สรุปคดีถุงมือยางปลอม นักธุรกิจสหรัฐฯ ร้องขอความเป็นธรรม เป็นผู้เสียหายแต่ถูกตั้งข้อหาพยายามฆ่า

           นายลูอิส วิลเลียม ซิสกิน นักธุรกิจชาวอเมริกัน ผู้เสียหาย เผยว่า ถุงมือยางทางการแพทย์ที่เขาสั่งซื้อจากบริษัท แพดดี้เดอะรูม ไม่ใช่ถุงยางประเภทไนไตร แต่เป็นถุงยางลาเท็กซ์ และถุงบรรจุในกล่องผลิตภัณฑ์จากบริษัทผู้ผลิตในประเทศไทย ซึ่งสินค้าไม่ได้มาตรฐานเหล่านี้ ตรวจสอบเจอตั้งแต่มีการส่งสินค้าที่ท่าเรือลองบีช สหรัฐอเมริกา เมื่อเดือนมกราคม 2564 จึงแจ้งไปยังกรมศุลกากร และสำนักงานอาหารและยาของสหรัฐฯ ให้เข้ามาตรวจสอบทันที โดยไม่ส่งสินค้าให้กับลูกค้า พร้อมทั้งเก็บสินค้าทั้งหมดไว้เป็นของกลาง
           โดยพบว่าภายในกล่องบรรจุผลิตภัณฑ์ พบถุงมือยางที่มีสีต่างกันอย่างเห็นได้ชัด และมีสภาพที่ใช้งานแล้ว นายลูอิส ในฐานะบริษัทดร็อปอิน ได้แจ้งความดำเนินคดีกับ บริษัท คอลเล็คชั่น เอ็นเตอร์ไพรส์ และพวกในความผิดฐานฉ้อโกง เนื่องจาก น.ส.เอมิลี่ ซู ที่เป็นกรรมการบริษัทคอลเล็คชั่น เอ็นเตอร์ไพรส์ ที่อยู่ในไต้หวัน ร่วมกับ นายเหวิน หยู่ ฉุน และนายวินเซนต์ เหวิน หลอกลวงให้บริษัทดร็อปอินของนายลูอิส ทำสัญญาซื้อขายถุงมือยางทางการแพทย์ประเภทไนไตร กับบริษัทคอลเล็คชั่น เอ็นเตอร์ไพรส์ และนายวินเซนต์ เป็นตัวแทนนายหน้า
           อีกทั้งพบภายหลังว่าสัญญาซื้อขายนั้นเป็นเอกสารปลอม อ้างว่าเป็นตัวแทนจำหน่ายของบริษัทศรีตรังโกลฟส์ ประเทศไทย โดยมีบริษัทแพดดี้ เดอะรูม เป็นตัวแทนจำหน่ายถุงมือของบริษัทศรีตรัง ทำให้นายลูอิสหลงเชื่อทำสัญญาซื้อขายจำนวน 4 แสนกล่อง เป็นเงิน 2.7 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือเกือบ 94 ล้านบาท และโอนเงินในช่วงปลายเดือนตุลาคม 2563
           แต่กว่าจะได้รับสินค้าล็อตแรกจำนวน 2,728 กล่อง มาถึงสหรัฐฯ ในเดือนมกราคม 2564 พบว่าเป็นถุงมือไม่ได้มาตรฐาน ทำให้นายลูอิสทักท้วงและปฏิเสธรับสินค้า รวมทั้งให้บริษัทผู้เชี่ยวชาญทำการตรวจสอบสินค้าได้รับผลว่าเป็นสินค้าปลอม และเป็นถุงมือที่ผ่านการใช้งานมาแล้ว มีการย้อมสีจากสีขาวเป็นสีน้ำเงิน เพื่อให้ดูเหมือนถุงมือไนไตร

