เคลียร์ปม ซื้อรถป้ายแดงได้รถทดลองขับ ไขข้อสงสัย ทำไมเรื่องจบง่าย ผู้เสียหายไม่ฟ้อง เอี่ยวเรื่องเงินหรือเปล่า ทางโชว์รูมรับผิดชอบอย่างไร
จากกรณีผู้เสียหายรายหนึ่ง ได้ถอยรถป้ายแดงออกมาจากโชว์รูมเพียง 2 วัน แต่กลับพบรอยคราบสติ๊กเกอร์ติดอยู่ที่กระจกหลังรถ ระบุว่าเป็นรถทดลองขับ เมื่อโทรศัพท์สอบถามไปยังโชว์รูม ก็ได้ความว่ารถคันดังกล่าวแค่ติดสติ๊กเกอร์ไว้ถ่ายรูปเท่านั้น ไม่ใช่รถทดลองขับจริง ๆ แต่ผู้เสียหายก็รู้สึกไม่สบายใจและต้องการขอเงินคืน แต่ทางโชว์รูมบอกว่า จะขัดล้างทำความสะอาดให้ หรือไม่ก็เอารถมาประเมินราคาเสื่อมจากการใช้งาน จะคืนเงิน 100% ไม่ได้
อ่านข่าว : คนซื้อรถใจพัง ถอยป้ายแดงเงินสด พบเป็นรถทดลองขับ ด้านซูซูกิแจงแล้ว
ล่าสุด (31 มกราคม 2564) ข่าวช่อง 3 รายงานว่า หลังกรณีดังกล่าวถูกเผยแพร่ออกไป ก็เกิดคำถามขึ้นอย่างมากมายว่าทำไมผู้เสียหายไม่ฟ้อง ทำไมเรื่องจบง่าย จบเร็ว เกี่ยวกับเรื่องเงินหรือเปล่า ซึ่งทางผู้เสียหายก็ได้ชี้แจงว่า การฟ้องแพ่งคือการขอบังคับให้จำเลยทำตามข้อเรียกร้อง แต่ก็ไม่พ้นเรื่องของตัวเงินอยู่ดี จึงไม่ผิดถ้าคู่กรณีจะยอมแต่แรก และทางผู้เสียหายก็ไม่ต้องเสียเวลาด้วย
ถามว่าใจจริงอยากฟ้องไหม เมื่อเจออะไรหลาย ๆ อย่างก็อยากฟ้อง แต่เงื่อนไขในการฟ้องแพ่งคือ ต้องมีการโต้แย้งสิทธิ์ก่อน กล่าวคือ เมื่อขอให้คู่กรณีทำอะไรหรือไม่ทำอะไรแล้วคู่กรณีไม่ทำตาม ถึงจะมีสิทธิ์ยื่นฟ้อง เมื่อคู่กรณียอมทำตามก็ไม่มีสิทธิ์ยื่นฟ้องศาล โดยเปิดเผยบทสรุปของเรื่องรถดังกล่าว ดังนี้
1. ทางนิติกรรมและกฎหมาย
- เมื่อพบความผิดปกติของตัวสินค้าและเป็นความผิดของผู้ค้า ในฐานะผู้บริโภคมีสิทธิ์เรียกร้องให้ผู้ค้ารับผิดชอบ อย่างชอบธรรมตามสมควรและต้องเป็นการสร้างความมั่นใจให้ลูกค้าด้วย หากผู้ค้าไม่รับยอมผิดชอบหรือปฏิเสธความผิดพลาดนั้น เรามีสิทธิ์เรียกร้องด้วยการขอบารมีศาลเป็นที่พึ่ง แต่การใช้สิทธิ์ทางศาลนั้น จะต้องใช้เวลาและผลลัพธ์ก็คือการชี้ถูกผิดและชดใช้เป็นตัวเงิน ซึ่งก็ไม่ต่างกับการที่ผู้ค้ายอมชดใช้ก่อนยื่นฟ้องศาล
2. แนวทางการดำเนินการทางกฎหมายในกรณีคล้ายเคสแบบนี้
