ถอดกรณีกราดยิง อดีตทหารเข้าข่ายผิดปกติทางจิตหรือไม่ สังคมคาใจ ป่วยจิตแล้วไม่ต้องรับโทษจริงหรือ แม้ก่อเหตุอุจฉกรรจ์ เปิดข้อกฎหมายชัด ๆ คลายข้อข้องใจ
จากกรณีที่ นายกวิน แสงนิลกุล ก่อเหตุอุกอาจด้วยการยิงพนักงานเซเว่นจนเสียชีวิต ก่อนจะขับรถเข้าไปก่อเหตุยิงคนไข้ในโรงพยาบาลสนาม สถาบันธัญญารักษ์ จ.ปทุมธานี ช่วงกลางดึก และหลบหนีไปที่บ้านญาติที่ จ. ระนอง ซึ่งผู้ก่อเหตุได้ยอมมอบตัวในเวลาต่อมา ซึ่งทางตำรวจมีการตั้งข้อหาหนักหลายข้อหานั้น
อ่านข่าว : สางปมคาใจ หนุ่มก่อเหตุกราดยิง โดนรุ่นพี่ทหารซ้อมจนฝังใจ - ไม่รู้ตรงนั้นเป็น รพ.สนาม
คืบหน้า (25 มิถุนายน 2564) รายการข่าววันศุกร์ ทางช่องวัน มีการตั้งข้อสังเกตว่า ระหว่างควบคุมตัวนายกวินไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพทั้งที่ร้านสะดวกซื้อและโรงพยาบาลสนาม ท่ามกลางการจับกุมคล้ายว่าผู้ก่อเหตุจะจำทุกอย่างได้และยังมีสติรับรู้ตอนที่ยิงผู้อื่น โดยในจุดหนึ่งที่สอบถามถึงแรงจูงใจในการก่อเหตุ นายกวินยอมรับว่าเข้าใจผิดคิดว่าโรงพยาบาลสนามเป็นสถานบำบัดผู้ติดยาเสพติด
นอกจากนี้ นายกวิน ยังได้ให้สัมภาษณ์ว่าตนเองเคยถูกคนทำร้ายก่อนจนเกิดอาการ PTSD จนออกไปก่อเหตุ ซึ่งโรคดังกล่าวเป็นภาวะความผิดปกติทางอารมณ์หลังเกิดเหตุการณ์รุนแรงขึ้น อีกทั้งเมื่อตรวจสอบภาพในโซเชียลของนายกวิน พบว่ามีการลงภาพขณะอยู่ค่ายทหาร ถือปืน หรือภาพซ้อมรบ หลายภาพด้วยกัน
อ่านข่าว : รู้จัก PTSD โรคที่หนุ่มกราดยิงอ้างว่าเป็น สู่คำถาม ควรให้คนป่วยเป็นทหารไหม
สำหรับคดีที่เกิดขึ้นนี้ ทางตำรวจได้ตั้งข้อหานายกวิน 5 ข้อหาด้วยกัน คือ
1. ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา
2. พยายามฆ่าผู้อื่น
3. มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต
4. พกพาอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนโดยไม่มีเหตุอันควร
5. ยิงปืนในที่สาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่สังคมตั้งข้อสงสัยคือ การกระทำของนายกวินเข้าข่ายผิดปกติทางจิตหรือไม่ และหากเข้าข่ายผิดปกติ ผู้ต้องหาจะได้รับการลดหรือละเว้นโทษหรือไม่ตามกฎหมายไทย
ด้าน จั๊ด ธีมะ กาญจนไพริน ผู้ประกาศข่าวรายการข่าววันศุกร์ ได้เปิดข้อมูลกฎหมายไทยเกี่ยวกับการรับผิดของคนที่มีอาการผิดปกติทางจิต หรืออาการทางจิตเวช ซึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 65 ผู้ใดกระทำความผิดในขณะไม่สามารถรู้ผิดชอบ หรือไม่สามารถบังคับตนเองได้เพราะมีจิตบกพร่องหรือจิตฟั่นเฟือน ผู้นั้นไม่ต้องรับโทษสำหรับความผิดนั้น
ขณะที่ในด้านจิตวิทยา หากมีผู้ต้องหาหรือจำเลยที่ตกอยู่ในกระบวนการยุติธรรมแล้วสังคมสงสัยว่า บุคคลดังกล่าวมีความผิดปกติทางจิตหรือไม่นั้น องค์การอนามัยโลกแยกผู้ที่กระทำความผิดและ อาการทางจิตเวช ดังนี้
1. ความผิดปกติทางจิต ที่เกิดจากโรคทางกาย
2. ความผิดปกติทางจิตที่เกิดจากการใช้สารเสพติด
3. โรคจิตเภทและหลงผิด
4. ความผิดปกติทางอารมณ์
5. กลุ่มโรคประสาท
6. กลุ่มความผิดปกติที่เกิดจากสตรีระวิทยาและพฤติกรรม
7. บุคลิกภาพและพฤติกรรมผิดปกติในผู้ใหญ่
8. ปัญญาอ่อน
9. ความผิดปกติของพัฒนาการทางจิต เช่น ออทิซึ่ม
10. พฤติกรรมและความผิดปกติที่เกิดในเด็กและวัยรุ่น
ทั้งนี้ เมื่อนำมาเทียบกับข้อกฎหมายไทย พบว่าอาการผิดปกติที่ได้รับการพิสูจน์ว่าเป็นแล้วน่าจะได้ละเว้นโทษ มีเพียง 2 จาก 10 ข้อ ขององค์การอนามัยโลก คือเป็นโรคจิตเภท และ ปัญญา อ่อน นั่นคือหากนายกวินไปตรวจพิสูจน์ แล้วแพทย์บอกว่าเป็นอาการ 2 ลักษณะนี้เท่านั้น ที่กฎหมายสามารถเว้นโทษให้การกระทำความผิดนี้ได้
อย่างไรก็ตาม จากข้อมูลการสันนิษฐานของสื่อต่าง ๆ คาดว่าอาการของนายกวินน่าจะเข้าข่าย
- โรคหลายบุคลิก จำไม่ได้ว่าเกิดอะไร จำไม่ได้ว่าทำอะไรลงไป
- ภาวะป่วยทางจิตจากเหตุการณ์รุนแรง (PTSD) อ้างว่าถูกครูฝึกทรมาน
- อาการ weapons effect เคยชินกับการใช้อาวุธ ชอบเรียนรู้จนเชี่ยวชาญ เมื่อมีความกดดันจะใช้อาวุธลงมือทันที
แต่จากข้อมูลที่นายกวินรับสารภาพกับทางตำรวจว่าจำได้ทุกอย่างตอนก่อเหตุ ทำให้ไม่น่าเข้าข่ายโรคหลายบุคลิก เพราะหากเป็นโรคหลายบุคลิกจะต้องจำไม่ได้ว่าทำอะไรลงไป นำมาสู่ข้อสันนิษฐานว่า คดีน่าจะดำเนินไปตามความผิดที่ก่อ
ทั้งนี้ คงจะต้องเป็นหน้าที่ของผู้เชี่ยวชาญในการตรวจสอบและยืนยันอีกครั้ง ว่าอาการของนายกวินนับว่ามีความผิดปกติทางจิตหรือไม่ และจะเข้าข่ายอาการใด ที่เข้าข่ายการได้รับละเว้นโทษทางกฎหมายหรือไม่
ภาพจาก สำนักข่าว INN
