ชาวบ้านริมทะเล จ.นครศรีธรรมราช พบ พบก้อนปริศนาคล้าย อ้วกวาฬ หรืออำพันทะเลราคาแพง หนักเกือบ 7 กก. โผล่ริมหาด วอนนักวิชาการช่วยตรวจสอบของจริงหรือไม่ ยันพร้อมขาย หากมีคนสนใจซื้อ
วันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2564 One31 รายงานว่า ที่หาดริมทะเล ท้องที่หมู่ 8 ตำบลหน้าสตน อำเภอหัวไทร จังหวัดนครศรีธรรมราช ชาวบ้านในพื้นที่ได้เดินเล่นริมหาดแล้วพบกับหินประหลาดลักษณะคล้าย "อ้วกวาฬ" หรือที่เรียกอีกชื่อว่า "อำพันทะเล" ขนาดใหญ่อีกครั้ง พบโดย นางศิริพร เนียมรินทร์ อายุ 49 ปี พร้อมนำออกมาผู้สื่อข่าวบันทึกภาพ โดยมีขนาดใหญ่กว้างประมาณ 1 ฟุต ยาวประมาณ 2 ฟุตเศษ มีทรงรี เนื้อคล้ายไขมันจับตัวมีกลิ่นคาวเล็กน้อย บางส่วนมีร่องรอยถูกเฉือนไปเล็กน้อย ซึ่งทางญาติได้เฉือนไปเก็บไว้เป็นที่ระลึก และระบุว่าเมื่อนำไปลนไฟก้อนวัตถุที่พบจะละลายเหมือนไขมันแต่เมื่อเย็นตัวลงจะจับตัวเป็นก้อนแข็งอีกครั้ง
นางศิริพร บอกว่า ช่วงมรสุมต้นเดือนมกราคมที่ผ่านมา ได้ไปเดินสำรวจริมหาดห่างออกไปจากบ้านประมาณ 500 เมตร พบก้อนอ้วกวาฬก้อนนี้ถูกคลื่นซัดมาติดชายหาด หลังจากนั้นจึงเก็บกลับมาไว้ที่บ้าน คนเฒ่าคนแก่ที่เคยเห็นระบุว่าเป็นอ้วกวาฬ หรือที่เรียกว่าอำพันทะเลอย่างแน่นอน เป็นสิ่งที่มีค่าหาได้ยากและมีราคาสูง น้ำหนักที่ชั่งได้หนักถึง 6.9 กิโลกรัม ครั้งแรกที่พบมีกลิ่นคาวคล้ายหมึก หรือปลาน้ำลึก แต่หลังจากนำมาเก็บไว้กลิ่นคาวเริ่มหายไป แต่ยังคงหลงเหลือกลิ่นอ่อน ๆ
ทั้งนี้ในบริเวณตำบลริมทะเลของอำเภอหัวไทร ตำบลเกาะเพชร
และตำบลหน้าสตน
เคยมีชาวบ้านพบก้อนวัตถุที่เชื่อว่าเป็นอ้วกวาฬมาแล้วหลายราย
จึงอยากให้นักวิชาการหรือผู้ที่มีความรู้เข้าตรวจสอบวัตถุเหล่านี้
เบื้องต้นนั้นทราบว่าไม่มีบริษัทผู้รับซื้อในประเทศไทย
ซึ่งหากเป็นวัตถุมีค่าจริงและสามารถประสานให้ผู้ซื้อมาเสนอราคาซื้อกับชาวบ้านพร้อมที่จะขายให้
จะสามารถช่วยสร้างรายได้ให้กับชาวบ้านที่หาสิ่งของเหล่านี้ที่มากับคลื่นลมได้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับอ้วกวาฬหรืออำพันทะเลนั้น นับเป็นหนึ่งในของหายากและมีราคาแพง เนื่องจากมีผู้นิยมใช้เป็นวัตถุดิบหัวน้ำหอม ทำให้เกิดการเสาะหาของนักแสวงโชคและกลุ่มชาวประมง สามารถพบได้ตามชายหาด หรือกลางทะเล ซึ่งในอดีตมีการออกล่าวาฬสเปิร์มเพื่อผ่าเอาไขมันชนิดนี้มาแล้วก่อนจะยุติจากกฎหมายคุ้มครองวาฬ
ขอบคุณข้อมูลจากOne31
วันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2564 One31 รายงานว่า ที่หาดริมทะเล ท้องที่หมู่ 8 ตำบลหน้าสตน อำเภอหัวไทร จังหวัดนครศรีธรรมราช ชาวบ้านในพื้นที่ได้เดินเล่นริมหาดแล้วพบกับหินประหลาดลักษณะคล้าย "อ้วกวาฬ" หรือที่เรียกอีกชื่อว่า "อำพันทะเล" ขนาดใหญ่อีกครั้ง พบโดย นางศิริพร เนียมรินทร์ อายุ 49 ปี พร้อมนำออกมาผู้สื่อข่าวบันทึกภาพ โดยมีขนาดใหญ่กว้างประมาณ 1 ฟุต ยาวประมาณ 2 ฟุตเศษ มีทรงรี เนื้อคล้ายไขมันจับตัวมีกลิ่นคาวเล็กน้อย บางส่วนมีร่องรอยถูกเฉือนไปเล็กน้อย ซึ่งทางญาติได้เฉือนไปเก็บไว้เป็นที่ระลึก และระบุว่าเมื่อนำไปลนไฟก้อนวัตถุที่พบจะละลายเหมือนไขมันแต่เมื่อเย็นตัวลงจะจับตัวเป็นก้อนแข็งอีกครั้ง
นางศิริพร บอกว่า ช่วงมรสุมต้นเดือนมกราคมที่ผ่านมา ได้ไปเดินสำรวจริมหาดห่างออกไปจากบ้านประมาณ 500 เมตร พบก้อนอ้วกวาฬก้อนนี้ถูกคลื่นซัดมาติดชายหาด หลังจากนั้นจึงเก็บกลับมาไว้ที่บ้าน คนเฒ่าคนแก่ที่เคยเห็นระบุว่าเป็นอ้วกวาฬ หรือที่เรียกว่าอำพันทะเลอย่างแน่นอน เป็นสิ่งที่มีค่าหาได้ยากและมีราคาสูง น้ำหนักที่ชั่งได้หนักถึง 6.9 กิโลกรัม ครั้งแรกที่พบมีกลิ่นคาวคล้ายหมึก หรือปลาน้ำลึก แต่หลังจากนำมาเก็บไว้กลิ่นคาวเริ่มหายไป แต่ยังคงหลงเหลือกลิ่นอ่อน ๆ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับอ้วกวาฬหรืออำพันทะเลนั้น นับเป็นหนึ่งในของหายากและมีราคาแพง เนื่องจากมีผู้นิยมใช้เป็นวัตถุดิบหัวน้ำหอม ทำให้เกิดการเสาะหาของนักแสวงโชคและกลุ่มชาวประมง สามารถพบได้ตามชายหาด หรือกลางทะเล ซึ่งในอดีตมีการออกล่าวาฬสเปิร์มเพื่อผ่าเอาไขมันชนิดนี้มาแล้วก่อนจะยุติจากกฎหมายคุ้มครองวาฬ
ขอบคุณข้อมูลจากOne31