ส.ว. สหรัฐฯ ยื่่นหนังสือสนับสนุนการเคลื่อนไหวในไทยอย่างมีเสรีภาพ พร้อมเตือนทุกฝ่ายไม่ให้ใช้ความรุนแรงเกินจำเป็น ชี้ หากใช้มาตรา 112 แบบในอดีต จะทำให้ผู้คนประณามได้

ภาพจาก kan Sangtong / Shutterstock.com
วันที่ 4 ธันวาคม 2563 เฟซบุ๊ก VOA Thai ซึ่งเป็นองค์กรข่าวระหว่างประเทศที่ใหญ่สุดของสหรัฐอเมริกา รายงานว่า คณะกรรมาธิการวิเทศสัมพันธ์ของวุฒิสภาสหรัฐฯ จำนวน 7 คน รวมทั้ง พ.ท.หญิง ลัดดา แทมมี่ ดักเวิร์ธ วุฒิสมาชิกสหรัฐฯ เชื้อสายไทย ยื่นหนังสือขอมติวุฒิสภา เกี่ยวกับสถานการณ์สิทธิมนุษยชน ประชาธิปไตยและหลักนิติธรรมในไทย หลังจากมีการประท้วงนานหลายเดือนแล้ว
บ็อบ
เมเนนเดซ วุฒิสมาชิกสหรัฐฯ จากรัฐนิวเจอร์ซีย์ หนึ่งในผู้นำยื่นมติ
กล่าวว่า ผู้ชุมนุมไทยไม่ได้เรียกร้องการรัฐประหาร
แต่ต้องการเปลี่ยนแปลงระบบการเมืองเพื่อเสรีภาพในการพูดและชุมนุม
เพื่อให้ไทยเป็นส่วนหนึ่งของประชาคมประเทศประชาธิปไตย และมตินี้ต้องการส่งข้อความชัดเจนว่าสนับสนุนเสรีภาพในการชุมนุมในไทยอย่างเต็มที่
และเตือนทุกฝ่ายไม่ให้ใช้ความรุนแรงเกินจำเป็น
ขณะที่ พ.ท.หญิง ลัดดา แทมมี่ ดักเวิร์ธ กล่าวว่า ขอให้ผู้นำไทยรับฟังประชาชนและเคารพหลักประชาธิปไตย ทำให้เป็นประเด็นหลักของรัฐบาลที่จัดตั้งมาอย่างลำบากได้
ด้านณัฏฐิกา วรธันยวิชญ์ ผู้ลี้ภัยทางการเมืองชาวไทย คาดหวังว่าการเรียกร้องครั้งนี้ อย่างน้อยที่สุดจะทำให้ผู้มีอำนาจไม่นำมาตรา 112 ออกมากวาดล้างแบบดั้งเดิมอีก เพราะจะทำให้สังคมโลกประณามมากกว่าเดิม โดยเธอนั้นเป็นผู้ถูกดำเนินคดีตามมาตรา 116 ฐานล้อเลียน พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี

1. เน้นย้ำความสัมพันธ์ สหรัฐฯ-ไทย บนพื้นฐานของคุณค่าทางประชาธิปไตยและผลประโยชน์ด้านยุทธศาสตร์ร่วมกัน
2. สนับสนุนชาวไทยในการเรียกร้องรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งอย่างเป็นประชาธิปไตย การปฏิรูปการเมือง สันติภาพในระยะยาว และการเคารพมาตรฐานสิทธิมนุษยชนสากล
3. เรียกร้องให้รัฐบาลไทยปกป้องและสนับสนุนประชาธิปไตย สิทธิมนุษยชน หลักนิติธรรม และสิทธิเสรีภาพในการชุมนุมอย่างสันติ เสรีภาพในการแสดงออก และปล่อยตัวนักเคลื่อนไหวทางการเมืองโดยทันทีอย่างไม่มีเงื่อนไข รวมทั้งหยุดคุกคาม ข่มขู่ หรือข่มเหงผู้เข้าร่วมประท้วงอย่างสันติ โดยเน้นการดูแลสิทธิและความปลอดภัยของเด็กและนักเรียน นักศึกษาเป็นพิเศษ
4. เรียกร้องให้รัฐบาลสหรัฐฯ สนับสนุนสิทธิของชาวไทยในการกำหนดอนาคตพวกเขาอย่างสันติ และเป็นไปตามหลักการประชาธิปไตย
5. ระบุอย่างชัดเจนว่า การทำรัฐประหารเพื่อแก้วิกฤตทางการเมืองในปัจจุบัน จะเกิดผลตรงกันข้าม และอาจส่งผลเสียต่อความสัมพันธ์กับไทย-สหรัฐฯ มากขึ้น

ภาพจาก kan Sangtong / Shutterstock.com
ขอบคุณข้อมูลจาก เฟซบุ๊ก VOA Thai