เจ้าบ่าวแต่งงานซ้อน รับทัศนคติไม่ตรงเมียหลวง ยอมแต่งเพราะแม่ฝ่ายหญิงป่วย ก่อนพบรักเมียน้อยแล้วแต่งอีกรอบ บอกเมียหลวงยินยอม แต่สุดท้ายหนังคนละม้วน
จากกรณีเมียหลวงออกมาไลฟ์ขอความเป็นธรรม หลังสามีหนีไปแต่งงานกับเมียน้อยทั้งที่ยังไม่หย่า และเคยถูกขู่ฆ่า ขณะที่ฝ่ายเมียน้อยได้ออกมาขอโทษทั้งน้ำตา และบอกว่าจะขอเลี้ยงลูกคนเดียว ซึ่งทางรายการ ถามสุดซอย ได้เปิดใจสัมภาษณ์ คุณชาญ ฝ่ายสามี พร้อมด้วยคุณไพศาล เรืองฤทธิ์ ทนายความ เกี่ยวกับเรื่องนี้ โดยมี ธัญญ่า ธัญญาเรศ เป็นผู้ดำเนินรายการ
อ่านข่าว : เมียหลวงช้ำ.. โดนเมียน้อยขู่เผานั่งยาง - หนุ่ม กรรชัย คุยแม่ผัว เจอสายหลุด พีคกลางอากาศ
อ่านข่าว : เมียน้อยร่ำไห้ ขอโทษเมียหลวง จากนี้เลี้ยงลูกในท้องคนเดียว - ผัวปล่อยโฮ รับผิดที่เห็นแก่ตัว
เหตุผลที่ไม่ปิดหน้าเพราะอะไร ?
ชาญ : ผมต้องการบอกให้ทุกคนรู้ว่าสิ่งที่ผมทำผิด ผมยอมรับผิด
ไม่อาย ?
ชาญ : ผมเป็นลูกผู้ชาย ผมทำผิดผมก็ยอมรับผิด ผมไม่อาย พร้อมยอมรับกับกระแสสังคมที่ถาโถมกระหน่ำเข้ามา อีกมุมก็อยากมาชี้แจงในรายการว่าลูกผู้ชายคนหนึ่งที่อึดอัด (เสียงสั่น) เจ็บปวด มีอะไรบ้าง
เรื่องเจ็บปวดคือเรื่องอะไร ?
ชาญ : เดิมทีเราเริ่มรู้จักกันกับคุณอมรรัตน์ เดือนสิงหาคม ปี 2561 ก่อนรู้จักคุณอมรรัตน์เคยมีภรรยา แต่งงาน จดทะเบียน มีลูกสาว 2 คน และได้หย่าร้างกันไป อยู่ด้วยกัน 20 ปี แล้วหย่าร้าง มาเจอคุณอมรรัตน์ รู้จักตอนสิงหาคม-กันยายน ปี 2561 ด้วยความเป็นญาติห่าง ๆ ไม่ใช่โดยสายเลือด ผู้ใหญ่แนะนำให้รู้จักกันแล้วไปมาหาสู่กัน ช่วยเหลือพูดคุยกันและกัน หลังผมเลิกรากับภรรยาคนเก่า พฤศจิกายน-ธันวาคม ปลายปี เราประกาศให้ผู้ใหญ่รับทราบว่าเราเริ่มคบกัน มีเหตุการณ์ในวันหนึ่งที่แม่คุณอมรรัตน์โรคประจำตัวกำเริบ อาการค่อนข้างหนัก มีญาติผู้ใหญ่ รวมถึงผมด้วย ให้ความเห็นว่าเป็นไปได้ไหมที่จะรับปากแต่งงาน อย่างน้อยให้ตายตาหลับ ผมก็พูดกับแม่ว่าผมเคยใช้ชีวิตคู่ 20 ปี แล้วเลิกรากันไป มันเจ็บพอสมควร ผมขอศึกษาดูใจผู้หญิงคนนี้สัก 4-5 ปี ได้ไหม ซึ่งแม่บอกว่าทำบุญเถอะลูก หลังรับปากอาการคุณแม่คุณอมรรัตน์ก็ดีขึ้นตามลำดับ ผมรับปากจะแต่งงานและพาผู้ใหญ่ไปสู่ขอช่วงเดือนธันวาคม และจัดงานแต่งงานวันที่ 18 มกราคม ปี 2562 ทุกอย่างก็ดำเนินมาด้วยดี
แล้วคุณชาญมาเจอคุณเมย์ตอนไหน ?
ชาญ : ขอย้อนไปอีกนิดหนึ่ง หลังจดทะเบียน การใช้ชีวิตเรา 2 คนขยับห่างออกไปนิดหนึ่ง เพราะผมบอกว่าไม่ต้องมาก็ได้ หลังจากนั้นคุณอมรรัตน์ก็ยังมาเรื่อย ๆ
จุดที่ทำให้เราเริ่มห่างกันและไปเจอกับคุณเมย์ตอนไหน ?
ชาญ : ผมอยากให้คุณอมรรัตน์ไปสร้างอาชีพตัวเองเพื่อมีรายได้ที่บ้าน เวลาส่วนหนึ่งก็ดูแลแม่ตัวเองใกล้ชิด บางช่วงก็ให้มาเยี่ยมเยียนถามข่าว ดูแลสุขภาพพ่อแม่ผมด้วย เพราะห่างกันแค่ 15 นาที ผมก็พูดประมาณนั้นว่าเอาเวลาไปทุ่มเทกับการที่เราทำมาหากินจุนเจือรายได้ครอบครัวเราเถอะ
จุดที่พูดทำให้เราห่างกัน แล้วคุณชาญก็ไปพบคุณเมย์ ?
ชาญ : พบคุณเมย์ครั้งแรกที่ทำงาน คุณเมย์มาตรวจชิ้นงานที่ทางโรงงานผลิตให้ เห็นครั้งแรกไม่ได้ปิ๊งเลย เฉย ๆ ครับ ช่วงนั้นผมกับลูกสาวคนโตส่งอินบ็อกซ์มาหาว่าโจทย์คณิตศาสตร์ยากเหลือเกิน บางข้อแก้ไม่ได้ก็นึกถึงน้องเมย์ ช่วยได้ไหม ติดต่อลูกสาวผมโดยตรงได้ไหม เขาก็คุยกัน หลังคุยกันสนิทสนม พอมาทราบเรื่องเขาดูแลทุกเรื่องของลูกสาว ผมเริ่มประทับใจ ผู้หญิงคนนี้ไม่เคยเจอหน้ากันเลย แต่ทำไมถึงดูแลอาหารการกิน เงินทองที่ใช้แต่ละสัปดาห์เป็นยังไง ขัดสนไหม เรื่องการเรียน วิชาไหนมีปัญหายังไง รู้จักติวเตอร์ดี ๆ ตรงนั้นตรงนี้ ลูกสาวก็บอกว่าพี่เมย์เก่งนะคะพ่อ
แล้วคุณอมรรัตน์รู้จักลูกสาวเราไหม ?
