เปิดข้อมูลทั้งสองมุม หนุ่มมินิ คูเปอร์ vs หนุ่ม จยย.
หลังเฉี่ยวชนกันจนเกิดเหตุวิวาทเดือดกลางสี่แยก
ทั้งสองฝ่ายต่างบอกตัวเองถูก แถมกล้องหน้ารถมินิ และกล้องวงจรปิดสี่แยก จู่
ๆ เกิดเสียไม่มีหลักฐานยืนยัน
จากกรณีที่โลกออนไลน์มีการแชร์คลิปวิดีโอและภาพจากผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่ง
โดยเป็นเหตุการณ์ขณะชายเสื้อขาวคนขับรถมินิ คูเปอร์
และคู่กรณีที่ขี่จักรยานยนต์กำลังถ่ายคลิป โต้เถียงกันอย่างดุเดือด
หลังจากทั้งสองฝ่ายเกิดเหตุขับรถเฉี่ยวชนกันที่แยกไฟแดงแห่งหนึ่ง
โดยคู่กรณีที่กำลังถ่ายคลิปอยู่ได้ระบุว่า คนขับรถมินิ คูเปอร์ ผิด
เพราะฝ่าไฟแดงออกมา แถมยังถือเหล็กออกมาหวดหน้ารถของตน ระหว่างที่โต้เถียงกันอยู่นั้น ผู้ถ่ายคลิปก็ยอมรับว่าตั้งใจชน
เพราะอีกฝ่ายฝ่าไฟแดง ตามที่ได้มีการรายงานข่าวไปแล้วนั้น
อ่านข่าว : โต้เดือด ! หนุ่มขับฝ่าไฟแดงถูก จยย. ขี่ชน ฉุนคว้าเหล็กหวดรถ ไม่สนทัวร์ลงยันไม่ใช่ฝ่ายผิด
อ่านข่าว : โต้เดือด ! หนุ่มขับฝ่าไฟแดงถูก จยย. ขี่ชน ฉุนคว้าเหล็กหวดรถ ไม่สนทัวร์ลงยันไม่ใช่ฝ่ายผิด
ภาพจาก ช่อง 3
ล่าสุด วันที่ 28 ธันวาคม 2563 ช่อง 3 รายงานว่า นายซี อายุ 33 ปี เจ้าของรถมินิ คูเปอร์ ในคลิปดังกล่าว ได้ระบุว่า เหตุการณ์เกิดขึ้นช่วงประมาณ 19.00 น. ของวันที่ 2 ธันวาคม ที่ผ่านมา โดยตนขับรถมาจากรามอินทรา เมื่อมาถึงแยกพระราม 9 ตัดรามอินทรา ตนจะเลี้ยวขวามาทางถนนพระราม 9 เพื่อกลับที่พัก ซึ่งช่วงนั้นติดสัญญาณไฟจราจร เมื่อเลี้ยวมาปรากฏว่ารถติดชะลอ เนื่องจากบริเวณดังกล่าวมีการก่อสร้าง ทำให้ช่องทางถูกบีบ รถติดอยู่กลางแยกและไม่สามารถเปลี่ยนช่องทางได้ เพราะติดรถทั้งข้างหน้าและข้างขวา
ระหว่างนั้นรถจักรยานยนต์ของคู่กรณีที่ขี่มาจากเอกมัย มุ่งหน้ารามอินทรา ไม่สามารถขี่ขึ้นไปได้ เพราะรถตนติดขวางทางอยู่ จึงบีบแตรใส่อยู่นาน 30 วินาที และเฉี่ยวชนเข้าที่ประตูหลังฝั่งซ้ายของรถ ลักษณะแสดงให้รู้ว่าไม่พอใจที่ไม่สามารถไปได้
ภาพจาก ช่อง 3
จากนั้นจึงไปที่ สน.มักกะสัน ซึ่งคู่กรณีให้การกับพนักงานสอบสวนว่า เบรกไม่ทันจึงชน แต่ตนมีคลิปที่คู่กรณีไลฟ์แล้วพูดว่าตั้งใจขับชน มาเปิดต่อหน้าตำรวจ ฝ่ายคู่กรณีจึงเย็นลง จากนั้นเรื่องก็จบลงด้วยดี
