เปิดใจแม่น้องจูนถูกหมวดแบงค์ อดีตสามีทำร้ายจนปางตายและเสียโฉม หลังศาลทหารตัดสินจำคุก 1 ปี 6 เดือน ปรับ 12,500 บาท แต่ให้รอลงอาญา ขอให้น้ำตาแม่เป็นตัวบอกความรู้สึก ชี้ตนและลูกทำดีที่สุดแล้ว
ภาพจาก รายการข่าวเช้าช่องวัน
กลับมาเป็นข่าวที่สังคมให้ความสนใจอีกครั้ง กับคดีน้องจูน นางสาวสุกฤตา สุภานิล ถูก ร.ต. ภาณุพงศ์ เจริญศรี หรือ หมวดแบงค์ อายุ 24 ปี อดีตสามี ทำร้ายร่างกายจนได้รับบาดเจ็บอาการสาหัส กะโหลกศีรษะส่วนหน้าแตกยุบ เบ้าตาด้านซ้ายแตก สมองบวม จนต้องเจาะคอเพื่อช่วยชีวิต ต้องเข้ารับการผ่าตัดหลายครั้ง โดยที่น้องจูนสลบไปนาน 3 เดือน ปัจจุบันกลายเป็นคนพิการและเสียโฉม ซึ่งเหตุเกิดขึ้นเมื่อปี 2560
โดยล่าสุด (14 ธันวาคม 2564) ศาลมณฑลทหารบกที่ 15 อ่านคำพิพากษาใน 3 ข้อหา ได้แก่ข้อหาพยายามฆ่า พิจารณาแล้วเห็นว่าจำเลยไม่มีเจตนาจะฆ่า แต่เป็นการทำร้ายร่างกายเนื่องจากบันดาลโทสะ จึงพิพากษาจำคุก 1 ปี 6 เดือน ให้รอลงอาญา 2 ปี ปรับ 12,500 บาท ส่วนข้อหาอาวุธปืน และข้อหาชิงทรัพย์ นำสืบไม่ได้ ยกประโยชน์ให้จำเลย ตามที่มีรายงานไปแล้วนั้น
อ่านข่าว : ศาลพิพากษาคดี หมวดแบงค์ ทำร้าย น้องจูน ชี้ไม่มีเจตนาฆ่า โทษคุก 1 ปี 6 เดือน
โดยล่าสุด (14 ธันวาคม 2564) ศาลมณฑลทหารบกที่ 15 อ่านคำพิพากษาใน 3 ข้อหา ได้แก่ข้อหาพยายามฆ่า พิจารณาแล้วเห็นว่าจำเลยไม่มีเจตนาจะฆ่า แต่เป็นการทำร้ายร่างกายเนื่องจากบันดาลโทสะ จึงพิพากษาจำคุก 1 ปี 6 เดือน ให้รอลงอาญา 2 ปี ปรับ 12,500 บาท ส่วนข้อหาอาวุธปืน และข้อหาชิงทรัพย์ นำสืบไม่ได้ ยกประโยชน์ให้จำเลย ตามที่มีรายงานไปแล้วนั้น
อ่านข่าว : ศาลพิพากษาคดี หมวดแบงค์ ทำร้าย น้องจูน ชี้ไม่มีเจตนาฆ่า โทษคุก 1 ปี 6 เดือน
ภาพจาก รายการข่าวเช้าช่องวัน
เกี่ยวกับเรื่องนี้ (15 ธันวาคม 2564) รายการข่าวเช้าช่องวัน รายงานบทสัมภาษณ์ คุณสุนทรี เถาวัลย์ แม่น้องจูน เปิดเผยว่า ไม่เป็นไร ตนเองเคารพคำตัดสินของศาล ถือว่าตนเองและลูกทำดีที่สุดแล้ว เพราะอย่างไรแม่ก็ยังได้ลูกกลับคืนมา ไม่อยากพูดอะไรแล้ว ให้น้ำตาของแม่เป็นการตัดสินดีกว่าว่าอย่างไร
ทั้งนี้ ตนเองบอกกับลูกว่ากรรมใครกับมัน เรากลับมายืนได้ขนาดนี้ก็เป็นบุญแล้ว อย่าไปคิดอะไร อโหสิกรรมให้เขาไปแล้วเราจะเจริญยิ่งขึ้น
เพจด้านกฎหมายวิเคราะห์ เหตุใดผู้ต้องหาไม่ติดคุก ทั้งที่ทำร้ายจนเกือบตาย
ภาพจาก รายการข่าวเช้าช่องวัน
โดยทางเพจระบุว่า สาเหตุคดีจบในศาลเดียว และไม่สามารถอุทธรณ์ฎีกาได้ เนื่องจากคดีดังกล่าวขึ้นศาลทหารในเวลาไม่ปกติ คือเป็นช่วงเวลาที่ประกาศใช้กฎอัยการศึกทั่วราชอาณาจักร ซึ่งตามพระราชบัญญัติธรรมนูญทหาร พ.ศ. 2498 กำหนดว่า กรณีนี้คู่ความจะไม่มีสิทธิอุทธรณ์ฎีกา ผลก็คือจะต้องสิ้นสุดในศาลเดียว
สำหรับผู้พิพากษาศาลทหารในคดีนี้ มีองค์คณะผู้พิพากษาประกอบด้วย ตุลาการทหาร และตุลาการพระธรรมนูญ โดยตุลาการทหาร คือ นายทหารที่มียศสูงกว่าจำเลย (ไม่จำเป็นต้องจบกฎหมาย) ส่วนตุลาการพระธรรมนูญ ต้องจบกฎหมาย
ก่อนทิ้งท้ายว่า คดีน้องจูน ทหารทำร้ายร่างกายภรรยาจนบาดเจ็บสาหัสขนาดนี้ แต่ไม่ต้องติดคุกเลย เป็นการตัดสินที่เป็นธรรมแล้วหรือไม่ ไม่สามารถฟังธงได้ เนื่องจากเป็นอำนาจตัดสินตามดุลพินิจของศาล ส่วนความรู้สึกว่าเป็นคำตัดสินที่แฟร์แล้วหรือไม่ ลงโทษผู้กระทำผิดเหมาะสมกับความผิดแล้วหรือไม่ หรือทหารตัดสินเข้าข้างกันเองหรือไม่ อยู่ที่ความคิดของแต่ละคนเพราะประชาชนแต่ละบุคคลย่อมมีความเห็นที่แตกต่างกันไป
ขอบคุณข้อมูลจาก รายการข่าวเช้าช่องวัน, เฟซบุ๊ก จับเข่าคุย LAW