ชาญ : เคสนี้เป็นเคสที่บอกว่าพ่อคนหนึ่งเจ็บมากที่สุด ผมนึกถึงเรื่องนี้ทีไรผมเก็บอาการไม่อยู่ (ร้องไห้) ต้นปี 2563 ผมขออนุญาตคุณอมรรัตน์ ซึ่งหลังปีใหม่เขาจะมาหาผม ผมก็บอกว่าขออนุญาตไปหาลูกนะ แต่จะนานมาก ผมจะพาแพงไปฝากกับป้าท่านหนึ่งที่แพงก็รู้จัก พอไปก็ให้เงินทั่วไป พาลูกสาวไปซื้อของ จับจ่ายใช้สอยของที่เกี่ยวกับการเรียนและที่ใช้ในชีวิตประจำวันลูกสาว โชคดีคุณแม่ของลูกสาวว่าง ก็สามารถพาเจ้าตัวเล็กมาหาผมได้ ทานข้าวด้วยกัน ผมก็บอกว่าผมอยู่กับลูกตรงนี้ ขอทานข้าวกับลูก มีความสุขกับลูกแป๊บหนึ่ง พูดจบไม่นาน กำลังป้อนข้าวลูกได้ 4-5 คำ ไม่เกิน 10 นาที เขาเดินเข้ามาตวาดกลางวงข้าวซึ่งคนเป็นร้อยในห้างสรรพสินค้า บอกว่าเธอมีความสุขมากใช่ไหมกับเมียเก่ากับลูก ลูกสาวคนโตร้องไห้กระเจิง เสียสติไปเลย ลูกสาวคนเล็กข้าวยังอยู่ที่ปากร่วงหมด (ร้องไห้) ผมต้องรีบกอดมาอุ้มไว้ เขากลัวมาก
ผมวางเงินเสร็จก็วิ่งไปหาลูก ไม่รู้เขาวิ่งไปไหน เขาวิ่งกระเจิง ไม่รู้เขาโกรธผมหรือเปล่า แต่เขารู้ว่าผมมีใหม่เรียบร้อย แต่ที่เขาเสียใจ เพราะต้องการบรรยากาศความสุขกลับคืนมานิดเดียว ไม่ต้องห่วงผมจะไปรีเทิร์น ไม่มีทางเป็นไปได้ อยากให้ลูกมีความสุข เพราะคนโตเขารู้ว่าผมกับภรรยาหย่ากันแล้ว แต่กับคนเล็ก แม่เขาบอกว่าผมอยู่ต่างประเทศ (ร้องไห้) ทุกครั้งที่เห็นเครื่องบิน เขาก็ถามว่าผมอยู่ที่นั่นใช่ไหม ผมก็บอกว่าผมอยู่ต่างประเทศ พ่อไปนานมากนะงวดนี้ ก็บอกว่ามาได้ไม่นานแล้วจะกลับไปต่างประเทศอีก
เหตุการณ์วันนั้นตัวเล็กร้องไห้ตัวสั่น ผมปลอบเขาอยู่นานมาก 2 ชั่วโมง เขาบอกว่าเมื่อไรพ่อจะอยู่กับหนูนาน ๆ หนูดูเครื่องบินตลอดเวลาว่าเมื่อไรพ่อจะลงมา จังหวะที่เราปลอบกัน ภรรยาเก่าก็ช่วยกัน แต่จังหวะที่แม่กำลังขยับรถออกไป เขากระโดดลงจากรถ วันนั้นถ้าแม่เขาเหยียบเบรกไม่ทัน ลูกเสียชีวิต เหตุการณ์วันนั้นทำให้ผมโทษตัวเองอย่างมาก มันเจ็บปวดกับพ่อคนหนึ่งที่เกือบทำให้ลูกตาย (ร้องไห้)
หลังคุณอมรรัตน์มาโวยวาย ทำให้ลูกตกใจ ได้เคลียร์กันยังไง ?
ชาญ : ผมก็บอกว่าผมไม่เคยรังเกียจ แต่ขอให้รักคนของผม พ่อแม่ผม ลูกผม ตัวผมไม่เป็นไร ขอให้รักลูกผมด้วย ผมรักลูกคุณ พ่อแม่คุณ ญาติคุณทุกคน ผมดูแลด้วยจิตบริสุทธิ์ ดูแลกำลังกาย กำลังเงิน กำลังใจทุกอย่าง ทำไมคุณมาทำกับแก้วตาดวงใจผมขนาดนี้ ถ้าเขาตายไปผมจะอยู่ยังไง ความรู้สึกตอนนั้นมันเจ็บปวดมาก ผมเลยบอกว่าถ้างั้นเราคงไปด้วยกันไม่ได้ จากนั้นผมก็ขับรถกลับจากกรุงเทพฯ ไปชลบุรี ผมก็ยังเจ็บฝังลึก แต่บอกตัวเองว่าเย็นไว้ เราเป็นญาติกัน เราคงไปด้วยกันยากแล้ว
ได้ขอเลิกไหม ?
ชาญ : ไม่ครับ แค่บอกว่าไปด้วยกันยาก เพราะคุณไม่ได้รักคนที่ผมรักเลย ทำไมทำกับผมขนาดนี้ เขาเงียบ ขอโทษก็ไม่มีสักคำ แต่เราก็ให้โอกาส ให้อภัยเขาอีกสักครั้ง แล้วผมก็พยายามลืม แต่ผมลืมไม่ได้ ไม่มีวันลืม (ร้องไห้) ที่ผมเกือบทำให้ลูกตาย
ลูกสาวก็ต้องเห็นข่าวพ่อ มีการอธิบายกันยังไง ?
ชาญ : ลูกสาวเข้าใจ ยังคุยกันดี
พอมาเจอคุณเมย์ คุณเมย์สนิทกับลูก แล้วมากลายเป็นความรักตอนไหน ?
ชาญ : กลางปี 2563
ทุกวันนี้ที่คุณชาญก็ทำคุณเมย์ท้องและแต่งงานกัน ?