           นอกจากนี้ นายลูอิส ยังได้สั่งสินค้าที่ได้มาตรฐานจากบริษัท ศรีตรังโกล์ฟ มาตรวจสอบเปรียบเทียบสินค้าจากโรงงานจริง พบว่ามีคุณภาพ แตกต่างจากสินค้าที่เขาได้รับจากบริษัทที่สั่งซื้ออย่างเห็นได้ชัด จึงให้ทนายความสอบถามไปยังบริษัท ศรีตรังโกลฟ์ ซึ่งได้รับยืนยันว่า ไม่ได้แต่งตั้งบริษัทคอลเล็คชั่น เอ็นเตอร์ไพรส์ หรือ แพดดี้เดอะรูม เป็นตัวแทนจำหน่าย และทางบริษัทไม่เคยซื้อขายถุงมือยางพารา อีกทั้งพบว่ามีการปลอมแปลงเอกสารและลายมือชื่อของกรรมการ ทำให้มีการฟ้องดำเนินคดีกับบริษัทแพดดี้เดอะรูมแล้วด้วย

ผู้เสียหายที่ถูกฉ้อโกง กลับกลายเป็นผู้ต้องหาพยายามฆ่า !

           จากคดีฉ้อโกงที่นายลูอิสเป็นผู้เสียหาย แต่เมื่อเดินทางมาประเทศไทย เขากลับถูกดำเนินคดีฐานอั้งยี่ซ่องโจร ร่วมกันเรียกค่าไถ่ และพยายามฆ่า จากนายวินเซนต์ เหวิน หลังจากพยายามทักท้วงไม่รับสินค้าและขอคืนเงินจากนางเอมิลี่ แต่ถูกปฏิเสธและยืนยันว่าสินค้าถูกต้อง ทำให้นายลูอิสต้องการความเป็นธรรม จากการดำเนินคดีที่ถูกปฏิบัติเป็นอาชญากร ทั้งที่มีหลักฐานยืนยันได้ว่าไม่ได้กระทำความผิด

           สำหรับคดีที่นายลูอิสตกเป็นผู้ต้องหา หลังครบกำหนดฝากขังเมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา นายลูอิสได้ขอศาลเดินทางกลับสหรัฐฯ ซึ่งศาลอนุญาตและพร้อมกลับมาต่อสู้คดี ไม่ได้หลบหนี เนื่องจากนายลูอิสยังมีฐานะเป็นผู้เสียหายในคดีที่ฟ้องฉ้อโกงกับ 2 บริษัท และ 5 ผู้ต้องหา ที่นายลูอิสเชื่อว่ามีการทำเป็นขบวนการข้ามชาติ ซึ่งในคดีนี้ทาง บก.ปอศ. อยู่ระหว่างการทำสำนวน รวมทั้งทางอัยการสูงสุด เพราะเป็นคดีนอกราชอาณาจักร คาดว่าจะมีการพิจารณาสั่งฟ้องในไม่ช้านี้

           อย่างไรก็ตาม ทนายความของผู้เสียหาย ยืนยันว่าคดีขายถุงมือยางปลอม ได้สร้างความเสียหายให้กับประเทศไทย กลายเป็นฐานการขายขยะทางการแพทย์ที่มีมูลค่าความเสียหายนับหมื่นล้านบาท จึงอยากเห็นมีการพิจารณาอย่างเป็นธรรมและโปร่งใส ซึ่งคดีนี้ทางการสหรัฐฯ ได้มีการตรวจสอบความเกี่ยวข้องของบริษัทต่าง ๆ ที่เข้าข่ายอาชาญากรรมข้ามชาตินี้ด้วย

ข่าวที่เกี่ยวข้อง :

- สรุปประเด็น CNN ตีข่าว ไทยส่งถุงมือยางใช้แล้วถึงอเมริกา หลุดได้ไงทั้งที่โดนจับ

- ทลายแก๊งขายถุงมือยาง เอาของเก่ามารีไซเคิลใหม่ อู้ฟู่ 10 ล้าน อึ้งพันธ์ยศ มีเอี่ยวอีกแล้ว
ขอบคุณข้อมูลจาก ข่าว 3 มิติ