- ในกรณีนี้เราจะรู้ได้อย่างไรว่าเกิดปัญหานั้นคือเรื่องจริง เลขไมล์ก็อาจจะแก้ไขได้ ระบบภายในก็อาจจะแก้ไขได้ เอกสารก็ยังสามารถแก้ไขได้ ถ้าวันที่เราไปซื้อรถแล้วไม่มีรถใหม่ให้เรา ก็ต้องสั่งจองไว้ เช่น สั่งจองเป็นวันที่ 3 แล้ว รับรถวันที่ 20 หมายความว่า รถใหม่ของเราจะต้องมาขนส่งภายในวันที่ 3-20 จะเป็นวันที่ก่อนวันที่ 3 ไม่ได้ แต่ก็อย่างที่กล่าวไว้ว่าเอกชนอาจจะแก้ไขเอกสารก็ได้แล้วทำอย่างไรดี เวลาการมีขนส่งรถใหม่ไปยังศูนย์ตัวแทนจำหน่ายจะต้องมีการขออนุญาตจากหน่วยงานของรัฐ ดังนั้น เมื่อมีการร้องทุกข์หรือยื่นฟ้องให้ขอเอกสารตรงนี้มาประกอบด้วยว่าความจริงรถคันนี้มีการขนส่งมาจากไหน ถึงไหน และเมื่อไร
3. ผลสรุป
- ก่อนโพสต์เรื่องราวนี้ ได้มีการยื่นเรียกร้องและข้อเสนอกัน แต่ไม่เป็นผล จึงได้ร้องทุกข์ไว้และเตรียมฟ้องร้องทางแพ่ง จนมาเป็นข่าวและโชว์รูมยอมรับข้อเสนอหนึ่งอย่าง คือ การรับซื้อคืนเป็นเงินเต็มจำนวน แต่เห็นว่าเมื่อทางผู้ค้าไม่รับข้อเสนอแต่แรกและเกิดความไม่พอใจบางอย่างเกี่ยวกับการบริการ จึงตัดสินว่าจะยื่นฟ้องทางแพ่งแน่นอน แต่พอมาถึงจุดที่พร้อมยื่นฟ้องแล้ว ก็จัดให้มีการยื่นข้อเสนอไป 3 ข้อ เนื่องจาก...
3.1 ผลลัพธ์ของการฟ้องคือเรียกให้รับผิดชอบและใช้ค่าสินไหมทดแทน แต่จะต้องใช้เวลานานยิ่งช่วงโควิดด้วยจะนานไปใหญ่ จึงเห็นว่าถ้าผู้ค้ารับข้อเสนอได้ก็จะไม่เสียเวลาฟ้อง
3.2 เห็นว่าปัจจุบัน ทางตัวแทนจำหน่ายก็ได้รับผลในความผิดพลาดครั้งนี้แล้วจากกระแสประชาชนที่ให้ความสนใจ
3.3 มีการได้ยื่นข้อเสนอไปว่า 1.) ขายรถคืนเต็มจำนวนที่ซื้อมา 2.) การเรียกค่าสินไหมทดแทน 3.) การแถลงข่าวร่วมกันในความผิดพลาดของโชว์รูม แต่ทางโชว์รูมรับข้อเสนอเพียงสองข้อแรก โดยข้อที่สามทางโชว์รูมไม่ขอร่วมแถลงข่าว แต่ให้ลูกค้าแถลงหรือพูดออกสู่สาธารณชนได้ หากใครสงสัยอะไรให้ไปถามทางโชว์รูมเอง
3.4 ทางโชว์รูมได้ออกมายอมรับความผิดพลาดและขอโทษต่อเหตุการณ์นี้ และสัญญาว่าจะกลับไปแก้ไขให้เพื่อที่จะไม่เกิดเหตุการณ์แบบนี้
ทั้งนี้ ทางผู้เสียหายบอกอีกว่า รถของซูซูกิเป็นรถที่ดียี่ห้อหนึ่ง แต่มันเกิดความผิดพลาดภายในของโชว์รูม หวังว่าโชว์รูมจะจัดการกับบุคคลที่ทำให้เกิดความผิดพลาดในครั้งนี้ และกลับมาเป็นตัวแทนจำหน่ายที่เป็นที่ไว้วางใจของประชาชนอีกครั้งหนึ่ง จริง ๆ มันไม่ใช่ความผิดของโชว์รูมหรือแบรนด์รถยนต์ แต่มันเกิดจากคนที่ทำให้เสียหาย จบได้ตามที่คาดหวัง ไม่ต้องเสียเวลาขึ้นศาล เสียน้อยเสียยาก เสียมากเสียง่าย