ชาญ : ก่อนหน้านั้นผมก็ทราบว่าเขาเลิกกับแฟนแล้ว ผมก็บอกคุณอมรรัตน์ว่าผมขอเลิกนะ ผมขอหย่าด้วย เพื่อให้ถูกต้องตามกฎหมายและศีลธรรม ผมขอหย่าให้ถูกต้อง เขาบอกว่าไม่เป็นไร เขาจะขอเก็บใบทะเบียนสมรสไว้ แต่คุณจะไปใช้ชีวิตกับใคร จะแต่งงานกับใคร จะมีลูกกับใคร คุณไปเถอะ เราแยกกันอยู่ เขาพูดอย่างนี้
คุณอมรรัตน์ (อยู่ในสาย) คุณชาญบอกว่าคุณอมรรัตน์เคยบอกว่าจะไม่จดทะเบียนหย่า แต่อนุญาตให้คุณชาญไปมีผู้หญิงอื่นได้ ?
อมรรัตน์ : ไม่ถูกค่ะ ดิฉันไม่เคยยินยอมเลยค่ะ
สิ่งที่เคยคุยกันประเด็นนี้ คุณชาญพูดถึงผู้หญิงอีกคนยังไง ?
อมรรัตน์ : เราก็ไม่ค่อยได้คุยกัน เพราะเขาบอกว่าเขาจะจัดการ เดี๋ยวทุกสิ่งทุกอย่างจะกลับมาเป็นเหมือนเดิม ให้เราอยู่นิ่ง ๆ เฉย ๆ ไว้ ไม่ต้องโพสต์อะไรในเฟซบุ๊กมากมาย เดี๋ยวทุกอย่างจะกลับมาเหมือนเดิม เขาให้ความหวังดิฉันมาตลอด ตอนนั้นก็เชื่อ แต่ในใจก็รู้ว่าเขาโกหก
ตอนคุณชาญขอเลิกขอหย่า ตอนนั้นทำไมไม่เลิกกับเขา ?
อมรรัตน์ : เรายังไม่อยากเลิกค่ะ เขายังให้ความหวังเราอยู่ เราก็คิดว่าถ้าเขาอยู่ด้วยกันไม่ได้ก็คงกลับมา เพราะสามีมาบ้านก็ไม่เคยบอกเลิกอะไรเลย
คุณชาญบอกว่าคุณอมรรัตน์ไปโวยวายระหว่างที่เขาทานข้าวกับลูกและภรรยาเก่า ทำให้ลูกตกใจมาก ?
ชาญ : ดิฉันไม่ได้ขึ้นไปโวยวายค่ะ เขาบอกว่าแพงขึ้นมาเหรอ ก็ให้นั่ง แล้วลูกสาวกับภรรยาเก่าเขาก็ยกมือไหว้ค่ะ แล้วภรรยาเก่าก็ลุกขึ้นโวยวาย ดิฉันไม่อยากต่อปากต่อคำ เพราะอยู่ในร้านของห้างก็เลยเดินออกมา
เหมือนหนังคนละม้วน เหตุการณ์ทุกอย่างเป็นแบบนี้แล้วจะทำยังไงต่อไป ?
อมรรัตน์ : ดิฉันจะขอความเป็นธรรมตามกฎหมาย ให้คุณทนายดำเนินการให้ทุกอย่างค่ะ
นับจากนี้ไปกับคุณชาญจะยังไงต่อ ?
อมรรัตน์ : ไม่พูดถึงอีกแล้วค่ะ จะหย่าค่ะ ทำการฟ้องหย่าค่ะ
ตอนนี้คุณแม่เป็นยังไงบ้าง ?
อมรรัตน์ : จิตใจก็ย่ำแย่ค่ะ กลัวลูกสาวจะเป็นอะไรไป เพราะโดนข่มขู่ทุกสิ่งทุกอย่าง คนข่มขู่ก็ตามที่ไลฟ์ค่ะ แม่เขาก็แก่ ก็คิดมาก เขาบอกจะมีนายทหารใหญ่ นายตำรวจใหญ่ขึ้นมาบ้าน ให้ระวังตัวไว้ ผมเตือนแล้วนะถ้าไม่ลบโพสต์ เราก็กลัว
ผู้หญิงอีกคนเขาขอโทษเราแล้ว จะให้อภัยไหม ?
อมรรัตน์ : ทุกอย่างขอให้เป็นไปตามกฎหมายค่ะ
สรุปเรื่องยังไง คุณอมรรัตน์บอกไม่ได้เป็นฝ่ายโวยวาย แต่เป็นภรรยาเก่าที่ลุกขึ้นมาโวยวาย ?
ชาญ : ก่อนหน้านั้นช่วงที่เขาเข้ามา เขาก็พูดจาไม่ค่อยดี ผมก็บอกว่าให้นั่งก่อน ให้ใจเย็น ๆ ก่อน เขาบอกมีความสุขมากใช่ไหมกับภรรยาเก่ากับลูก คุณขึ้นมาทำไม ผมบอกว่าอย่าขึ้นมา ผมไลน์บอกเขาทุกช่วงเวลาว่าทานข้าวอยู่ที่ไหน ผมไม่เคยปิดบัง พอเขาพูดผมก็บอกใจเย็น ๆ นั่งลงก่อน ภรรยาเก่าก็ค่อนข้างมีอารมณ์ ก็ต่อว่ากันว่าขึ้นมาทำไม หลังจากนั้นลูกผมก็ร้องไห้วิ่งกระเจิงกันไปหมดเลย
เรื่องการขู่ เราขู่เขาจริงไหม ?
ชาญ : มันคนละช่วงเวลากัน ต้นปีนี้ผมก็โทร. ไปหาคุณอมรรัตน์อีกครั้ง บอกว่าผมขอหย่าดี ๆ แล้วกัน แต่จะให้ดูแลแบบไหนก็ตกลงกัน ผมไม่มีเวลาไปคุย แต่คุยกันทางโทรศัพท์ก่อน ถ้าตกลงเดี๋ยวเอาผู้ใหญ่ไปคุย เขาก็บอกว่าถ้าจะหย่าเอามา 2 ล้าน
แล้วได้ขู่ไหม ?
ชาญ : จริงครับ ด้วยความโมโหสุด ๆ ตอนนั้น ด้วยความผูกพันเราเป็นญาติกัน ตอนอยู่ด้วยกัน ยุงกัดเขาผมยังไม่กล้าตบ เพราะกลัวเขาเจ็บ ก่อนช่วงเขาไลฟ์ เขาไปเจอที่ผมโพสต์ว่าขอใช้ชีวิตกับภรรยาคนใหม่ เป็นภาพเวดดิ้งกับน้องเมย์ เขาเอาภาพนั้นไปแนบกับรูปภาพผมกับเขาที่มีทะเบียนสมรส ผมก็บอกว่าลบได้ไหม เพราะเดี๋ยวจะมีคนตายเกิดขึ้นนะ ผมก็หมายถึงน้องเมย์จะเสียใจ จนผมก็ขาดสติโมโหอย่างมาก ก็เลยขู่เขาไป แต่ผมไม่ทำหรอกครับ
แล้วจะยังไงต่อไป ?