นายซี ระบุอีกว่า หลังเกิดเหตุตนได้ชี้แจงผ่านเฟซบุ๊กเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจว่าไม่ได้เป็นฝ่ายเริ่มก่อน แต่กลับมีชาวโซเชียลที่มาต่อว่าและด่าทอตน ซึ่งหลายคนไม่ทราบว่าเรื่องราวเป็นอย่างไร แต่ก็ยอมรับว่าหากทั้งสองฝ่ายไม่ใจร้อนก็จะไม่เกิดเหตุแบบนี้ ส่วนตนก็ใจร้อนที่เอาเหล็กออกมาตีคืนไปที่รถคู่กรณี
ภาพจาก ช่อง 3
แต่ขณะนั้นคู่กรณีมาจากด้านถนนเลียบทางด่วน จะเลี้ยวขวาไปทางดินแดง ได้ตัดหน้าทำให้ตนเบรกไม่ทันจนมีการเฉี่ยวชนบริเวณล้อหลังของรถมินิ จนเกิดมีปากเสียงกัน ซึ่งตอนเกิดเหตุยอมรับว่าอยู่ในช่วงอารมณ์โมโหที่คู่กรณีมีการพูดจายั่วโมโหและไม่ยอมรับผิด ประกอบกับยังเอาเหล็กมาตีที่รถของตน จึงมีการพูดไปว่าตนตั้งใจชน ทั้งที่ในข้อเท็จจริงไม่ได้มีการตั้งใจชนแต่อย่างใด
ส่วนเรื่องการชกต่อย ตนไม่ได้ติดใจ เพราะเป็นคนบอกให้คู่กรณีวางอาวุธที่ถืออยู่แล้วมาชกต่อยกัน ถือว่าตนสมัครใจ แต่ที่ในวันนี้ต้องเดินทางมาลงบันทึกประจำวัน เพราะทางคู่กรณีดูเหมือนจะยังไม่จบ มีการโพสต์ว่าตนเป็นฝ่ายผิด ทั้ง ๆ ที่ในวันเกิดเรื่องก็มีการมาเจรจากันต่อหน้าตำรวจ และยอมที่จะยุติเรื่องนี้ด้วยความสมัครใจทั้งสองฝ่าย ซึ่งในวันเกิดเหตุ เจ้าหน้าที่ตำรวจก็ไม่ได้แจ้งข้อหาฝ่ายใด เพราะยอมความกันเอง แต่ทางคู่กรณีกลับไปโพสต์ในทำนองว่าเขาไม่ผิด ตำรวจเลยไม่มีการแจ้งข้อหา
ส่วนเรื่องหลักฐานในตอนแรกนั้น ตอนเกิดเหตุคู่กรณีแจ้งว่ามีกล้องหน้ารถ ซึ่งตนก็ได้แจ้งว่ายินดีจะให้คู่กรณีใช้กล้องหน้ารถเป็นหลักฐานเพื่อพิสูจน์ว่าใครเป็นฝ่ายผิดเป็นฝ่ายถูก แต่เมื่อมีการแยกย้ายกันเดินทางมาที่ สน.มักกะสัน คู่กรณีกลับมาถึงหลังตนพอสมควร ทั้ง ๆ ที่ออกจากจุดเกิดเหตุก่อน
ซึ่งคู่กรณีอ้างกับตำรวจว่าเดินทางกลับไปคอนโดเพื่อเก็บสุนัขและเปลี่ยนเสื้อผ้า และเมื่อมาถึง สน. และตรวจสอบกล้องหน้ารถก็อ้างว่าไฟล์ภาพที่บันทึกในช่วงเกิดเหตุเสียหาย ทำให้ไม่มีหลักฐาน ส่วนกล้องที่แยกดังกล่าวตำรวจก็แจ้งว่าเสีย จึงไม่มีหลักฐานที่เป็นวงจรปิด แต่ทางฝ่ายตนมีพยานบุคคลที่ติดต่อมาเพื่อพร้อมจะเป็นพยานให้ หากทางคู่กรณียังยืนยันที่จะไม่จบเรื่องนี้
ขอบคุณข้อมูลจาก ช่อง 3