ขอบคุณข้อมูลจาก ข่าวช่อง 3
จากกรณีผู้เสียหายรายหนึ่ง ได้ถอยรถป้ายแดงออกมาจากโชว์รูมเพียง 2 วัน แต่กลับพบรอยคราบสติ๊กเกอร์ติดอยู่ที่กระจกหลังรถ ระบุว่าเป็นรถทดลองขับ เมื่อโทรศัพท์สอบถามไปยังโชว์รูม ก็ได้ความว่ารถคันดังกล่าวแค่ติดสติ๊กเกอร์ไว้ถ่ายรูปเท่านั้น ไม่ใช่รถทดลองขับจริง ๆ แต่ผู้เสียหายก็รู้สึกไม่สบายใจและต้องการขอเงินคืน แต่ทางโชว์รูมบอกว่า จะขัดล้างทำความสะอาดให้ หรือไม่ก็เอารถมาประเมินราคาเสื่อมจากการใช้งาน จะคืนเงิน 100% ไม่ได้
อ่านข่าว : คนซื้อรถใจพัง ถอยป้ายแดงเงินสด พบเป็นรถทดลองขับ ด้านซูซูกิแจงแล้ว
ล่าสุด (31 มกราคม 2564) ข่าวช่อง 3 รายงานว่า หลังกรณีดังกล่าวถูกเผยแพร่ออกไป ก็เกิดคำถามขึ้นอย่างมากมายว่าทำไมผู้เสียหายไม่ฟ้อง ทำไมเรื่องจบง่าย จบเร็ว เกี่ยวกับเรื่องเงินหรือเปล่า ซึ่งทางผู้เสียหายก็ได้ชี้แจงว่า การฟ้องแพ่งคือการขอบังคับให้จำเลยทำตามข้อเรียกร้อง แต่ก็ไม่พ้นเรื่องของตัวเงินอยู่ดี จึงไม่ผิดถ้าคู่กรณีจะยอมแต่แรก และทางผู้เสียหายก็ไม่ต้องเสียเวลาด้วย
ถามว่าใจจริงอยากฟ้องไหม เมื่อเจออะไรหลาย ๆ อย่างก็อยากฟ้อง แต่เงื่อนไขในการฟ้องแพ่งคือ ต้องมีการโต้แย้งสิทธิ์ก่อน กล่าวคือ เมื่อขอให้คู่กรณีทำอะไรหรือไม่ทำอะไรแล้วคู่กรณีไม่ทำตาม ถึงจะมีสิทธิ์ยื่นฟ้อง เมื่อคู่กรณียอมทำตามก็ไม่มีสิทธิ์ยื่นฟ้องศาล โดยเปิดเผยบทสรุปของเรื่องรถดังกล่าว ดังนี้
1. ทางนิติกรรมและกฎหมาย
- เมื่อพบความผิดปกติของตัวสินค้าและเป็นความผิดของผู้ค้า ในฐานะผู้บริโภคมีสิทธิ์เรียกร้องให้ผู้ค้ารับผิดชอบ อย่างชอบธรรมตามสมควรและต้องเป็นการสร้างความมั่นใจให้ลูกค้าด้วย หากผู้ค้าไม่รับยอมผิดชอบหรือปฏิเสธความผิดพลาดนั้น เรามีสิทธิ์เรียกร้องด้วยการขอบารมีศาลเป็นที่พึ่ง แต่การใช้สิทธิ์ทางศาลนั้น จะต้องใช้เวลาและผลลัพธ์ก็คือการชี้ถูกผิดและชดใช้เป็นตัวเงิน ซึ่งก็ไม่ต่างกับการที่ผู้ค้ายอมชดใช้ก่อนยื่นฟ้องศาล
2. แนวทางการดำเนินการทางกฎหมายในกรณีคล้ายเคสแบบนี้