ชาญ : ด้วยเราศึกษาดูใจกันค่อนข้างจะสั้น ทัศนคติไม่ตรงกันหลาย ๆ เรื่อง แต่เหตุการณ์เกิดขึ้นมาแล้ว ผลกระทบทุกอย่างผมยอมรับผิดคนเดียว และยังจะดูแลเขาต่อไป และดูแลน้องเมย์ ผมเป็นห่วงลูกมาก
ทุกวันนี้เลิกกับคุณอมรรัตน์หรือยัง ?
ชาญ : ทางพฤตินัยเด็ดขาดครับ ก็มีโทร. คุยครั้งสุดท้ายก่อนเขาไลฟ์ว่าผมไปขู่ฆ่า ซึ่งจริง ๆ ไม่ใช่ ผมขอให้ลบภาพบุคคลที่สามที่ไม่เกี่ยวข้องได้ไหม ตอนนี้ใจผมเป็นห่วงลูกมาก น้องเมย์เขาท้องอยู่
กับคุณเมย์จะยังไง ?
ชาญ : ขอแสดงความรับผิดชอบดูแลน้องเมย์กับดูแลลูก
เมย์เขาว่าไงบ้าง?
ชาญ : ตามที่น้องได้บอกไปเมื่อวาน ผมเป็นลูกผู้ชาย ผมทำผิดก็ยอมรับผิด แต่ผมจะดูแลน้องเมย์และดูแลลูก
เรายังมีทะเบียนสมรสกับภรรยาเก่า อะไรทำให้ตัดสินใจไปแต่งงานกับผู้หญิงอีกคน ไม่กลัวปัญหาจะเกิดแบบนี้เหรอ ?
ชาญ : ด้วยผมคุยกับคุณอมรรัตน์ เขาบอกไม่หย่า ผมเข้าใจนะด้วยเรื่องศีลธรรมกฎหมาย แต่นี่คือชีวิต ผมอยากให้เขารักคนของผม
คุณเมย์เขาทราบไหมว่าคุณยังไม่ได้หย่าตอนแต่งงาน ?
ชาญ : ผมไม่ได้บอกเขา ผมบอกแค่ว่าผมเคลียร์แล้วนะ ผมขอเลิกเขาแล้วนะ
ไพศาล : คุณรู้ดีเรื่องศีลธรรมและกฎหมาย คุณรู้ไหมการกระทำแบบนี้ต้องดูไปที่สังคม คุณมีลูกสาว 2 คนด้วย คุณคิดถึงผลกระทบเรื่องนี้หรือเปล่า ไม่มีใครยอมรับได้ จะอ้างเหตุผลร้อยแปดว่าคบกันมาปีกว่า แต่เขาไม่ได้ดูแลห่วงใยลูกคุณ ถ้าคุณอ้างแบบนี้แล้วผู้ชายหลาย ๆ คนในประเทศทำแบบนี้ จะเกิดความวิบัติในสังคมไหม ผมถามในฐานะนักกฎหมายด้วย เพราะเรื่องนี้ผมก็ไม่โอเค มันผิดศีลธรรม ไม่ต้องพูดเรื่องกฎหมายหรอก คุณผิดแน่นอน คำว่ารักลูกของคุณต้องไม่มีผลกระทบไปที่ลูกสาวของคุณ ขอพูดว่ามันเป็นตรรกะที่ผิด ผมเข้าใจหัวอกเมียหลวงนะ เขาโดนผลกระทบแบบนี้ อย่างที่พูดว่าผู้ชายผู้หญิงถ้าไม่ร่วมกันตบมือก็ไม่ดังหรอก ต่อให้รู้หรือไม่รู้ก็ผิด ต่อให้น้องเขาสนิทกับผม มันก็น่าเสียใจตรงที่เด็กคนนี้อยู่ใกล้ตัวผม และน่าเสียใจสุดคือคุณอายุมากกว่าเขา คุณมีวิจารณญาณแล้ว การที่คุณบอกว่าคุณรู้จักศีลธรรม รู้จักกฎหมาย ถ้าเป็นจริงคุณไม่ทำแบบนี้หรอก
ถ้าผู้ชายอยากหย่ากับภรรยา แล้วภรรยาไม่ยอมหย่า สามารถฟ้องหย่าได้ไหม ?
ไพศาล : มันต้องมีเหตุ เช่น ทิ้งร้างเกิน 1 ปี ยกย่องภรรยาหรือชายอื่น ถ้าอยู่กันไม่ได้พูดคุยกัน ถ้าตกลงกันไม่ได้ คุณไม่มีสิทธิ์ไปแต่งงานใหม่ คุณเป็นคนในสังคม บริบทในสังคมมันจะบิดเบี้ยวเลย ถึงคุณบอกว่าเป็นชีวิตจริง เป็นความรักของคุณ คุณอยู่กันไม่ได้ เขาทำให้ลูกเสียใจ ทำให้คุณเสียใจ แต่ผมว่าตอนนี้คุณกำลังทำร้ายตัวเอง ทำร้ายผู้หญิง 2 คน และเด็กอีก ที่ถามว่าทำยังไงให้หย่าได้ มีทางเดียวคุณไปตกลงกัน ถ้าตกลงกันไม่ได้ก็ต้องอยู่กันไปแบบนี้ ทะเบียนสมรสเป็นข้อกำหนดกฎหมายให้ซื่อสัตย์ต่อกัน คุณไม่ต้องมาอ้างว่าปีกว่า มันไม่ใช่ประเด็น
มีอะไรอยากบอกคุณอมรรัตน์ ?
ชาญ : ที่ผ่านมาทำให้คุณอมรรัตน์และญาติ ๆ ต้องผิดหวัง พ่อแม่พี่น้องทุกคน ผมขอโทษนะครับ ผมยอมรับผิดทุกประการ แต่ในมุมหนึ่งเราคือญาติกัน ผมก็พร้อมดูแลเขาต่อไป ซึ่งจากประเด็นที่เขาบอกว่าผมไม่ได้ส่ง ผมยังส่งดูแลอยู่ แต่ส่งผ่านพ่อแม่ผม อย่างน้อยผมอยากให้เขาไปเยี่ยมเยียนถามข่าวพ่อแม่ผมบ้าง ผมขอโทษที่ทำผิดกับคุณอมรรัตน์ ด้วยความน้อยเนื้อต่ำใจ ระยะเวลาที่อยู่ด้วยกันมันน้อย ศึกษาดูใจกันน้อย ทัศนคติหลายอย่างไม่ตรงกัน มันเลยเถิดมาเป็นเหตุการณ์ปัจจุบันนี้
อยากบอกอะไรสังคม ?
