ตั้งกรรมการสอบตำรวจทำสำนวนทั้งชุดใหม่ และชุดเก่า รวมทั้งสิ้น 14 นาย เข้าข่าย 10 ข้อ ผิด ม.157 ละเว้นปฏิบัติหน้าที่ ด้าน พล.ต.ท. เพิ่มพูน ชิดชอบ ไม่พบความบกพร่อง ปมไม่เห็นแย้งอัยการ

คดีบอส อยู่วิทยา

          เมื่อวันที่ 13 สิงหาคม 2563 ที่ห้องประชุมศรียานนท์ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) พล.ต.อ. ศตวรรษ หิรัญบูรณะ ที่ปรึกษาพิเศษผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ร่วมด้วย พล.ต.ท. จารุวัฒน์ ไวศยะ ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผช.ผบ.ตร.) และคณะทำงานตรวจสอบคดีบอส อยู่วิทยา แถลงผลการประชุมตรวจสอบข้อเท็จจริง 15 วัน ตามที่มีการกำหนดกรอบเวลา พร้อมกับมีการไล่ไทม์ไลน์ขั้นตอนการทำงานของพนักงานสอบสวนจนถึงส่งสำนวนให้อัยการสูงสุด จนถึงการไม่สั่งแย้งคดี
   
พล.ต.ท. เพิ่มพูน ชิดชอบ ไม่แย้งอัยการ เซ็นบอสหลุดคดี ถือว่าไม่ผิด 

          พล.ต.ท. จารุวัฒน์ ระบุว่า ผลการตรวจสอบของ พล.ต.ท. เพิ่มพูน ชิดชอบ ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผช.ผบ.ตร.) ไม่พบความบกพร่องจากการสั่งไม่แย้ง เนื่องจากการพิจารณา จะต้องพิจารณาตามข้อมูลและหลักฐานภายในสำนวนตามที่อัยการส่งมาเท่านั้น ไม่สามารถนำหลักฐานใหม่มาพิจารณาได้ 

          ส่วนพนักงานสอบสวนที่ทำคดีในสมัยนั้น จะมีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาสอบสวนวินัยตำรวจ 11 นาย ที่เคยถูก ป.ป.ช. ชี้มูลความผิดประพฤติมิชอบ ทุจริตและละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ และมีการส่งทำโทษทางวินัยไปแล้ว 11 นาย รวมถึงตำรวจชุดใหม่อีก 3-4 นาย ที่ต้องมาตรวจสอบความผิดทางวินัยใหม่อีกครั้ง ซึ่งเข้าข่ายฐานความผิดตาม ม.157

คดีบอส อยู่วิทยา

แจง 10 ข้อ ตั้งสอบ 14 ตำรวจ ชุดสืบสวนคดีบอส ไม่สั่งฟ้องบอส - ไม่ตรวจแอลกอฮอล์ - ไม่พูดเรื่องโคเคน และอื่น ๆ
    
          สำหรับพฤติการณ์ที่มีการตรวจสอบใหม่นั้น เนื่องจากคณะทำงานได้ตรวจสอบการทำงานของพนักงานสอบสวนตั้งแต่แรก พบความบกพร่อง 10 ข้อ ดังนี้

          1. ไม่ได้ทำการสอบสวนเจ้าหน้าที่ตำรวจ ผู้ทำการตรวจค้นบ้านผู้ต้องหา นายวรยุทธ อยู่วิทยา ในวันเกิดเหตุประกอบสำนวนการสอบสวน

          2. ไม่ได้ทำการตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์ และไม่ได้รวบรวมพยานหลักฐานในทันที เป็นเหตุให้ขาดพยานหลักฐานในการฟ้อง

          3. ไม่ได้สอบปากคำผู้นำตัวผู้ต้องหามามอบตัวประกอบสำนวน เพื่อให้ได้ข้อเท็จจริงว่าผู้ต้องหาไปที่ไหน อย่างไร เพื่อสอบสวนขยายผลและอาจจะใช้เป็นพยานหลักฐานยืนยันในเรื่องความเมา และข้อเท็จจริงแห่งคดี

          4. การทำสัญญาประกันปล่อยตัวชั่วคราวบกพร่อง ผู้ต้องหาได้เข้ามอบตัวเอง จึงไม่ใช่การจับกุมและไม่มีหมายจับ ตาม ป.วิ.อาญา มาตรา 134 วรรคท้าย พนักงานสอบสวนจึงไม่มีอำนาจให้ประกันตัว ซึ่งจะต้องส่งตัวผู้ต้องหาไปที่ศาลเพื่อขอหมายขังทันที

          5. การใช้ดุลยพินิจของคณะพนักงานสอบสวน ที่มีความเห็นสั่งไม่ฟ้องผู้ต้องหาในความผิดฐานขับรถเร็วเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด

คดีบอส อยู่วิทยา

          6. ผลการตรวจวิเคราะห์สารเสพติด ที่เป็นสารเกิดจากกระบวนการเปลี่ยนแปลงจากการเสพโคเคน (ยาเสพติดประเภท 2) และคำให้การของแพทย์ผู้ตรวจพิสูจน์ ยืนยันว่า พบสารที่เกิดจากการเสพโคเคนในร่างกายผู้ต้องหา ไม่นำเข้าพิจารณาในการทำความเห็นในข้อหาขับรถโดยประมาทฯ และไม่มีการพิจารณาในเรื่องข้อหาเสพยาเสพติด

