โต้ข่าว ณวัฒน์ อิสรไกรศีล หนีจากโรงพยาบาล หลังมีคลิปเสียงหลุดคุยกับหมอ ด้าน รพ.ปิยะเวท ตั้งโต๊ะแถลง ณวัฒน์เต็มใจขอกลับบ้านเอง เพราะอาการปลอดภัยดีแล้ว แจงแล้ว สั่งไล่ออก รอง ผอ.รพ.ปิยะเวท คู่กรณี ณวัฒน์ จริงหรือไม่ ?
เป็นประเด็นร้อนที่คนให้ความสนใจอย่างมาก กรณี ณวัฒน์ อิสรไกรศีล พิธีกรชื่อดัง และเจ้าพ่อเวทีนางงามมิสแกรนด์ ไลฟ์เฟซบุ๊กอ้างว่าถูกไล่ให้ออกจากโรงพยาบาล ขณะรักษาโควิด 19 ต่อมามีคลิปเสียงหลุด ซึ่งพบว่าณวัฒน์ ไม่ได้ถูกไล่อย่างที่กล่าวอ้าง แต่คุณหมอแจ้งว่าอาการดีขึ้นจนสามารถกลับบ้านได้แล้ว พร้อมกับขอเตียงให้ผู้ป่วยรายอื่น แต่ณวัฒน์ยืนยันที่จะอยู่โรงพยาบาลต่อไปนั้น
ล่าสุด วันที่ 23 กรกฎาคม 2564 เดลินิวส์ออนไลน์ มีรายงานว่า ณวัฒน์ อิสรไกรศีล ได้หนีออกจากโรงพยาบาลไปแล้ว ก่อนที่ต่อมาจะทราบว่าเป็นเรื่องเข้าใจผิดกัน เพราะจริง ๆ แล้วไม่ได้หนี ณวัฒน์เต็มใจออกจากโรงพยาบาลโดยดีเอง
ทั้งนี้ วันบันเทิง รายงานว่า นพ.วิทิต อรรถเวชกุล ประธานกรรมการบริหาร โรงพยาบาลปิยะเวช ตั้งโต๊ะแถลงกรณีดังกล่าวระบุว่า เรื่องที่กล่าวว่าถูกเชิญให้ออกจากโรงพยาบาลภายใน 24 ชั่วโมง แม้ยังป่วยหนักนั้น เป็นการสื่อสารอาจทำให้เข้าใจคลาดเคลื่อน เนื่องจากคุณณวัฒน์โทร. มาตอน 4 ทุ่ม เมื่อคืนนี้ (22 กรกฎาคม) สมัครใจขออนุญาตกลับไปรักษาตัวต่อที่บ้าน และเดินทางออกจากโรงพยาบาลเมื่อเช้าตรู่ของวันนี้
โดยการวัดออกซิเจนปลายนิ้วคุณณวัฒน์ มีค่าสูงพอที่จะไปพักรักษาตัวที่บ้านได้ เพราะสูงกว่าเดิมมาก แต่ไม่ถึงกับ 100% แต่อยู่ในภาวะปลอดภัย ส่วนเรื่องความไม่พร้อมของผู้ป่วยนั้น เป็นปกติที่ยังไม่อยากกลับบ้าน
โดยทางโรงพยาบาลไม่ได้เป็นผู้บันทึกคลิปเสียง และไม่ทราบว่าใครเป็นคนส่ง ซึ่งทางโรงพยาบาลไม่คิดจะดำเนินคดีหรือเรียกร้องใด ๆ อยากหาทางให้เรื่องจบลงด้วยดี และทางโรงพยาบาลไม่ได้ติดใจที่จะร้องขอการขอโทษจากคุณณวัฒน์
ภาพจาก สปริงนิวส์
ส่วนเรื่องที่ต้องขอความร่วมมือผู้ป่วยที่อาการดีขึ้นออกจากโรงพยาบาลนั้น เพราะจำนวนเตียงผู้ป่วยล้น โดยมีผู้ป่วยสีเขียวนอนตามฮอสพิเทล 2,570 คน และสีเหลืองวันละมากกว่า 20 คน
บางช่วงที่ขอความร่วมมือให้ผู้ป่วยเปิดกล้องวงจรปิด เพื่อจะได้ไม่ต้องใส่ชุด PPE ตลอด เครื่องช่วยหายใจที่ใช้ก็เป็นออกซิเจนครอบธรรมดา ไม่ได้เหมือนคนไข้ในไอซียู เขาสามารถใส่หรือถอดได้ ถ้ามีกิจกรรมพูดนาน ๆ หรือออกกำลังกายก็จะมีอาการเหนื่อยออกมาให้เห็น เช่นเดียวกับคุณณวัฒน์ ที่นำเครื่องออกกำลังกายเล็ก ๆ มาใช้ แต่ไม่แน่ใจรายละเอียด
อย่างไรก็ตาม โรงพยาบาลไม่อนุญาตให้ถ่ายรูปในโรงพยาบาล แต่ในห้องส่วนตัวไม่เคยออกกฎห้ามโดยตรง แต่การพาดพิงบุคคลอื่น บุคคลที่สาม จะเป็นเรื่องของกฎหมาย ทางโรงพยาบาลได้ถูกอธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพเข้ามาตรวจสอบ ดูรายละเอียดในการรักษาว่ากระทบสิทธิ์คนไข้หรือไม่ ซึ่งค่ารักษาเป็นการตั้งเบิกกับบริษัทประกันและส่วนที่เหลือเบิกกับ สปสช. ตามสิทธิ์ของผู้ป่วย