ชาญ : ผมทำผิด ผมยอมรับผิด ผมรู้ว่าสิ่งที่ทำมันผิดศีลธรรม ผมยอมรับผิดทุกการประณาม ขอให้ทุกคนที่ประณาม ประณามผมคนเดียว
จากกรณีเมียหลวงออกมาไลฟ์ขอความเป็นธรรม หลังสามีหนีไปแต่งงานกับเมียน้อยทั้งที่ยังไม่หย่า และเคยถูกขู่ฆ่า ขณะที่ฝ่ายเมียน้อยได้ออกมาขอโทษทั้งน้ำตา และบอกว่าจะขอเลี้ยงลูกคนเดียว ซึ่งทางรายการ ถามสุดซอย ได้เปิดใจสัมภาษณ์ คุณชาญ ฝ่ายสามี พร้อมด้วยคุณไพศาล เรืองฤทธิ์ ทนายความ เกี่ยวกับเรื่องนี้ โดยมี ธัญญ่า ธัญญาเรศ เป็นผู้ดำเนินรายการ
อ่านข่าว : เมียหลวงช้ำ.. โดนเมียน้อยขู่เผานั่งยาง - หนุ่ม กรรชัย คุยแม่ผัว เจอสายหลุด พีคกลางอากาศ
อ่านข่าว : เมียน้อยร่ำไห้ ขอโทษเมียหลวง จากนี้เลี้ยงลูกในท้องคนเดียว - ผัวปล่อยโฮ รับผิดที่เห็นแก่ตัว
เหตุผลที่ไม่ปิดหน้าเพราะอะไร ?
ชาญ : ผมต้องการบอกให้ทุกคนรู้ว่าสิ่งที่ผมทำผิด ผมยอมรับผิด
ไม่อาย ?
ชาญ : ผมเป็นลูกผู้ชาย ผมทำผิดผมก็ยอมรับผิด ผมไม่อาย พร้อมยอมรับกับกระแสสังคมที่ถาโถมกระหน่ำเข้ามา อีกมุมก็อยากมาชี้แจงในรายการว่าลูกผู้ชายคนหนึ่งที่อึดอัด (เสียงสั่น) เจ็บปวด มีอะไรบ้าง
เรื่องเจ็บปวดคือเรื่องอะไร ?
ชาญ : เดิมทีเราเริ่มรู้จักกันกับคุณอมรรัตน์ เดือนสิงหาคม ปี 2561 ก่อนรู้จักคุณอมรรัตน์เคยมีภรรยา แต่งงาน จดทะเบียน มีลูกสาว 2 คน และได้หย่าร้างกันไป อยู่ด้วยกัน 20 ปี แล้วหย่าร้าง มาเจอคุณอมรรัตน์ รู้จักตอนสิงหาคม-กันยายน ปี 2561 ด้วยความเป็นญาติห่าง ๆ ไม่ใช่โดยสายเลือด ผู้ใหญ่แนะนำให้รู้จักกันแล้วไปมาหาสู่กัน ช่วยเหลือพูดคุยกันและกัน หลังผมเลิกรากับภรรยาคนเก่า พฤศจิกายน-ธันวาคม ปลายปี เราประกาศให้ผู้ใหญ่รับทราบว่าเราเริ่มคบกัน มีเหตุการณ์ในวันหนึ่งที่แม่คุณอมรรัตน์โรคประจำตัวกำเริบ อาการค่อนข้างหนัก มีญาติผู้ใหญ่ รวมถึงผมด้วย ให้ความเห็นว่าเป็นไปได้ไหมที่จะรับปากแต่งงาน อย่างน้อยให้ตายตาหลับ ผมก็พูดกับแม่ว่าผมเคยใช้ชีวิตคู่ 20 ปี แล้วเลิกรากันไป มันเจ็บพอสมควร ผมขอศึกษาดูใจผู้หญิงคนนี้สัก 4-5 ปี ได้ไหม ซึ่งแม่บอกว่าทำบุญเถอะลูก หลังรับปากอาการคุณแม่คุณอมรรัตน์ก็ดีขึ้นตามลำดับ ผมรับปากจะแต่งงานและพาผู้ใหญ่ไปสู่ขอช่วงเดือนธันวาคม และจัดงานแต่งงานวันที่ 18 มกราคม ปี 2562 ทุกอย่างก็ดำเนินมาด้วยดี
แล้วคุณชาญมาเจอคุณเมย์ตอนไหน ?
ชาญ : ขอย้อนไปอีกนิดหนึ่ง หลังจดทะเบียน การใช้ชีวิตเรา 2 คนขยับห่างออกไปนิดหนึ่ง เพราะผมบอกว่าไม่ต้องมาก็ได้ หลังจากนั้นคุณอมรรัตน์ก็ยังมาเรื่อย ๆ
จุดที่ทำให้เราเริ่มห่างกันและไปเจอกับคุณเมย์ตอนไหน ?
ชาญ : ผมอยากให้คุณอมรรัตน์ไปสร้างอาชีพตัวเองเพื่อมีรายได้ที่บ้าน เวลาส่วนหนึ่งก็ดูแลแม่ตัวเองใกล้ชิด บางช่วงก็ให้มาเยี่ยมเยียนถามข่าว ดูแลสุขภาพพ่อแม่ผมด้วย เพราะห่างกันแค่ 15 นาที ผมก็พูดประมาณนั้นว่าเอาเวลาไปทุ่มเทกับการที่เราทำมาหากินจุนเจือรายได้ครอบครัวเราเถอะ
จุดที่พูดทำให้เราห่างกัน แล้วคุณชาญก็ไปพบคุณเมย์ ?
ชาญ : พบคุณเมย์ครั้งแรกที่ทำงาน คุณเมย์มาตรวจชิ้นงานที่ทางโรงงานผลิตให้ เห็นครั้งแรกไม่ได้ปิ๊งเลย เฉย ๆ ครับ ช่วงนั้นผมกับลูกสาวคนโตส่งอินบ็อกซ์มาหาว่าโจทย์คณิตศาสตร์ยากเหลือเกิน บางข้อแก้ไม่ได้ก็นึกถึงน้องเมย์ ช่วยได้ไหม ติดต่อลูกสาวผมโดยตรงได้ไหม เขาก็คุยกัน หลังคุยกันสนิทสนม พอมาทราบเรื่องเขาดูแลทุกเรื่องของลูกสาว ผมเริ่มประทับใจ ผู้หญิงคนนี้ไม่เคยเจอหน้ากันเลย แต่ทำไมถึงดูแลอาหารการกิน เงินทองที่ใช้แต่ละสัปดาห์เป็นยังไง ขัดสนไหม เรื่องการเรียน วิชาไหนมีปัญหายังไง รู้จักติวเตอร์ดี ๆ ตรงนั้นตรงนี้ ลูกสาวก็บอกว่าพี่เมย์เก่งนะคะพ่อ
แล้วคุณอมรรัตน์รู้จักลูกสาวเราไหม ?