- ในกรณีนี้เราจะรู้ได้อย่างไรว่าเกิดปัญหานั้นคือเรื่องจริง เลขไมล์ก็อาจจะแก้ไขได้ ระบบภายในก็อาจจะแก้ไขได้ เอกสารก็ยังสามารถแก้ไขได้ ถ้าวันที่เราไปซื้อรถแล้วไม่มีรถใหม่ให้เรา ก็ต้องสั่งจองไว้ เช่น สั่งจองเป็นวันที่ 3 แล้ว รับรถวันที่ 20 หมายความว่า รถใหม่ของเราจะต้องมาขนส่งภายในวันที่ 3-20 จะเป็นวันที่ก่อนวันที่ 3 ไม่ได้ แต่ก็อย่างที่กล่าวไว้ว่าเอกชนอาจจะแก้ไขเอกสารก็ได้แล้วทำอย่างไรดี เวลาการมีขนส่งรถใหม่ไปยังศูนย์ตัวแทนจำหน่ายจะต้องมีการขออนุญาตจากหน่วยงานของรัฐ ดังนั้น เมื่อมีการร้องทุกข์หรือยื่นฟ้องให้ขอเอกสารตรงนี้มาประกอบด้วยว่าความจริงรถคันนี้มีการขนส่งมาจากไหน ถึงไหน และเมื่อไร
3. ผลสรุป
- ก่อนโพสต์เรื่องราวนี้ ได้มีการยื่นเรียกร้องและข้อเสนอกัน แต่ไม่เป็นผล จึงได้ร้องทุกข์ไว้และเตรียมฟ้องร้องทางแพ่ง จนมาเป็นข่าวและโชว์รูมยอมรับข้อเสนอหนึ่งอย่าง คือ การรับซื้อคืนเป็นเงินเต็มจำนวน แต่เห็นว่าเมื่อทางผู้ค้าไม่รับข้อเสนอแต่แรกและเกิดความไม่พอใจบางอย่างเกี่ยวกับการบริการ จึงตัดสินว่าจะยื่นฟ้องทางแพ่งแน่นอน แต่พอมาถึงจุดที่พร้อมยื่นฟ้องแล้ว ก็จัดให้มีการยื่นข้อเสนอไป 3 ข้อ เนื่องจาก...
3.1 ผลลัพธ์ของการฟ้องคือเรียกให้รับผิดชอบและใช้ค่าสินไหมทดแทน แต่จะต้องใช้เวลานานยิ่งช่วงโควิดด้วยจะนานไปใหญ่ จึงเห็นว่าถ้าผู้ค้ารับข้อเสนอได้ก็จะไม่เสียเวลาฟ้อง
3.2 เห็นว่าปัจจุบัน ทางตัวแทนจำหน่ายก็ได้รับผลในความผิดพลาดครั้งนี้แล้วจากกระแสประชาชนที่ให้ความสนใจ
3.3 มีการได้ยื่นข้อเสนอไปว่า 1.) ขายรถคืนเต็มจำนวนที่ซื้อมา 2.) การเรียกค่าสินไหมทดแทน 3.) การแถลงข่าวร่วมกันในความผิดพลาดของโชว์รูม แต่ทางโชว์รูมรับข้อเสนอเพียงสองข้อแรก โดยข้อที่สามทางโชว์รูมไม่ขอร่วมแถลงข่าว แต่ให้ลูกค้าแถลงหรือพูดออกสู่สาธารณชนได้ หากใครสงสัยอะไรให้ไปถามทางโชว์รูมเอง
3.4 ทางโชว์รูมได้ออกมายอมรับความผิดพลาดและขอโทษต่อเหตุการณ์นี้ และสัญญาว่าจะกลับไปแก้ไขให้เพื่อที่จะไม่เกิดเหตุการณ์แบบนี้
ทั้งนี้ ทางผู้เสียหายบอกอีกว่า รถของซูซูกิเป็นรถที่ดียี่ห้อหนึ่ง แต่มันเกิดความผิดพลาดภายในของโชว์รูม หวังว่าโชว์รูมจะจัดการกับบุคคลที่ทำให้เกิดความผิดพลาดในครั้งนี้ และกลับมาเป็นตัวแทนจำหน่ายที่เป็นที่ไว้วางใจของประชาชนอีกครั้งหนึ่ง จริง ๆ มันไม่ใช่ความผิดของโชว์รูมหรือแบรนด์รถยนต์ แต่มันเกิดจากคนที่ทำให้เสียหาย จบได้ตามที่คาดหวัง ไม่ต้องเสียเวลาขึ้นศาล เสียน้อยเสียยาก เสียมากเสียง่าย
ขอบคุณข้อมูลจาก ข่าวช่อง 3