          7. พนักงานสอบสวนตามคำสั่ง บก.น.5 ที่ 183/55 ลง 4 กันยายน 2555 ไม่กำกับดูแลให้มีการปล่อยตัวชั่วคราว ไม่เป็นไปตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 134 วรรคท้าย

          8. คณะพนักงานสอบสวนตามคำสั่ง บก.น.5 ที่ 183/55 ลง 4 กันยายน 2555 ไม่ขอขยายเวลาการสอบสวนตามคำสั่ง ตร. ที่ 960/37 ลง 10 สิงหาคม 2537 เมื่อได้ทำการสอบสวนครบกำหนดระยะเวลา

          9. คณะพนักงานสอบสวนตามคำสั่ง บก.น.5 ที่ 183/55 ลง 4 กันยายน 2555 มีหลักฐานการรับสำนวนของพนักงานอัยการ แต่ไม่รายงานผู้บังคับบัญชาตามลำดับขั้น และไม่ส่งตัวผู้ต้องหาไปขอศาลออกหมายขังเมื่อการสอบสวนครบกำหนดเวลา 6 เดือน ตาม ป.วิ.อาญา มาตรา 113 วรรคสอง

          10. ผกก.สน.ทองหล่อ ในฐานะหัวหน้าพนักงานสืบสวนสอบสวน ไม่ได้กำกับดูแลการสอบสวนโดยใกล้ชิด ทั้งที่เป็นคดีที่อยู่ในความสนใจของประชาชน


ยันเอาผิดทุกคนที่เกี่ยวข้อง ตำแหน่งสูงสุดคือรองผู้บัญชาการ  - พ.ต.อ. ธนสิทธิ คนเปลี่ยนความเร็ว โดนสอบวินัย
        
          พล.ต.ท. จารุวัฒน์ กล่าวว่า ตนเข้าใจถึงความห่วงใยของพี่น้องประชาชน และมีความสนใจในเรื่องการทำคดีครั้งนี้ ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ยืนยันว่า จะไม่ปกป้องผู้กระทำผิด ใครผิดก็ว่าไปตามผิด ส่วนการกระทำความผิดของตำรวจ หากพบจะมีการลงทัณฑ์อย่างเด็ดขาด โดยขณะนี้จากการตรวจสอบพบเจ้าหน้าที่ตำรวจที่มีส่วนกับการกระทำความผิดตำแหน่งสูงสุดในขณะนั้นคือ ระดับรองผู้บัญชาการ แต่ไม่สามารถเปิดเผยได้ว่าเป็นใคร เพราะตนไม่ใช่คณะกรรมการทางด้านวินัย แต่หนึ่งในนั้นมีชื่อของ พ.ต.อ. ธนสิทธิ แตงจั่น ที่จะต้องถูกสอบวินัย และดำเนินคดีตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 กับตำรวจทั้ง 14 นาย เป็นพนักงานสอบสวนชุดเก่า 11 นาย และชุดใหม่ 3 นาย ที่เกี่ยวข้อง
        

          ส่วนกระแสข่าวที่ พ.ต.อ. ธนสิทธิ มีคำสั่งจากตำรวจชั้นผู้ใหญ่ให้กลับคำให้การเรื่องความเร็วรถนั้น จากการตรวจสอบพบว่าไม่มีใครกดดัน พ.ต.อ. ธนสิทธิ ให้กลับคำให้การ ก่อนหน้านี้ในการเรียกมาสอบ ตนก็ปล่อยให้เจ้าตัวอธิบายอย่างเต็มที่ ไม่มีความกดดันแต่อย่างใด ซึ่งก่อนหน้านี้ พ.ต.อ. ธนสิทธิ เคยจะไปให้การในเรื่องวิธีคำนวณความเร็วมาแล้ว แต่พนักงานสอบสวนบอกว่าคดีหมดอายุความแล้ว วันนี้ตนตั้งใจมาพูดในเรื่องของข้อเท็จจริงที่จับต้องได้ จะไม่มีการคาดเดา ซึ่งหากจะบอกว่าใครผิดหรือไม่ผิด ก็จะต้องตั้งคณะกรรมการสอบสวนหาข้อเท็จจริงต่อไป 

เชิญผู้เชี่ยวชาญมาใหม่ เชื่อความเร็วจริงคือ 177 กม./ชม.
        
          พล.ต.ท. จารุวัฒน์ กล่าวเพิ่มเติมว่า วันนี้จะมีการเรียกสอบผู้เชี่ยวชาญของกองพิสูจน์หลักฐาน ที่เป็นคนกลางในเรื่องของความเร็วรถเกี่ยวกับวิธีการคำนวณ ซึ่งพบว่าพนักงานสอบสวนเชื่อว่าความเร็วที่ถูกต้องของรถคือ 177 หรือกว่า 80 ซึ่งตรงกับวิธีการตรวจสอบในครั้งแรก ยืนยันว่าไม่มีการฟอกขาวให้ใคร และจะตรวจสอบเฉพาะทางตำรวจ ไม่ขอก้าวล่วงไปถึงทางอัยการ


เรื่องน่าสนใจอื่นๆ
เรื่องที่คุณอาจสนใจ
สรุปแถลง 10 ข้อพิรุธ ตั้งสอบ 14 ตำรวจคดี บอส อยู่วิทยา โดนถ้วนหน้าถึงระดับสูง ! อัปเดตล่าสุด 13 สิงหาคม 2563 เวลา 17:50:46 14,263 อ่าน
TOP
x close