ชาญ : เคสนี้เป็นเคสที่บอกว่าพ่อคนหนึ่งเจ็บมากที่สุด ผมนึกถึงเรื่องนี้ทีไรผมเก็บอาการไม่อยู่ (ร้องไห้) ต้นปี 2563 ผมขออนุญาตคุณอมรรัตน์ ซึ่งหลังปีใหม่เขาจะมาหาผม ผมก็บอกว่าขออนุญาตไปหาลูกนะ แต่จะนานมาก ผมจะพาแพงไปฝากกับป้าท่านหนึ่งที่แพงก็รู้จัก พอไปก็ให้เงินทั่วไป พาลูกสาวไปซื้อของ จับจ่ายใช้สอยของที่เกี่ยวกับการเรียนและที่ใช้ในชีวิตประจำวันลูกสาว โชคดีคุณแม่ของลูกสาวว่าง ก็สามารถพาเจ้าตัวเล็กมาหาผมได้ ทานข้าวด้วยกัน ผมก็บอกว่าผมอยู่กับลูกตรงนี้ ขอทานข้าวกับลูก มีความสุขกับลูกแป๊บหนึ่ง พูดจบไม่นาน กำลังป้อนข้าวลูกได้ 4-5 คำ ไม่เกิน 10 นาที เขาเดินเข้ามาตวาดกลางวงข้าวซึ่งคนเป็นร้อยในห้างสรรพสินค้า บอกว่าเธอมีความสุขมากใช่ไหมกับเมียเก่ากับลูก ลูกสาวคนโตร้องไห้กระเจิง เสียสติไปเลย ลูกสาวคนเล็กข้าวยังอยู่ที่ปากร่วงหมด (ร้องไห้) ผมต้องรีบกอดมาอุ้มไว้ เขากลัวมาก
ผมวางเงินเสร็จก็วิ่งไปหาลูก ไม่รู้เขาวิ่งไปไหน เขาวิ่งกระเจิง ไม่รู้เขาโกรธผมหรือเปล่า แต่เขารู้ว่าผมมีใหม่เรียบร้อย แต่ที่เขาเสียใจ เพราะต้องการบรรยากาศความสุขกลับคืนมานิดเดียว ไม่ต้องห่วงผมจะไปรีเทิร์น ไม่มีทางเป็นไปได้ อยากให้ลูกมีความสุข เพราะคนโตเขารู้ว่าผมกับภรรยาหย่ากันแล้ว แต่กับคนเล็ก แม่เขาบอกว่าผมอยู่ต่างประเทศ (ร้องไห้) ทุกครั้งที่เห็นเครื่องบิน เขาก็ถามว่าผมอยู่ที่นั่นใช่ไหม ผมก็บอกว่าผมอยู่ต่างประเทศ พ่อไปนานมากนะงวดนี้ ก็บอกว่ามาได้ไม่นานแล้วจะกลับไปต่างประเทศอีก
เหตุการณ์วันนั้นตัวเล็กร้องไห้ตัวสั่น ผมปลอบเขาอยู่นานมาก 2 ชั่วโมง เขาบอกว่าเมื่อไรพ่อจะอยู่กับหนูนาน ๆ หนูดูเครื่องบินตลอดเวลาว่าเมื่อไรพ่อจะลงมา จังหวะที่เราปลอบกัน ภรรยาเก่าก็ช่วยกัน แต่จังหวะที่แม่กำลังขยับรถออกไป เขากระโดดลงจากรถ วันนั้นถ้าแม่เขาเหยียบเบรกไม่ทัน ลูกเสียชีวิต เหตุการณ์วันนั้นทำให้ผมโทษตัวเองอย่างมาก มันเจ็บปวดกับพ่อคนหนึ่งที่เกือบทำให้ลูกตาย (ร้องไห้)
หลังคุณอมรรัตน์มาโวยวาย ทำให้ลูกตกใจ ได้เคลียร์กันยังไง ?
ชาญ : ผมก็บอกว่าผมไม่เคยรังเกียจ แต่ขอให้รักคนของผม พ่อแม่ผม ลูกผม ตัวผมไม่เป็นไร ขอให้รักลูกผมด้วย ผมรักลูกคุณ พ่อแม่คุณ ญาติคุณทุกคน ผมดูแลด้วยจิตบริสุทธิ์ ดูแลกำลังกาย กำลังเงิน กำลังใจทุกอย่าง ทำไมคุณมาทำกับแก้วตาดวงใจผมขนาดนี้ ถ้าเขาตายไปผมจะอยู่ยังไง ความรู้สึกตอนนั้นมันเจ็บปวดมาก ผมเลยบอกว่าถ้างั้นเราคงไปด้วยกันไม่ได้ จากนั้นผมก็ขับรถกลับจากกรุงเทพฯ ไปชลบุรี ผมก็ยังเจ็บฝังลึก แต่บอกตัวเองว่าเย็นไว้ เราเป็นญาติกัน เราคงไปด้วยกันยากแล้ว
ได้ขอเลิกไหม ?
ชาญ : ไม่ครับ แค่บอกว่าไปด้วยกันยาก เพราะคุณไม่ได้รักคนที่ผมรักเลย ทำไมทำกับผมขนาดนี้ เขาเงียบ ขอโทษก็ไม่มีสักคำ แต่เราก็ให้โอกาส ให้อภัยเขาอีกสักครั้ง แล้วผมก็พยายามลืม แต่ผมลืมไม่ได้ ไม่มีวันลืม (ร้องไห้) ที่ผมเกือบทำให้ลูกตาย
ลูกสาวก็ต้องเห็นข่าวพ่อ มีการอธิบายกันยังไง ?
ชาญ : ลูกสาวเข้าใจ ยังคุยกันดี
พอมาเจอคุณเมย์ คุณเมย์สนิทกับลูก แล้วมากลายเป็นความรักตอนไหน ?
ชาญ : กลางปี 2563
ทุกวันนี้ที่คุณชาญก็ทำคุณเมย์ท้องและแต่งงานกัน ?
ชาญ : ก่อนหน้านั้นผมก็ทราบว่าเขาเลิกกับแฟนแล้ว ผมก็บอกคุณอมรรัตน์ว่าผมขอเลิกนะ ผมขอหย่าด้วย เพื่อให้ถูกต้องตามกฎหมายและศีลธรรม ผมขอหย่าให้ถูกต้อง เขาบอกว่าไม่เป็นไร เขาจะขอเก็บใบทะเบียนสมรสไว้ แต่คุณจะไปใช้ชีวิตกับใคร จะแต่งงานกับใคร จะมีลูกกับใคร คุณไปเถอะ เราแยกกันอยู่ เขาพูดอย่างนี้
คุณอมรรัตน์ (อยู่ในสาย) คุณชาญบอกว่าคุณอมรรัตน์เคยบอกว่าจะไม่จดทะเบียนหย่า แต่อนุญาตให้คุณชาญไปมีผู้หญิงอื่นได้ ?
อมรรัตน์ : ไม่ถูกค่ะ ดิฉันไม่เคยยินยอมเลยค่ะ
สิ่งที่เคยคุยกันประเด็นนี้ คุณชาญพูดถึงผู้หญิงอีกคนยังไง ?
อมรรัตน์ : เราก็ไม่ค่อยได้คุยกัน เพราะเขาบอกว่าเขาจะจัดการ เดี๋ยวทุกสิ่งทุกอย่างจะกลับมาเป็นเหมือนเดิม ให้เราอยู่นิ่ง ๆ เฉย ๆ ไว้ ไม่ต้องโพสต์อะไรในเฟซบุ๊กมากมาย เดี๋ยวทุกอย่างจะกลับมาเหมือนเดิม เขาให้ความหวังดิฉันมาตลอด ตอนนั้นก็เชื่อ แต่ในใจก็รู้ว่าเขาโกหก
ตอนคุณชาญขอเลิกขอหย่า ตอนนั้นทำไมไม่เลิกกับเขา ?
อมรรัตน์ : เรายังไม่อยากเลิกค่ะ เขายังให้ความหวังเราอยู่ เราก็คิดว่าถ้าเขาอยู่ด้วยกันไม่ได้ก็คงกลับมา เพราะสามีมาบ้านก็ไม่เคยบอกเลิกอะไรเลย
คุณชาญบอกว่าคุณอมรรัตน์ไปโวยวายระหว่างที่เขาทานข้าวกับลูกและภรรยาเก่า ทำให้ลูกตกใจมาก ?
ชาญ : ดิฉันไม่ได้ขึ้นไปโวยวายค่ะ เขาบอกว่าแพงขึ้นมาเหรอ ก็ให้นั่ง แล้วลูกสาวกับภรรยาเก่าเขาก็ยกมือไหว้ค่ะ แล้วภรรยาเก่าก็ลุกขึ้นโวยวาย ดิฉันไม่อยากต่อปากต่อคำ เพราะอยู่ในร้านของห้างก็เลยเดินออกมา
เหมือนหนังคนละม้วน เหตุการณ์ทุกอย่างเป็นแบบนี้แล้วจะทำยังไงต่อไป ?
อมรรัตน์ : ดิฉันจะขอความเป็นธรรมตามกฎหมาย ให้คุณทนายดำเนินการให้ทุกอย่างค่ะ
นับจากนี้ไปกับคุณชาญจะยังไงต่อ ?
อมรรัตน์ : ไม่พูดถึงอีกแล้วค่ะ จะหย่าค่ะ ทำการฟ้องหย่าค่ะ
ตอนนี้คุณแม่เป็นยังไงบ้าง ?
อมรรัตน์ : จิตใจก็ย่ำแย่ค่ะ กลัวลูกสาวจะเป็นอะไรไป เพราะโดนข่มขู่ทุกสิ่งทุกอย่าง คนข่มขู่ก็ตามที่ไลฟ์ค่ะ แม่เขาก็แก่ ก็คิดมาก เขาบอกจะมีนายทหารใหญ่ นายตำรวจใหญ่ขึ้นมาบ้าน ให้ระวังตัวไว้ ผมเตือนแล้วนะถ้าไม่ลบโพสต์ เราก็กลัว
ผู้หญิงอีกคนเขาขอโทษเราแล้ว จะให้อภัยไหม ?
อมรรัตน์ : ทุกอย่างขอให้เป็นไปตามกฎหมายค่ะ
สรุปเรื่องยังไง คุณอมรรัตน์บอกไม่ได้เป็นฝ่ายโวยวาย แต่เป็นภรรยาเก่าที่ลุกขึ้นมาโวยวาย ?
ชาญ : ก่อนหน้านั้นช่วงที่เขาเข้ามา เขาก็พูดจาไม่ค่อยดี ผมก็บอกว่าให้นั่งก่อน ให้ใจเย็น ๆ ก่อน เขาบอกมีความสุขมากใช่ไหมกับภรรยาเก่ากับลูก คุณขึ้นมาทำไม ผมบอกว่าอย่าขึ้นมา ผมไลน์บอกเขาทุกช่วงเวลาว่าทานข้าวอยู่ที่ไหน ผมไม่เคยปิดบัง พอเขาพูดผมก็บอกใจเย็น ๆ นั่งลงก่อน ภรรยาเก่าก็ค่อนข้างมีอารมณ์ ก็ต่อว่ากันว่าขึ้นมาทำไม หลังจากนั้นลูกผมก็ร้องไห้วิ่งกระเจิงกันไปหมดเลย
เรื่องการขู่ เราขู่เขาจริงไหม ?
ชาญ : มันคนละช่วงเวลากัน ต้นปีนี้ผมก็โทร. ไปหาคุณอมรรัตน์อีกครั้ง บอกว่าผมขอหย่าดี ๆ แล้วกัน แต่จะให้ดูแลแบบไหนก็ตกลงกัน ผมไม่มีเวลาไปคุย แต่คุยกันทางโทรศัพท์ก่อน ถ้าตกลงเดี๋ยวเอาผู้ใหญ่ไปคุย เขาก็บอกว่าถ้าจะหย่าเอามา 2 ล้าน
แล้วได้ขู่ไหม ?
ชาญ : จริงครับ ด้วยความโมโหสุด ๆ ตอนนั้น ด้วยความผูกพันเราเป็นญาติกัน ตอนอยู่ด้วยกัน ยุงกัดเขาผมยังไม่กล้าตบ เพราะกลัวเขาเจ็บ ก่อนช่วงเขาไลฟ์ เขาไปเจอที่ผมโพสต์ว่าขอใช้ชีวิตกับภรรยาคนใหม่ เป็นภาพเวดดิ้งกับน้องเมย์ เขาเอาภาพนั้นไปแนบกับรูปภาพผมกับเขาที่มีทะเบียนสมรส ผมก็บอกว่าลบได้ไหม เพราะเดี๋ยวจะมีคนตายเกิดขึ้นนะ ผมก็หมายถึงน้องเมย์จะเสียใจ จนผมก็ขาดสติโมโหอย่างมาก ก็เลยขู่เขาไป แต่ผมไม่ทำหรอกครับ
แล้วจะยังไงต่อไป ?
ชาญ : ด้วยเราศึกษาดูใจกันค่อนข้างจะสั้น ทัศนคติไม่ตรงกันหลาย ๆ เรื่อง แต่เหตุการณ์เกิดขึ้นมาแล้ว ผลกระทบทุกอย่างผมยอมรับผิดคนเดียว และยังจะดูแลเขาต่อไป และดูแลน้องเมย์ ผมเป็นห่วงลูกมาก
ทุกวันนี้เลิกกับคุณอมรรัตน์หรือยัง ?
ชาญ : ทางพฤตินัยเด็ดขาดครับ ก็มีโทร. คุยครั้งสุดท้ายก่อนเขาไลฟ์ว่าผมไปขู่ฆ่า ซึ่งจริง ๆ ไม่ใช่ ผมขอให้ลบภาพบุคคลที่สามที่ไม่เกี่ยวข้องได้ไหม ตอนนี้ใจผมเป็นห่วงลูกมาก น้องเมย์เขาท้องอยู่
กับคุณเมย์จะยังไง ?
ชาญ : ขอแสดงความรับผิดชอบดูแลน้องเมย์กับดูแลลูก
เมย์เขาว่าไงบ้าง?
ชาญ : ตามที่น้องได้บอกไปเมื่อวาน ผมเป็นลูกผู้ชาย ผมทำผิดก็ยอมรับผิด แต่ผมจะดูแลน้องเมย์และดูแลลูก
เรายังมีทะเบียนสมรสกับภรรยาเก่า อะไรทำให้ตัดสินใจไปแต่งงานกับผู้หญิงอีกคน ไม่กลัวปัญหาจะเกิดแบบนี้เหรอ ?
ชาญ : ด้วยผมคุยกับคุณอมรรัตน์ เขาบอกไม่หย่า ผมเข้าใจนะด้วยเรื่องศีลธรรมกฎหมาย แต่นี่คือชีวิต ผมอยากให้เขารักคนของผม
คุณเมย์เขาทราบไหมว่าคุณยังไม่ได้หย่าตอนแต่งงาน ?
ชาญ : ผมไม่ได้บอกเขา ผมบอกแค่ว่าผมเคลียร์แล้วนะ ผมขอเลิกเขาแล้วนะ
ไพศาล : คุณรู้ดีเรื่องศีลธรรมและกฎหมาย คุณรู้ไหมการกระทำแบบนี้ต้องดูไปที่สังคม คุณมีลูกสาว 2 คนด้วย คุณคิดถึงผลกระทบเรื่องนี้หรือเปล่า ไม่มีใครยอมรับได้ จะอ้างเหตุผลร้อยแปดว่าคบกันมาปีกว่า แต่เขาไม่ได้ดูแลห่วงใยลูกคุณ ถ้าคุณอ้างแบบนี้แล้วผู้ชายหลาย ๆ คนในประเทศทำแบบนี้ จะเกิดความวิบัติในสังคมไหม ผมถามในฐานะนักกฎหมายด้วย เพราะเรื่องนี้ผมก็ไม่โอเค มันผิดศีลธรรม ไม่ต้องพูดเรื่องกฎหมายหรอก คุณผิดแน่นอน คำว่ารักลูกของคุณต้องไม่มีผลกระทบไปที่ลูกสาวของคุณ ขอพูดว่ามันเป็นตรรกะที่ผิด ผมเข้าใจหัวอกเมียหลวงนะ เขาโดนผลกระทบแบบนี้ อย่างที่พูดว่าผู้ชายผู้หญิงถ้าไม่ร่วมกันตบมือก็ไม่ดังหรอก ต่อให้รู้หรือไม่รู้ก็ผิด ต่อให้น้องเขาสนิทกับผม มันก็น่าเสียใจตรงที่เด็กคนนี้อยู่ใกล้ตัวผม และน่าเสียใจสุดคือคุณอายุมากกว่าเขา คุณมีวิจารณญาณแล้ว การที่คุณบอกว่าคุณรู้จักศีลธรรม รู้จักกฎหมาย ถ้าเป็นจริงคุณไม่ทำแบบนี้หรอก
ถ้าผู้ชายอยากหย่ากับภรรยา แล้วภรรยาไม่ยอมหย่า สามารถฟ้องหย่าได้ไหม ?
ไพศาล : มันต้องมีเหตุ เช่น ทิ้งร้างเกิน 1 ปี ยกย่องภรรยาหรือชายอื่น ถ้าอยู่กันไม่ได้พูดคุยกัน ถ้าตกลงกันไม่ได้ คุณไม่มีสิทธิ์ไปแต่งงานใหม่ คุณเป็นคนในสังคม บริบทในสังคมมันจะบิดเบี้ยวเลย ถึงคุณบอกว่าเป็นชีวิตจริง เป็นความรักของคุณ คุณอยู่กันไม่ได้ เขาทำให้ลูกเสียใจ ทำให้คุณเสียใจ แต่ผมว่าตอนนี้คุณกำลังทำร้ายตัวเอง ทำร้ายผู้หญิง 2 คน และเด็กอีก ที่ถามว่าทำยังไงให้หย่าได้ มีทางเดียวคุณไปตกลงกัน ถ้าตกลงกันไม่ได้ก็ต้องอยู่กันไปแบบนี้ ทะเบียนสมรสเป็นข้อกำหนดกฎหมายให้ซื่อสัตย์ต่อกัน คุณไม่ต้องมาอ้างว่าปีกว่า มันไม่ใช่ประเด็น
มีอะไรอยากบอกคุณอมรรัตน์ ?
ชาญ : ที่ผ่านมาทำให้คุณอมรรัตน์และญาติ ๆ ต้องผิดหวัง พ่อแม่พี่น้องทุกคน ผมขอโทษนะครับ ผมยอมรับผิดทุกประการ แต่ในมุมหนึ่งเราคือญาติกัน ผมก็พร้อมดูแลเขาต่อไป ซึ่งจากประเด็นที่เขาบอกว่าผมไม่ได้ส่ง ผมยังส่งดูแลอยู่ แต่ส่งผ่านพ่อแม่ผม อย่างน้อยผมอยากให้เขาไปเยี่ยมเยียนถามข่าวพ่อแม่ผมบ้าง ผมขอโทษที่ทำผิดกับคุณอมรรัตน์ ด้วยความน้อยเนื้อต่ำใจ ระยะเวลาที่อยู่ด้วยกันมันน้อย ศึกษาดูใจกันน้อย ทัศนคติหลายอย่างไม่ตรงกัน มันเลยเถิดมาเป็นเหตุการณ์ปัจจุบันนี้
อยากบอกอะไรสังคม ?
ชาญ : ผมทำผิด ผมยอมรับผิด ผมรู้ว่าสิ่งที่ทำมันผิดศีลธรรม ผมยอมรับผิดทุกการประณาม ขอให้ทุกคนที่ประณาม ประณามผมคนเดียว